China (Kunming, Lijiang, Shangri -La) เที่ยวจีนง่าย ๆ ชมเมืองแห่งธรรมชาติ สวรรค์บนดิน 6 วัน 5คืน งบไม่เกิน 20,000 บาท

China (Kunming, Lijiang, Shangri -La) เที่ยวจีน เที่ยวคุณหมิง เที่ยวลี่เจียง เที่ยวแชงกรีล่า เที่ยวแบบมนุษย์เงินเดือน

       

          ขึ้นชื่อว่ามนุษย์เงินเดือนแล้ว การออกไปเที่ยว ออกไปดูโลกข้างนอก เป็นอะไรที่จรรโลงใจที่สุด ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือจะเป็นวันหยุดยาว ๆ ขอให้ได้ไปเถอะ จะไทยหรือจะเทศก็ได้ ไม่เกี่ยง ก็งานมันเครียด ก็งานมันอยู่แต่หน้าคอมฯ กับห้องสี่เหลี่ยม ๆ ก็ต้องหาสี่เหลี่ยมกว้าง ๆ วิวสวย ๆ เป็นธรรมดา แต่เที่ยวบ่อย ๆ ก็ไม่ไหวนะ ภาระก็มี หนี้สินก็ท่วมท้น ทางเลือกของมนุษย์เงินเดือนอย่างเราจึงมีไม่มาก แต่จะเที่ยวอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด ก็ต้องศึกษาข้อมูลก่อนเที่ยวครับ ด้วยเหตุนี้จึงมีเพจนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นการแชร์ประสบการณ์  ค่าใช้จ่ายแต่ละที่ แต่ละครั้งที่ออกไปเที่ยวแล้วมาเล่าสู่กันฟังเพื่อประโยชน์สูงสุด และคุ้มค่าที่สุดของชาวมนุษย์เงินเดือนอย่างเราครับ 

      ผมกับเพื่อน ๆ ก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวจีนเมื่อเดือนที่แล้ว เลยอยากจะมาแชร์ประสบการการเที่ยวจีนครั้งแรก ด้วยงบไม่ถึง 20,000 บาท ถือว่าถูกมากครับถ้าเทียบกับ ท่องเที่ยว 3 เมืองใหญ่ ๆ คุณหมิง ลี่เจียง และแชงกรีล่า 6 วัน 5 คืนโดยรวมทุกอย่างแล้ว เราหวังว่ารีวิวทริปนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านที่สนใจอยากไปจีน ด้วยงบที่ไม่แพง หรือศึกษาไว้เป็นแนวทางในการตัดสินใจเผื่อไปเที่ยวในโอกาสต่อไปครับ 

      เชื่อว่าคนไทยหลายคน พอพูดถึงประเทศจีนขึ้นมา ก็มีเรื่องให้พูดถึงมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นในแง่ลบ ผมก็เช่นกัน ผมคนนึงที่เป็นคนที่ชอบท่องเที่ยว และไปมาก็หลายประเทศทั้งในเอชีย และยุโรป ขอบอกว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีแผนที่จะไปเที่ยวประเทศจีนมาก่อน เพราะภาพในแง่ลบยังติดอยู่ในหัว จนไม่ค่อยอยากรับรู้ข้อมูลของประเทศนี้เท่าที่ควร จนวันนึงมีพี่ที่รู้จัก แนะนำและได้ลองเปิดใจค้นหาข้อมูลดูสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ พบว่าประเทศจีน มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สวยงามมาก ๆ พร้อมทั้งแหล่งโบราณสถานต่าง ๆ เช่น เมืองเก่าลี่เจียง ที่เป็นเมืองแห่งมรดกโลก อายุเก่าแก่ 800 กว่าปี หุบเขาหิมะมังกรหยกที่สวยงามตระการตา เที่ยบได้กับแถบยุโรป และ Shangri-La สวรรค์บนดินของนักเดินทาง จนกลายเป็นเหตุผลหลักที่ผมตัดสินใจไปเที่ยวจีนได้ไม่ยาก พร้อมเพื่อนร่วมทริปอีก 4 คน แต่ไม่น่าเชื่อเหตุผลที่ตามมา หลังจากไปเที่ยวกลับมา ทำให้เปลี่ยนความคิดที่กี่ยวกับคนจีนในแง่ลบไปบ้าง เหตุผลนั้นเป็นไง ตามมาดูกันครับ

ก่อนจะเริ่มต้นเดินทางไปกับผมและเพื่อนๆ ขอเริ่ม สาระน่ารู้ก่อนเดินทางกันก่อนนะครับ 

***************************************************************************************

“สิ่งที่ควรรู้ ก่อนเดินทางไปจีน”

1. “วีซ่า” บางคนพึ่งรู้ว่าไปจีนต้องขอวีซ่านะก่อนเดินทางนะครับ ผมก็พึ่งรู้ไม่นานมานี่เอง ฮ่าาา ค่าธรรมเนียม 1500 บาท เดี๋ยวรายละเอียดการขอวีซ่า ผมขออธิบายในหัวข้อถัดไปครับ

2. “China Easy Guide By Air Asia ” แนะนำ สำหรับมือใหม่หัดเที่ยวจีน ของ Air Asia เค๊าทำไว้ดีเหมือนกันครับ ฉบับเข้าใจง่าย ไม่ต้องพึ่งไกด์ ดาวน์โหลดเก็บไว้เป็นแนวทางได้เลย ตามลิงค์​ https://goo.gl/Wcf3gd

3. “ซิม” ไม่แนะนำให้ซื้อซิมที่จีนครับ เพราะ จะไม่สามารถใช้ Line,Facbook,IG ได้ เค๊าบล็อคหมด แนะนำซื้อซิมที่บ้านเราไปดีกว่า ผมกับเพื่อนก็ใช้ True กัน โปร 399 Travel Sim Asia ใช้ได้ 4 GB 8 วัน เพียงพอครับ สำหรับทริปสั้น ๆ ของเรา

4. “Wifi” ต่อเนื่องจากข้อ 3 หากเราอยากใช้งาน wifi ตามร้านอาหาร และโรงแรม และอยากให้งาน Line,Facbook ได้ แนะนำให้โหลด App VPN เพื่อ unblock ครับ ส่วนตัวผมใช้ “VPN Master Unlimited vpn proxy”

5. “ทิชชู่เปียก” สำคัญมากครับ สำหรับการใช้ชีวิตอยู่ที่จีน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าห้องน้ำ และหลังรับประทานอาหาร เพราะที่จีนเค๊าไม่มีสำรองให้นะครับ ต้องเตรียมไปเอง ถ้าตามร้านอาหารก็ต้องจ่ายตังค์เพิ่ม

6. “อาหาร” อาหารที่นี่ ค่อนข้าง มัน เลี่ยน จืด ถ้าเผ็ด ก็จะเป็นหม่าล่านั่นเอง เผ็ด ไปจนถึงชาลิ้นกันเลย แนะนำพกมาม่าคัพ ปลากระป๋อง อาหารกระป๋อง จากไทยติดตัวไปก็ดีครับ ช่วยได้ กับไข่ต้มที่นู่นก็เข้ากันดี แค่นี้ผมอยู่ได้ครับ ฮ่าาา

7. “บุหรี่” ผู้ชายชาวจีนแถบนี้ส่วนใหญ่ จะชอบสูบบุรี่กันมากครับ แทบจะทุกที่ ยกเว้นในรถที่ติดแอร์ และเครื่องบิน แนะนำพก หน้ากากอนามัยติดตัวไปก็ดี

8. “ห้องน้ำ” โดยรวมไม่ได้แย่นะครับ สะอาด ผิดคาดที่คิดไว้ ยิ่งถ้าเป็นโรงแรม หรือตามห้าง หรือสนามบิน แทบจะเหมือนบ้านเราครับคือเป็นแบบชักโครก และแบบนั่งยอง แต่ถ้าตามแถบชนบท หมู่บ้านก็ยังมีให้เห็น ยังมีเป็นแบบ นั่งยอง พร้อมกลับด้าน อาจจะงง ๆฮ่าาา

9. “เวลา” เวลาที่จีนจะเร็วกว่าบ้านเรา 1 ชัวโมงครับ และการเดินทาง เช่นรถไฟ เครื่องบิน ตรงเวลามากครับ

10. “อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา” ที่จีน ใช้สกุลเงิน หยวน(CNY) อัตรา 1 หยวน = 5 บาท ( Update พฤษภาคม 2561) ปัจจุบันที่จีนเค๊าไม่ค่อยพกเงินสดนะครับ ตามเมืองใหญ่ ๆ ส่วนใหญ่เค๊าจะชำระเงินผ่าน QR Code อย่าง Alipay หรือ Wechat pay สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราก็ไม่ต้องกลัว เค๊ายังรับเงินสดอยู่ 😉

11. “ยานพาหนะ” ที่จีน เอกลักษ์ที่โดดเด่น ของย่านนี้จะเป็น รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ตัวอย่างที่เห็นชัด คือที่เมืองคุณหมิงครับ ใช้กันแทบทั้งเมือง ข้อดีคือ เงียบ แต่ต้องมองดี ๆ ไม่งั้นอาจโดนเชี่ยว ส่วนพาหนะอื่น ก็คล้าย ๆ บ้านเราครับ มีทั้งรถไฟ รถเมย์(ถูกกว่าบ้านเรา 5-10บาท) และเครื่องบินภายในประเทศ

12. “การจองตั๋ว รถไฟ,โรงแรม,เครื่องบินภายในประเทศจีน” การจองตั๋วรถไฟ เครื่องบิน แนะนำ Link นี้ครับ https://th.trip.com และ https://www.travelchinaguide.com และ เครื่องบินภายในปะเทศจีนผมจะเปรียบเทียบกับ app พวก Traveloka,skyscaner etc เจออันไหนถูกเอาอันนั้นครับ แต่ต้องดูดี ๆ ว่าเค๊าให้น้ำหนักกระเป๋าด้วยมั๊ย ส่วนโรมแรม ก็มี Booking.com และ Agoda ครับ

13. “การขึ้นรถเมล์” ที่จีนไม่มีกระเป๋ารถเมย์นะครับ จะมีกล่องให้หย่อนก่อนขึ้น ด้านหน้าคนขับที่สำคัญเค๊าไม่ทอนนะ ต้องเตรียมให้พอกับค่ารถ ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ ที่ 1-2 หยวน (5-10 บาท)

14. “ภาษา” คนพื้นที่ส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ครับ จะพูดภาษาจีนกัน แนะนำโหลดแอฟแปลภาษาไปครับ ช่วยได้ ผมโชคดีที่มีเพื่อนที่พูดภาษาจีนได้ไปด้วย แต่บางเมืองเราต้องแยกกันก็ต้องช่วยตัวเองไป ก็มีทั้งแอปช่วยแปล และภาษากาย ก็ว่ากันไป ฮ่าาาา

15. “ปลั๊กไฟ” เหมือนบ้านเราเลยครับ ไม่ต้องเตรียมหัวปลั๊กเสริมไปก็ได้ โรงแรมที่ไปอยู่ส่วนใหญ่จะเตรียมปลั๊กเสริมให้ด้วย เพียงพอครับ

16. “แผนที่” หลัก ๆ ผมจะใช้ Google map และ กรณีเหตุฉุกเฉินไม่มีเน็ต แนะนำ App maps.me ครับ

17. “สภาพอากาศ ” สภาพอากาศ ส่วนใหญ่จะเย็นสบายไปถึงหนาว ฝน ชื้น ครับ และความสูงจะใต่ระดับจาก คุณหมิง ลี่เจียง แชงกลีร่า ยิ่งสูงยิ่งหนาวตามคำล่ำลือเลย และยิ่งสูงอากาศจะเบาบาง จะเหนื่อยเร็ว แต่ที่นู่นเค๊ามี อ๊อกซิเจนกระป๋องให้ครับ ไว้ใช้ฉุกเฉิน และขึ้นหุบเขาสูง เพื่อความสบายใจแนะนำเตรียมยาที่ต้องใช้ขึ้นที่สูงไปก็ดีครับ  แต่ช่วงที่ผมกับเพื่อนไป จะเป็นช่วงฝนตก ฉ่ำเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นต้องศึกษาสภาพอากาศให้ดีก่อนเดินทางนะครับ

18. “ระบบความปลอดภัย” ที่จีนจะมีระบบความปลอดภัยสูงมากครับ เห็นได้จากระบบแสกนกระเป๋า ไม่ใช่แค่ที่สนามบินอย่างเดียวครับ มีทุกที่ที่มีสถานีขนส่งหลัก ๆ เช่น สถานีรถไฟ รถบัสโดยสาร แสกนมันมันส์เลยทีเดียวเพราะฉะนั้นต้องเผื่อเวลานิดนึงครับ ก่อนเดินทาง

19. “Wechat” คนจีนที่นี่ส่วนใหญ่ใช้ wechat กันนะครับ หากอยากติดต่อสื่อสารกับผู้คนที่นี่ แนะนำโหลด Wechat ไว้เลยตั้งแต่อยู่ที่ไทย พร้อมทั้ง ลงทะเบียนเปิดการใช้งานให้ครบถ้วนก่อนออกนอกประเทศครับ



 

“การขอวีซ่าจีน”

การขอวีซ่าจีน เราสามารถยื่นด้วยตัวเอง และฝากเพื่อนยื่นแทนได้นะครับ(*กรณีให้ผู้อื่นยืนแทนต้องมีหนังสือมอบอำนาจ ภาษาอังกฤษ ตัวอย่าง ตามลิงค์ ข้อ 8)

สถานที่ 

กรุงเทพ : อาคารธนภูมิ ชั้น 5 เลขที่  1550 ถนน เพชรบุรีตัดใหม่ แขวง มักกะสัน เขต ราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400  // รถไฟฟ้าใต้ดิน เพชรบุรี  ทางออกประตู 2 และต่อ วิน 15 บาท  เปิด-ปิด เวลาทำการนะครับ

พิกัด : https://goo.gl/maps/2NAdVX1xAot

เชียงใหม่ : เลขที่ 111 ถ.ช่างหล่อ ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100

เอกสารที่ต้องเตรียม

1.หนังสือเดินทางต้องมีอายุการใช้งานเหลือมากกว่า 6 เดือน

2. สำเนาพาสปอร์ต

3. สำเนาวีซ่าจีนอันเก่า (ถ้ามี)

4.เเบบฟอร์มขอวีซ่า  ดาวน์โหลดได้ที่ https://goo.gl/gEGpXa

ส่วนตัวอย่างการกรอกแบบฟอร์มแบบละเอียด ดาวน์โหลดได้ที่ https://goo.gl/K29mie

5. รูปถ่าย 2 รูป (ขนาด 2 นิ้ว พื้นหลังสีขาว) ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปถ่าย อ้างอิงตามลิงค์

   https://goo.gl/UrDmm5

6. ใบจองตั๋วเครื่องบิน (ถ้าไม่สะดวกจองจริง แนะนำให้เอเย่นต์ช่วยจองนะครับ จองแบบไม่ต้องจ่ายตังค์)

7. ใบจองโรงแรม แนะนำจองผ่าน booking.com สามารถยกเลิกได้

8. หนังสือมอบอำนาจ หากไม่ได้ไปยื่นด้วยตัวเอง แบบฟอร์มสามารถพิมพ์เองได้ ตัวอย่างแบบฟอร์ม สามารถดาวน์โหลดได้ที่  https://goo.gl/M9CkGK

9. เงินค่าธรรมเนียม 1,500 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติม

https://www.visaforchina.org/BKK_TH/

แผนท่องเที่ยวในจีนฉบับย่อ

ส่วนฉบับละเอียด ติดตามในรีวิวนะครับ :)) 

เดินทาง 26/05/2018-31/05/2018 รวม 6 วัน 5 คืน ตามเส้นทางสายฝัน คุณหมิง ลี่เจียง แชงกรีล่า

Day1  เดินทางจากสนามบินดอนเมือง-สนามบินคุณหมิง >>> เที่ยวในเมืองคุณหมิง >>> เดินทางไปเมืองลี่เจียงด้วยรถไฟนอน

Day2 เดินทางจากสถานีรถไฟลี่เจียงไปยังที่พัก >>> เที่ยวชมเมืองโบราณลี่เจียง >>>สระมังกรดัำ

Day3 เที่ยวชมธรรมชาติ ทะเลสาบพระจันทร์สีน้ำเงิน >>> น้ำตกไป๋สุยเหอ >>> ภูเขาหิมะมังกรหยก>>>ชมการแสดง Impression Lijiang >>>พักที่เมืองโบราณลี่เจียง

Day4 ออกเดินทางจากเมืองลี่เจียง ไปแชงกรีล่า ด้วยรถบัสประจำทาง >>> ชมเมืองโบราณแชงกรีล่ายามค่ำคืน (วัดต้าฝอยามค่ำคืน) >>>รับประทานอาหารเย็นด้วยสุกี้เนื้อจามรีของโปรดดด

Day5 ทะเลสาบนาปา >> วัดซงจ้านหลินหรือวัดโปตาลาน้อย>> วัดต้าฝอหมุนกงล้อยักษ์เพื่อความเป็นศิริมงคล

>>ชอปปิ้งซื้อของฝาก >>เดินทางจากแชงกรีล่า ไปคุณหมิงด้วยสายการบินภายในประเทศ

Day6 เดินทางกลับบ้านจากสนามบินคุณหมิง ไปสนามบินดอนเมือง โดยสายการบิน Air Asia

ได้เวลาร่วมสัมผัสประสบการณ์ครั้งแรกที่จีนไปพร้อม ๆ กันแล้วครับ

หลังจากผมนั่งรวบรวม เนื้อหาสำคัญที่สาระบ้างไม่สาระบ้างเสร็จแล้ววว…ทีนี้จะมีรูปประกอบละนะฮ่าาา  สามารถตามรอยผมได้เลยนะ แบบไม่ต้องกลัวหลง เพราะแต่ละที่ ที่สำคัญที่ไ ป ผมจะ note  พิกัด gps  ไว้ให้ ในรีวิวแต่ละตอน ผมเช็คและใช้เองแล้วว่าถูกต้องครับ พร้อมแล้วลุยกันเลยครับ!!! 

Day1 ปลายเท้าน้อย ๆ คล้อยหย่อนลงผืนพสุธาแห่งเมืองคุณหมิงครั้งแรกในชีวิต

เดินทางจากบินดอนเมือง-สนามบินคุณหมิง >>> เที่ยวในเมืองคุณหมิง >>> เดินทางไปเมืองลี่เจียงด้วยรถไฟนอน

26/05/2018 ได้เวลาออกเดินทางกันแล้วว…เราออกเดินทางกันรอบเช้า เที่ยวบินรอบ 08:05 น. (FD585) สายการบิน Air Asia เดินทางจากสนามบินดอนเมือง สู่สนามบินคุณหมิง… ก็ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ ออกจากบ้านกันตั้งแต่ตีห้า 5555++ กลัวตกเครื่อง เผื่อไว้ก่อนดีที่สุดครับ รวมตัวกันได้ประมาณ หกโมง นิด ๆ Counter ก็เปิดให้ Check in พอดี

ทริปนี้พวกเราไว้ใจให้ Air Asia เป็นผู้ดูแลครับ เค๊าดูแลเราเปรียบเสมือนญาติมิตร อาหารก็ถูกปาก สามารถสั่งล่วงหน้าไว้ก่อนได้ ที่สำคัญราคาสบายกระเป๋า..ไปคุณหมิง ใครว่าแพง ไป-กลับพวกเราจองตั๋วกัน ประมาณ 6000 บาท ยิ่งถ้าเจอช่วงโปรโมรชั่นเค๊าหละยิ่งถูกไปอี๊กก… เดี๋ยวสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด ผมขอแจ้งตอนท้าย รีวิวนะครับ 

ถึงซะที ที่นี่สนามบินคุณหมิง ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงครับ ทริปนี้เดินทางกัน 5 คนครับ ชาย 2 หญิง 3 ในนี้ก็จะมีคู่รัก 1 คู่ เราคนโสด มันก็จะเหม็นๆ ความรักนิดหน่อย 555+ โชคดีของผมในทริปนี้ คือ มีเพื่อนที่พูดจีนได้ 2คน ง่ายเลยทีนี้ แต่ๆๆ จะมีวันที่เราต้องแยกทางกัน เพราะเพื่อนอีก 3 คนจะไปเมืองต้าลี่ ส่วนผมกับเพื่อนอีก 1 คนจะไปแชงกรีล่า ซึ่งอยู่ห่างไกลสุด และนั่นแหละเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการผจญภัยด้วยตัวเองในต่างแดน…

 

ต่อจากนั้นก็เดินทางจากสนามบินมาที่สถานีรถไฟคุณหมิง เห็นแว๊บแรกนึกว่า มารินา เบย์น้อย  เราแวะที่สถานีรถไฟกันก่อนเพื่อมารับตั๋วรถไฟ และฝากกระเป๋ากันที่นี่ ก่อนถึงสถานีรถไฟ เราตัดสินใจเหมาแท็กซี่กันมา ทีแรกจะนั่งรถเมย์กันแต่คำนวนดูแล้ว เหมาแท็กซี่ถูกกว่า ถ้านั่งรถเมย์​ คนละ 25 หยวน ส่วนแท็กซี่ ราคาเหมาตกคะละ 24 หยวน ครับ

สถานที่: สถานีรถไฟคุณหมิง  พิกัด https://goo.gl/j4XYmq

การเดิดทาง: Airport Shuttle bus เดินทางโดยออกประตู 3 คนละ 25  หยวน  หรือ แท็กซี่ รวมไม่เกิน 120 หยวน รายการคิดต่อคน 24 หยวน

ที่สถานีรถไฟมีที่รับฝากกระเป๋าด้วยนะ พวกเราฝากของกันที่นี่ เพราะกลางวันมีแผนเที่ยวที่เมืองคุณหมิงก่อน โดยเดินเข้ามาด้านในสถานี ผ่านจุดตรวจสะแกนกระเป๋า ที่นี่ระบบความปลอดภัยสูงมากครับจะเดินทางไปไหนต้องเผื่อเวลานะครับ.. พอเข้าไปแล้วเดินทะลุเข้าไปด้านใน จะอยู่ฝั่งซ้ายมือ มองหาป้ายนี้เลยครับ ราคารับฝากกระเป๋าอยู่ที่ 8 หยวนต่อใบ ฝากได้ถึง 23:00 เลยทีเดียว

จากนั้นเดินเข้ามาในอาคารหลัก เพื่อรับตั๋วรถไฟ รับที่หมายเลข 8 นะครับ หรือป้ายตามรูปเลย

ทีนี้ได้เวลาออกเดินทางชมเมืองแล้ววว!! ^ ^  ระหว่างทางก็ได้เห็นสิ่งแปลกตามากมาย วิธีชิวิต ผู้คน โดยรวมผมรู้สึกสงบนะ ดูไม่วุ่นว่าย ไม่เสียงดังโหวกเหวก โวยวาย  แว๊บแรกคิดอะไรรู้มั๊ย ทำไมผมรู้สึกต่างจากที่ผมเจอทัวร์จีนในเมืองไทย ทำไมผิดแผกเยี่ยงนี้ มีเรื่องชอบ ก็ต้องมีเรื่องที่ไม่ชอบเป็นธรรมดา ที่เมืองนี้เค๊าจะสูบบุหรี่กันหนักหน่อยนะครับ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้าน ตามชนบท ตามป้ายรถเมย์นี่เจอเยอะสุด หลีกเลี่ยงโดยการยืนห่าง ๆป้ายรถเมย์ไว้ก็ดีนะครับ สำหรับใครที่แพ้บุหรี่หนัก ๆ ก็อย่าลืมพกแมสมาด้วยนะครับ

โอ้โหววว ทางม้าลายที่นี่ ยาวขนาดนี้นึกว่าลูู่วิ่งผลัด 4×100 ไหนไฟข้าม หาไม่เจอ คุยกันกับเพื่อน ว่านี่คือทางมา้ลายใช่มั๊ย ที่นี่เค๊าไม่มีสะพานลอยข้ามเหมือนบ้านเรานะครับ ตัดสินใจ วัดใจกันไปเลย โชคดีเห็นคนพื้นที่เค๊าข้ามกันเลยข้ามตาม โอเคเรารอดแล้ว

นอกจากจะมีเพื่อน ๆ พาตะลอนเที่ยว ที่เมืองคุณหมิงแล้ว  ผมยังมีผู้ช่วยสำคัญ นี่เลย “China Easy Guide By Air Asia ” แนะนำ สำหรับมือใหม่ เข้าใจง่าย ไม่หลงครับ ดาวน์โหลดไปใช้ ตามลิงค์นี้เลย​ครับ https://goo.gl/Wcf3gd

และที่ขาดไม่ได้อีกอย่างคือ ซิมท่องเที่ยวเอเชีย (Travel Sim Asia by Truemove H) ผมกับเพื่อนๆใช้ true ครับ โปร 399 บาท  ใช้ได้ 4 GB นาน 8 วัน ถือว่าเพียงพอ สำหรับคนชอบติดโชเชียลอย่างผม ใช้ดี ไม่มีสะดุด ครับ ไม่แนะนำให้ซื้อซิมที่นี่ใช้นะครับเพราะ จะไม่สามารถใช้งานได้งาน Line, Facebook,IG ได้

ที่คุณหมิงยังไม่หมดเพี่ยงเท่านี้นะครับ ยิังมีต่อ ๆ ที่เห็นจอดเรียงรายนี้ ไม่ใช่โชวรูมมอเตอร์ไซด์แต่อย่างใด มันคือที่จอดรถครับ และที่น่าสังเกตุคือ ที่นี่เป็นแบบรถไฟฟ้าหมด เวลาขับจะเงียบมาก ดูแล้วเป็นระเบียบ และสะอาดตาดีครับ

ที่นี่เค๊าก็มีจักรยานสาธารณะให้ยืมกันนะครับ แต่ไม่เคยลอง เห็นเพื่อนบอก ให้เฉพาะคนจีนด้วยกัน เพราะต้องโหลด แอฟใช้งาน เพื่อปลดล็อค และ ติดตามจักรยาน กันโขมย ดูเก๋ไปเลยจ๊ะ

ที่นี่ก็ได้เวลาสำคัญแล้ว หลังจากเดินเที่ยวเหนื่อยมาทั้งวัน มื้อเย็นนี้เราทานกันที่นี่ครับ Jinying Shopping Center ชื่อร้าน HongFan Hotpot (红蕃干锅) ขึ้รนลิฟท์ไปชั้น 6 และมองหาป้ายร้านได้เลยครับ เริ่มด้วยการสั่งอาหาร จะค่อนข้างยาก เพราะเค๊าไม่พูดภาษาอังกฤษกัน เพื่อนที่มาด้วยก็พอพูดได้ แต่ก็ยังมีบางคำที่ต้องใช้ตัวช่วย แนะนำ Google แปลภาษา ช่วยได้ครับ

พวกเราสั่ง Ganguo กัน มาทั้งทะเล และหมู ไก่  ขอบอกว่าที่นี่อร่อยมาก ๆ กินไปซักพักจะติดชาที่ลิ้นเพราะเค๊าใส่ Mala และติดเลี่ยน และมันตอนท้าย ๆ  พอพูดถึง Mala จริง ๆ คนไทยยังเข้าใจผิดกัน ผมคนนึง แฮ่ ๆ อันนี้เพื่อนบอกมา ชื่อ Mala นั้นไม่ใช่เมนูอาหารนะครับ เป็นชื่อพืชชนิดนึงของชาวจีน  ที่นี่เค๊านิยมนำไปประกอบอาหารครับ จะมีรสชาติเผ็ด และชาติดลิ้น สำหรับคนที่ยังไม่เคยลอง ต้องลองครับ

สถานที่ Jinying Shopping Center  พิกัด : https://goo.gl/XRuqqS

การเดินทาง หากอยู่ในตัวเมืองแนะนำเดินตามพิกัดได้เลยครับ 

ค่าอาหาร มื้อนี้ถือว่าเป็นมื้อใหญ่สุด เราหมดคนละ 83 หยวนครับ ก็ประมาณ 415 บาทไทย เหมือนบุฟเฟ่บ้านเรา แต่ขอบอกว่าาอิ่มมมไปถึงพรุ่งนี้เลย

หลังจากอิ่มแล้วตัวนี้ช่วยได้ครับ แก้เลี่ยน เพราะอาหารที่นี่ค่อนข้าง มัน และเอาตรง ๆ คือ รสชาติ ติดเลี่ยนหน่อย ๆ ครับ จะขอบอกว่าอาหารมื้อนี้จะเป็นอาหารมื้อที่พิเศษที่สุดสำหรับผมแล้ว…กลับมาที่ไอ้กระป๋องแดงนี่กัน ทานแล้วรสชาติ คล้าย เย็น ๆ อิชิตันบ้านเราเลย แต่ผมว่าอันนี้อหร่อยกว่า ผมซื้อตัวนี้พกติดตัวตลอด อันนี้เพื่อน แนะนำมาอีกทีครับ

จุ๊ ๆ อีกอย่าง!! เบียร์ผมก็ซื้อนะ อยากลองแต่ไม่กล้าโชว์ อิอิ หาซ้อได้ครับผมลองกระป๋องสำน้ำเงิน และกระป๋องสีขาว นุ่มใช้ได้ครับ ลองหาซื้อดูสำหรับคอเบียร์

ทีนี้ก็ได้เวลาออกเดินทางกันแล้ว เราเดินทางกันด้วยรถไฟนอน จาก Kunming ไป Lijiang (K9686) ออกเดินทางเวลา 23:02-07:52 น.  เช้าพอดี ไม่ต้องนอนโรงแรมครับ ถึงแล้วเที่ยวต่อได้เลย

จากรูปจะเป็นบรรยากาศภายในรถไฟ ที่นอนหลับสบายครับ มีเครื่องปรับอากาศด้านใน ผ้าห่มหนา ๆ ห้องน้ำสะอาดกว่าที่คิดครับ มีทั้งแบบชักโครก และแบบนั่งยอง เลิกได้ตามใจชอบ

จบแล้ววสำหรับวันนี้ ขอนอนพักผ่อนละนะครับ ผมนี่ตายก่อนเพื่อนเลย ฮ่าาา แต่ก็แอบตื่นดึก ๆ เพราะเพื่อนนอนกรนเสียงดัง แต่ขอไม่บอกว่าใคร นี่ถ้าไ้ด้อ่านคง inbox มาบอกให้ลบเดี๋ยวนี้ๆ ฮ่าาา

 ฝันดีครับเจอกันพรุ่งนี้ ที่เมืองลี่เจียง เราจะเจออะไรกันที่นั่น ตามไปดูกันต่อครับ 

เดินทาง รถไฟนอนจาก สถานี Kunming ไป Lijiang (K9686) วันที่ 26/05/2018 เวลา 23:02 ถึง27/05/2018  เวลา 07:52 

ราคาตั๋วรถไฟ  1280 บาท (จองที่ไทย)

Link จองตั๋วรถไฟ https://th.trip.com/?language=TH&locale=th_th 

Day2 นี่เราหลุดมาจากอีกโลกนึงใช่มั๊ย หรือย้อนเวลากลับไป 800 ปีก่อน ที่เมืองเก่าลี่เจียง

เดินทางจากสถานีรถไฟลี่เจียงไปยังที่พัก >>> เที่ยวชมเมืองโบราณลี่เจียง >>>สระมังกรดำ 

ถึงซะที ลี่เจียงของฉัน รถไฟจอดที่สถานีลี่เจียง ที่เวลา 07:50 อะไรจะเป๊ะขนาดนี้ ต้องรีบเผ่นกันนะครับ เพราะถ้าเลยแล้วเจอกันสถานีหน้าเลยนะ

พอออกจากสถานี เจอทางลงจะเห็นว่ารูปสดท้ายผมยืนงง ๆ ด้วยความเซ็ง เห็นทางลาดข้างหน้าผมกันมั๊ยครับ เดาออกมั๊ยว่าเกิดอะไรขึ้น… ไม่มีอะไรมากครับ แค่แบกกระเป๋าหนัก ๆ เดินลงบันได โดยพร้อมเพรียงกัน อีกฝั่งทางลง พอเงยหน้าขึ้นปุ๊บ เจอทางลาด ก็เซงกันเป็นแถบ

ระหว่างเดินทางและรอรถเมย์ ก็จะมีไกด์มากมาย ทั้งพูดภาษาอังกฤษได้และไม่ได้ เสนอแพ็กเกจเที่ยวต่าง ๆ เสนอพาเราไปที่พักโรงแรม มีทั้ง 7 8 10 หยวน ราคาไม่เท่ากันซักรอบ ขึ้นอยู่กับความพอใจของไกด์และเรานั่นเอง แต่ไม่เป็นไรเรานั่งรถเมย์กันดีกว่าค่าโดยสารคนละ 1 หยวน ถูกกว่าไทยอีก ผ่านเมืองเก่าลี่เจียง เบอร์ 18 นี่เลย หรือ สาย 4 ก็ได้

สถานที่ สถานีรถไฟลี่เจียง Lijiang Railway Station Square 丽江站场  พิกัด https://goo.gl/vYgk5k

ค่าโดยสาร  คนละ  1 หยวน ไปเมืองเก่าลี่เจียง (โรงแรมอยู่ที่นั่น)

ระหว่างรอข้ามถนน ฝั่งตรงข้ามเราก็เป็นเมืองเก่าลี่เจียงนั่นเอง เป็นทางมุ่งหน้าไปโรงแรม

ที่นี่เค๊าไม่อุ้มลูกหลานกันนะ พาดหลังอย่างนี้เลย

จากนั้นก็เดินทะลุเข้าไปเรื่อย ๆ และเรื่อยๆ….

เราเดินกันเรื่อย ๆ จนแอบสงสัย เอ๊ะ เราไม่ได้หลงกันใช่มั๊ย ทำไมมันลุยตลาดเยอะจัง เป็นตลาดสดที่ทางเดินเริ่มแคบลงเรื่อย ๆ จนลากกระเป๋าแทบไม่ได้ อืมมมห์ น่าจะผิดทางฮ่าา จริง ๆ ก็ถูกทางแหละ เพียงแต่เราลงอีกฝั่งเฉย ๆ แต่ระหว่างทาง ผมกลับไม่เบื่อเลย ได้เห็นวิธีชีวิตชาวบ้านแบบจริง ๆ แบบเพียวริคุมาก ๆ  ที่นี่ผักผลไม้สดมากครับ ผมกับเพื่อนก็ซื้อจากที่นี่ไปทานโรงแรม มีทั้งองุ่นไร้เมล็ด เชอรรี่… และได้เห็นตาชั่งของชาวจีนโบราณที่เค๊ายังใช้กันอยู่ เห็นแล้วดู คลาสสิกดีแท้ ว่าแล้วก็ตามมาดูรูปเพลิน ๆ กับวิธีชาวบ้านตลาดเมืองเก่าลี่เจียงกันครับ

แค่เดินผ่านตลาด ผมก็หมดไปละ 25 หยวน

และแล้วก็…ถึงที่พักซะที เราพักกันที่นี่ครับ โรงแรม Lijiang Waterfront Inn ใจกลางเมืองเก่าลี่เจียงเลย สะอาด เจ้าของและพนักงานใจดี น่าอยู่ครับ มีหมาน่ารัก น่ากอดด้วย เราพักกันแบบ 5 คน เป็นห้อง Super Family Suite ราคา ก็สบายกระเป๋าครับ

สถานที่พัก: โรงแรม Lijiang Waterfront Inn  พิกัด : https://goo.gl/Y7S4Ts

ราคาที่พัก 1,965 บาท จองที่ไทย เฉลี่ยคนละ 393 บาท ต่อคืน 

ผมกับเพื่อนอีกคนเปลี่ยนแผนนิดหน่อยพักต่อ คืนที่ 2 คนละ 495 บาท

ที่นี้ก็ได้เวลาสำรวจความงดงามของเมืองนี้กันแล้วครับ พร้อมแล้วไปกันเลย…

มองเห็นสิ่งนี้แล้ว น่าจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่ชาวบ้านที่นี่เคารพ และศัทธา เพราะผมสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง….

กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราแวะรับประทานอาหารกันที่นี่กันก่อนครับ  Four square food street แถวนี้มีร้านอาหารเยอะแยะ พอมีที่ทานไ้ดบ้าง และไม่ได้บ้าง แนะนำข้าวผัด,เนื้อย่าง, ปลาหมึกย่าง รสชาติพอใช้ไ้ด้ครับ  ย่านนี้เค๊าบอกว่าเป็นอาหารของทางชนเผ่า น่าซีครับ เมนูหลัก ๆ ก็หม่าล่า เน้น ๆ

สถานที่:  Four square food street พิกัด  : https://goo.gl/TAkkuN

ค่าอาหาร เครื่องดื่ม : 25 หยวน ต่อคน

อะอิ่มละก็ลุยทีนี้ ขอปล่อยรูปรัว ๆ นะครับ

พอเดินมุ่งหน้ามาเรื่อย ๆ ก็จะเจอ Landmark ของเมืองเก่าลี่เจียงคือ กังหันน้ำขนาดยักษ์ ที่ตั้งตะง่าน ตรงลานกว้าง เปรียบเสมือนเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตของชาวบ้านที่นี่ รอบ ๆ นี้ก็เป็นลานกว้าง น่าจะเป็นลาดกิจกรรมขนาดใหญ่ และที่สำคัญ มี Starbuck, Pizza,KFC นะจ๊ะ ถ้าเบื่อ ๆ อาหารจีน ก็จัดพิซซ่าละนะเย็นนี้

เดินต่ออีกนิดก็ประมาณ 1 กิโลเมตรจากจุด กังหันน้ำขนาดยักษ์ ก็จะเจอ สระมังกรดำ จะอยู่ในอุทยานอวี้เฉวียน ต้องซ์้อบัตรเข้านะครับ คนละ 80 หยวน แพงอยู่นะ ไหน ๆ มาแล้วก็ต้องเข้าสิ  แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าเราจ่ายค่าเข้าตรงค่าธรรมเนียมชมเมืองเก่าลี่เจียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ไม่ต้องจ่ายค่าเข้าที่นี่ครับ

ในส่วนของวันนี้ ท้องฟ้าไม่เปิด ฝนตกด้วย เลยไม่เห็นวิวด้านหลังที่เป็นภูเขาหิมะมังกรหยก แต่มาเห็นได้ขนาดนี้ก็ถือว่าคุ้มครับ

ที่มาของคำว่า สระมังกรดำ คือ เป็นเรื่องเล่าขานว่ามีคนพบเห็นมังกรดำว่ายน้ำเล่น ที่สระแห่งนี้จึงเรียกชื่อนี้เป็นต้นมา

สถานที่ สระมังกรดำ พิกัด https://goo.gl/ros3QF

ค่าบัตรเข้าชม คนละ 80 หยวน

“ทะเลหลังคาลี่เจียง และแสงสียามค่ำคืน”

พิกัดจุดชมวิว แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย https://goo.gl/RTgkB9 

ก่อนจะชมวิวทะเลหลังคาลี่เจียง เรามาทำความรู้จักกับเมืองโบราณ ย่านเมืองเก่าลี่เจียง กันก่อนครับ เมืองเก่าลี่เจียง มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า800 ปี มีคลองและสะพานที่มีอยู่มากมาย จนได้รับการขนานนามว่า “เวนิสแห่งตะวันออก” และเป็นเมืองที่เป็นที่ตั้งรกรากของชาวน่าซีมาตั้งแต่สมัยโบราณ จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็น มรดกโลกโดยยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ. 2540 ที่ผ่านมา วิวทะเลหลังคาเห็นสุดลูกหูลูกตานี้ ถ้ามองดี ๆ จะเห็นคล้าย ๆ เกล็ดมังกร ตามความเชื่อของชาวบ้านสมัยก่อนที่นี่ครับ

ขอเปรียบเทียบให้เห็นตั้งวิวตอนกลางวัน และกลาวคืนเลยนะครับ เพราะความสวยงามแตกต่างกัน เราแวะมาถ่ายทั้ง 2 ช่วงเวลาเลย พร้อมแล้วลุยกันเลยยย!

และต่อเนื่องด้วยความงดงาม ของแสงสียามค่ำคืนครับ ผมอยุ่ที่นี่นานไม่ได้จริง ๆ ไม่งั้นเดี๋ยวจะหลงรักเมืองนี้เข้าไปแน่ ๆ ว่าแล้วมาดูความงามของเมืองนี้ยามค่ำคืนกันต่อครับ

ขอพักเบรคกันที่รูปนี้แป๊บครับ ในขณะที่เพื่อนผมตั้งกล้องถ่ายรูปนั้น ก็มีน้องๆ นักศึกษาจีนมายืนมุงดู อย่างจริงจัง คือหน้าแทบจะจูบกล้อง  เราก็ไม่รีรอ กวักมือมาถ่ายรูปด้วยกัน มันก็จะสื่อสารด้วยภาษามือ และ app แปลภาษาหนักหน่อย น้องเค๊าไม่ค่อยใช้ภาษาอังกฤษ พอถ่ายเสร็จน้องเค๊าอยากได้รูป แต่ ประเทศจีน block ทั้ง Facebook,IG,Line เล่นแต่ we chat เราก็ไม่มี we chat ก็เลยให้น้องเค๊าถ่ายหน้าจอจากกล้องไป 555 แต่น้องเค๊าก็พยายามใช้ภาษาอังกฤษกับเรานะ น่ารักดี อะต่อ ๆ ได้

จริง ๆ ส่งเมล์ ส่งไรก็ได้นะ แต่ตอนนั้นคิดไม่ออกฮ่าา เอะอะก็จะ ขอเฟส ขอไลน์ แหมะ ๆๆๆๆ

เดี๋ยวๆๆๆ ขอหยุดที่รูปนี้ครับ ระหว่างทางที่เรากำลังจะกลับที่พัก เดินผ่าน ซอย ๆ เต็มไปด้วย ผับ บาร์ ร้านเหล้า ถ้านับไม่ผิดก็เกือบ 20 กว่าร้านได้ อื้อหืออ ช่างเป็นการผสมผสานที่ลงตัวมากครับ ที่พีคกว่านี้ ถ้าสังเกตุภายในร้านจะมีลูกโป่ง และมีคนยืนเต้นเขย่าลูกโป่ง เหมือนกระโดดเบาะยางเล่นอย่างสนุกสนาน มีดีเจ เปิดเพลง พร้อมทั้ง สาวแดนซ์เซอร์ข้าง ๆ ที่เต้นแบบหน้าตาย ถัดไปอีกร้าน เหมือนรำวงบ้านเรา ที่เต้นเป็นวงกลม ผมรู้สึกว่ามันคือ Unseen ของเมืองนี้มาก ๆ ครับ ไม่เคยเจอ และไม่คาดคิดว่าจะเจอ สำหรับคนที่สนใจดู พิกัดผมขอไม่บอกนะครับ แต่หาเจอง่ายมาก ดินทางตามสายน้ำครับ อิอิ

ออ จะมีเพลงนี้นะครับ ที่ฮิตติดหูมากที่นั่น ตามร้านขายกลอง คนขายจะเล่นเพลงนี้ตลอด ผมนี่ได้ฟังจนติดหนู ถึงกับเอาเก็บไปฝัน ลองเข้าไปฟังตามลิงค์เลยครับ https://goo.gl/DGn4P3  

วันนี้ ขอจบทริปเมืองในนิยาย ไว้เท่านี้ก่อนนะครับ พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า ไปลุย ภูเขาหิมะ และชมธรรมชาติระหว่างทางกัน ฝันดีครับพี่น้องชาวจีน 

Day3 ภูเขาหิมะมังกรหยกหายไปไหน?

เที่ยวชมธรรมชาติ ทะเลสาบพระจันทร์สีน้ำเงิน >>> น้ำตกไป๋สุยเหอ >>> ภูเขาหิมะมังกรหยก>>>ชมการแสดง Impression Lijiang >>>พักที่เมืองโบรานลี่เจียง

วันนี้ออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ รถตู้ออก 06:45 สภาพอากาศวันนี้ไม่เป็นใจเท่าที่ควร ฝนตก หมอกลง ภาวนากันว่าขอให้ฟ้าเปิดตอนที่ขึ้นภูเขาหิมาะกัน สาาธุ   ในการเดินทางในวันนี้ตัดสินใจซื้อทัวร์กันเนื่องจากคำนวนค่าใช้จ่ายแล้วถูกกว่าถ้าเราเดินทางกันเอง โดยทัวร์นี้จะรวมค่ารถเดินทางไป – กลับ ตั๋วเข้าชม พื้นที่ต่าง ๆ พร้อมทั้งอาหารกลางวัน สถานที่ ๆ รวมในราคาทัวร์คือ ทะเลสาบพระจันทร์สีน้ำเงิน,น้ำตกไป๋สุยเหอ,ภูเขาหิมะมังกรหยก,ชมการแสดง Impression Lijiang ทั้งหมดทั้งสิ้น คนละ 600 หยวนครับ อย่าพึ่งช็อคครับ ราคานี้จริง ๆ

ต่อด้วยเรื่องของการสื่อสาร เรื่องคุยกับทัวร์ เพื่อนที่คุยจีนได้จัดการให้หมดครับ ต้องขอบคุณเพื่อน ๆ ร่วมทริปที่มาด้วย แต่ถ้าหากเราเดินทางเอง ก็แนะนำ app แปลภาษาไว้ด้วยนะครับ และ app Wechat แนะนำโหลดพร้อมลงทะเบียนใช้งานก่อนเดินทางมาจีนครับเพื่อใช้งานการติดต่อ กับไกด์ และคนขับรถ

สถานที่ซื้อทัวร์ บริเวณลานกังหันยักษ์เมืองเก่าลี่เจียง

ราคาทัวร์ 600 หยวน ต่อคน

มาถึงจุดแรก ที่นี่เรียกว่า ทะเลสาบพระจันทร์สีน้ำเงิน (Blue moon valley) และอยู่ใกล้ ๆ กันไม่ถึง500 เมตร เรียกว่า น้ำตกไป๋สุยเหอ เป็นน้ำตกแบบขั้นบันไดจำลองนะครับ ของจริงเค๊าบอกว่าอยู่แถบแชงกรีล่า

ถึงแม้ว่าสภาพอากาศจะไม่เป็นใจ แต่พอมาถึงที่นี่ ก็ถึงกับยืนอึ๊งซักพัก ธรรมชาติที่นี่สวยมาก ๆ ครับ น้ำเป็นสีเขียว และสีฟ้า ใสจนมองเห็นพื้นดิน ถ้ามองอีกแง่ ถึงแม๊หมอกจะบังแต่ไม่เห็นฉากหลังที่เป็นภูเขาหิมะมังกรหยก แต่ก็ได้สัมพัสกับธรรมชาติ แบบหมอกจาง ๆ กระทบผิวน้ำ มันก็รู้สึกชุ่มฉ่ำ แบบบอกไม่ถูกเหมือนกัน อยากบอกว่าบางทีภาพยังอาจบอกเล่าความรู้สึก และสัมผัสได้ไม่ถึงกับมาสัมผัสด้วยตัวเองนะครับ

สถานที่ ทะเลสาบพระจันทร์สีน้ำเงิน (Blue moon valley) และ น้ำตกไป๋สุยเหอ

พิกัด https://goo.gl/YhbzYz

และแล้วก็ถึงเวลาสำคัญ ที่พวกเราต่างลุ้นว่า หมอกที่ปกคลุมท้องฟ้านั้นจะหายไป หรือเราอาจจะทะลุหมอกนี้ขึ้นไปแล้วพบท้องฟ้าที่สดใสข้องบนนั้นก็เป็นได้ ภูเขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain) สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 5,596 เมตร ที่นี่ถือเป็นไฮไลท์นักเดินทางที่เดินทางมาที่เมืองลี่เจียง ต้องมาสัมผัสกับหิมะ และความสวยงามของภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ และวิวที่สวยงามตระการตา

สถานที่ ภูเขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain) พิกัด https://goo.gl/3te2YA

ค่ากระเช้า ( กรณีไม่ซื้อทัวร์) 180 หยวน

นี่คือคิวรอระหว่างขึ้น เคเบิ้ล เป็นผู้ร่วมชะตาเดียวกันกับเรา คิดไว้ในใจ ถ้าหากวันนี้ไม่เห็นภูเขาหิมะ อย่างน้อย ก็ไม่ได้ไม่เห็นคนเดียวหละวะ ฮ่าาาา

และแล้วก็ได้แค่นี้จริงๆ  ครับ ที่ความสูงระดับ 4506 เมตร ยังมองไม่เห็นวิวอะไรเลยถือว่า เฟลไปตาม ๆ กัน แต่ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ถือว่าได้ลองแล้วเนาะ

ไม่มีวิวให้ถ่าย ขอถ่ายกันเองกับป้ายนี้ละกัน พร้อมกับประป๋อง อ๊อกซิเจน คิดซะว่ามาซ้อมดมออกซิเจนที่ระดับความสูงเสียดฟ้าละกันนะครับ ผมลืมบอกไปว่า ที่นี่เค๊ามีกระป๋องอ๊อกซิเจนขายทั่วไปเลยครับ เนื่องจากอากาศเบาบาง ไม่แนะนำให้เดินเร็ว หรือวิ่ง แบบกระทันหัน จะทำให้เหนื่อยเร็ว และหายใจลำบากครับ ราคาอยู่ที่ประมาณ 25-30 หยวนครับ

พักทานข้างก่อนเข้าชมการแสดง Impression Lijiang ไกด์ถามว่าจะทานกันเอง หรือให้ไกด์พาไป เราก็ขี้เกียจไม่รู้จะทานไรกันเลย ให้ไกด์พาไป ไกด์จึงแนะนำร้านนี้เลยครับ คิดว่าเป็นน่าจะเป็นร้านที่ชาวบ้าน หรือพนักงานที่นี่มากินกัน ไม่ใช่เฉพาะนักท่องเที่ยวแน่ ๆ รสชาติจัดจ้านได้ใจมาก กัดคำแรกจี๊ดขึ้นสมองเลย มันคือพริก หม่าล่านั่นเอง โดยเฉพาะเจ้าตีนไก่  ส่วนข้าวผัดพอทานได้ครับ แต่จืดไปหน่อย เสริฟพร้อมน้ำชาร้อน ๆ ต้องรีบทานกันครับ เพราะการแสดงจะเริ่มขึ้นอีก 10 นาที ห๊ะ!!! จ้ำ ๆ ๆ กันเลยทีเดียว ทานข้าวอิ่มๆ นี่ต้องวิ่งมาดูการแสดงกันเลยทีเดียว เกือบไม่ทัน

สำหรับการแสดง Impression Lijiang เป็นอีกไฮไลท์นึงที่ไม่ควารพลาด เพราะ มันอลังการมากครับ ซึ่งเป็นการแสดงที่ สะท้อนเรื่องราวที่เกี่ยวโยงกับภูเขาหิมะมังกรหยก วิถีชีวิตความเป็นอยู่ และประเพณีของชนกลุ่มเผ่าของเมืองลี่เจียงที่หลากหลายชนเผ่า และที่สำคัญหลัก ๆ จะเป็นชนเผ่า น่าซี ครับ

ถ้าวันไหนที่ฟ้าเปิดจะเห็นฉากหลังที่เป็นภูเขาหิมะมังกรหยก ยิ่งสวยงามอลังเข้าไปอีก การแสดงชุดนี้ ใช้ทีมนักแสดงชนกลุ่มน้อยพื้นเมืองกว่า 500 คน ทั้งโชว์การแสดง ทั้งเต้น ทั้งร้อง ที่สำคัญร้องสดครับพี่น้อง เสียงทรงพลังมากกก

การแสดง Impression Lijiang ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พิกัดบริเวณทางขึ้นกระเช้าขึ้นชมภูเขาหิมะมังกรหยก

ราคาตั๋วเข้าชม (หากไม่ซื้อทัวร์) 248 หยวน

จากนั้นก็ได้เวลาเดินทางกลับที่พักที่เมืองเก่าลี่เจียง ถึงที่พักก็ประมาณ 4 โมงเย็นกว่า ๆ แผนวันนี้จริง ๆ ต้องแยกย้ายกันคนละเส้นทาง แต่เปลี่ยนแผนเนื่องจาก เดินทางตอนกลางวันจะปลอดภัยกว่า เพราะ ไปแชงกรีล่า จะต้องไต่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลขึ้นไปอีก กว่า 4 พันเมตร ฉะนั้นวันนี้ก็เป็นวันพักผ่อนของเราตามอัธยาศัย หาร้านกาแฟชิว ๆ นั่ง  เดินโต๋เต๋เที่ยวชมเมืองเก่าลี่เจียงต่อละกัน

ทางผ่านระหว่างกลับที่พัก พอดีเจอร้านชา เลยบอกเพื่อนอยากลอง แวะชิมชาที่นี่ เจ้าของร้านน่ารักครับก็เชิญเข้าร้านและให้เลือกชาที่อยากชิมได้ตามใจกันเลย ร้านนี้มีชามากมายหลายอย่าง ทั้งชาแดง ชาหิมะ ชาดำ ชาเขียว ที่ขึ้นชื่อของ มณฑลยูนนาน มีทั้งแบบซอง และแบบอัดเม็ด ผมเห็นที่แปลกตาคือ ไอ้ลูกกลม ๆนั้นคืออะไร มันคือชาประเภทไหน มีทั้งสีขาว สีทอง??  และก็พึ่งรุ้ว่านี่คือ ชาส้มครับ เค๊าเอาชายัดใส่ในเม็ดส้ม พอลองชิมแล้วก็จะได้กลิ่นชาผสมกล่ินส้มหน่อย ๆ รสชาติใช้ได้ครับ ผมลืมบอกไปว่า ที่เมืองนี้เค๊าจะชอบดื่มชาเป็นหลัก อาหารทุกมื้อต้องมีชา แม้กระทั้งช่วงเบรค ระหว่างวัน เจ้าของร้านบอกว่า การดื่มชา มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ต้องดื่มแบบร้อน ๆ จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดี และสุขภาพก็จะดีตามมา แต่หากดื่มตอนที่มันเย็น ๆ เค๊าบอกว่ามันจะเป็นยาระบายนะครับ  พอพูดเสร็จก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ (เจ้าของร้้าน) อืมมมมห์  จ๊ะ ฮ่าาาาาา

วันนี้ขอจบเรื่องราวไว้ เท่านี้ก่อนนะครับ เก็บแรง ไว้เดินทางไกลต่อพรุ่งนี้ เป็นเส้นทางปลายฝันของนักเดินทาง คือแชงกรีล่า นั่นเอง เจอกันพรุ่งนี้ครับ 

Day4 ผมตกหลุมรักเมืองนี้เข้าซะแล้ว “Shangri-La” เมืองสวรรค์บนดินของผม

ออกเดินทางจากเมืองลี่เจียง ไปแชงกรีล่า ด้วยรถบัสประจำทาง >>> ชมเมืองโบราณแชงกรีล่ายามค่ำคืน >>>รับประทานอาหารเย็นด้วยสุกี้เนื้อจามรีของโปรดดด

ที่นี้ได้เวลาแยกทางกันแบบจริงจังกับเพื่อน ๆ ซะแล้ว เพื่อนอีก 3 คนไปเมืองต้าลี่ ส่วนผมกับเพื่อนอีก 1 คนไปกันต่อกันที่แชงกรีล่า ความมันส์จึงบังเกิด ฮ่าาา เพื่อนทิ้งคำศัพท์จีนไว้ให้หลัก ๆ ที่ผมจำได้ สองสามคำ ที่ใช่บ่อยที่สุดคือ ต๋าเปี่ยว =กดมิเตอร์ และ ตัวเช่าเชียน = ราคาเท่าไหร่ 

เริ่มต้นมื้อเช้าเบา ๆ เห็นผ่านตาหลายครั้งอยากลองทานมานาน พอทานปุ๊บ ไม่ต้องสืบครับ จืดดหมดนี่แหละ ที่นี่เค๊าไม่ค่อยทานหวานกันนะครับ อาจจะไม่ค่อยติดหวานเหมือนคนไทย แต่เชื่อเหอะว่าดีต่อสุขภาพ ก็ไม่เสี่ยงอ้วน และเบาหวาน

มื้อนี้ก็ประมาณคนละ 25 หยวนครับ 

ก่อนออกเดินทางก็ผ่านมาเจอ การเต้นระบำของชนเผ่าน่าซี แต่งชุดพื้นเมือง น่ารักอีกแบบครับ เป็นการออกกำลังกาย และอบอุ่นร่างกายยามเช้าได้ดีเลยทีเดียวสำหรับอากาศหนาว ๆ แบบนี้ ผมก็ไม่รอช้า ขอแจมกะเค๊าบ้าง อิอิ สนุกดี

ระหว่างรอเช็คเอาท์กับโรงแรม ก็หาจังหวะขอถ่ายรูปกับหมาที่โรงแรมน่ารัก ๆ2 ตัว เป็นความทรงจำดี ๆ ก่อนจากครับ

“เชื่อถือครับว่า ทุกที่ ๆ เราไป แค่ก้าวขาออกจากจุดที่ ๆ เราอยู่ ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม มันย่อมมีความทรงจำดี ๆ ให้เราได้จดจำ และสวยงามเสมอ แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายแค่ไหนก็ตาม ขอแค่เชื่อมั่นในตัวเอง และดึงเอาความกล้าหาญนั้นออกมา คิดบวก ๆ และกระโดดไปที่ทุ่งลาเวนเดอร์กัน….”



ออกเดินทางสู่สถานีขนส่งลี่เจียง เดินทางไปเมืองแชงกรีล่า ระยะทางจากที่พัก ประมาณ 2 กิโมเมตร จริงๆ เดินได้ครับแต่ไปกันสองคน แท็กซี่สะดวกกว่า พอเจอแท็กซี่ ก็ ต๋าเปี่ยวๆ ทันที (กดมิเตอร์มั๊ย) เค๊าก็พยักหน้า พร้อมยิ้มเบา ๆ ฮ่าาา มิเตอร์ที่นี่จะเริ่มที่ 8 หยวนนะครับ

พอถึงสถานีขนส่งรถประจำทางก็เตรียมเอกสาร พาสปอรต์ จีนเรียก (ฮู้จ้าว) รอคิวซื้อตั๋ว อะไม่รู้ว่าช่องไหน ก็ถามครับ ถามคนแถวนั้นแหละ ถามด้วยเครื่องแปรภาษาไปเลย  พอช่วงซื้อตั๋ว ดีหน่อยเจ้าหน้าที่ขายตั๋วพูดภาษาอังกฤษได้ สบ๊ายย

สถานที่ สถานีขนส่งรถประจำทางลี่เจียง (丽江客运站售票厅)  พิกัด https://goo.gl/tzq7wn

ราคาตั๋ว แท็กซี่จาก ปากทางเมืองเก่าลี่เจียง ถึงสถานีขนส่ง 4 หยวนต่อคน

ราคาตั๋ว ไปแชงกรีล่า 58 หยวน ต่อคน

พอซื้อตั๋วเสร็จ ก็ได้เวลารอบเดินทางเป็นเวลาเที่ยงครับ ที่นี่รถออกทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง ไ่ม่ต้องกลัวจะไม่มีรถ แต่รถหมดประมาณ ห้าโมงเย็นนะครับ เริ่มตั้งแต่ 7 โมงเช้ากันเลย อะต่อ ๆ ซื้อตั๋วเสร็จ ก็ไปรอที่ท่ารถ ที่นี่ก็ยังมีเครื่องสะแกนกระเป๋านะจ๊ะ ระบบความปลอดภัยดีเยี่ยม

พอรถเริ่มออกเดินทาง ตอนนั้นหัวใจเริ่มหวิว ๆ ไม่เหมือนตอนเที่ยวกับเพื่อนๆ หลาย ๆ คน เมื่อสองสามวันก่อน แต่ด้วยหัวใจที่กล้าหาญ เราต้องไปสัมผัสที่นั่นให้ได้ (อย่าพึ่งเลี่ยนนะครับ) ระหว่างทางผมหลับไม่ลงจริง ๆ ครับ วิวสองข้างทางสวยงามไปหมด ภูเขา สลับซับซ้อน แม่น้ำ วิธีชีวิตชาวบ้าน และยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ความสวยงามก็ยิ่งเรื่อย ๆ ตาม ศิลปะวัฒนธรรมเริ่มผสมผสาน มีความเป็นทิิเบตขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้จากอาคารบ้านเรือน และเจดีย์สีขาวตามเส้นทาง ตลอดทาง แต่รูปถ่ายไม่ทัน ต้องมาดูกับตาครับ

ถึงแล้ววว ที่นี่แชงกรีล่าาาาาา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงเศษ ๆ  และจากนั้นเดินทางต่อ เพื่อไปโรงแรมที่จองไว้ ทางผ่านขึ้นแท็กซี่ด้านหน้า ก็เจอบริษัททัวร์พอดี อยากไปที่ไหนบอกเค๊า มีราคาให้เสร็จสับ พาขับรถไปรับ ไปส่ง ที่สำคัญไกด์พูดภาษาอังกฤษได้ ก็เลยขอ Contact ไว้ ติดต่อกลับ โชคดีเพื่อนที่ไปด้วย มี Wechat เราก็นัดหมายกันผ่าน Wechat ทันที

พอถึงท่ารถแทกซี่การสื่อสารจึงเริ่มขึ้น ด้วยเครื่องแปรภาษา ตอนนแรกจะนั่งแท็กซี่กัน แต่แท็กซี่ไม่ค่อยไม่ค่อยรู้ทางโรงแรม เลยตัดสินใจไปกับรถเหมาที่เค๊ามาติดต่อ เพราะพี่เค๊ามีความกระตือรือร้นที่พยายามสื่อสาร และพร้อมด้วยแอป ที่พูด และแปลทันที ทันสมัยเยี่ยม ต่อราคาได้ 10 หยวน ถือว่าไม่แพงครับ

สถานที่ สถานีขนส่งรถประจำทางแชงกรีล่า พิกัด https://goo.gl/ZF55C8

ค่าแท็กซี่ จาก ขนส่งไปโรงแรม คนละ 5 หยวน

ถึงที่พักอย่างปลอดภัยครับ เราพักกันที่ Kersang’s Relay Station จะอยู่แถวเมืองเก่าแชงกรีล่า ต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 3 นาที รถจอดที่หน้าวัดต้าฝอพอดี พี่คนขับรถใจดีครับ พาเดินเข้าไป และลากกระเป๋าเพื่อนให้ด้วย ไม่รับทิปอีกต่างหาก ประทับใจครับ :)) พอถึงที่พักแล้วรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในอีกยุคนึง ที่ต่างจากยุคเมืองเก่าลี่เจียง ด้วยสถาปัตยกรรมที่แตกต่างออกไปในแบบ สไตล์ทิเบต รู้สึกหลงรักที่นี่อย่างบอกไม่ถูกเลยครับ เหมือนเป็นรักครั้งแรก อดใจไม่ไหวที่จะออกสำรวจเมืองนี้กันแล้วว
เมื่อกี้หลุดอยู่ในโลกนิยาย กลับมาต่อกันที โรงแรมกันต่อครับ โรงแรมนี้สะอาดมาก ทั้งห้องน้ำ เห็นได้จากรูปเลยครับ เตียงมีระบบฮีตเตอร์ด้วย ตกแต่งห้องแบบ ทิเบต จะว่าไปก็เกือบจะทั้งเมืองเลยแหละ ชั้นสองก็จะเป็น Coffee bar เล็ก ๆ มีเครื่องดื่มพร้อม ผมกับเพื่อนก็ถือโอกาศ ซัดมาม่าที่พกมาจากไทยตรงนี้ก่อนซะเลยด้วยความหิวโหย

 มองขึ้นไปเห็นวิวความสวยงามของวัดต้าฝออีกด้วย ครบครันมากครับ แต่ราคากลับแสนถูก อยากอยู่ต่ออีกซักอาทิตย์

สิ่งที่ประทับใจกับโรงแรมนี้  ทำเลดี ห้องสะอาด พนักงานให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ไม่หักเงินเงินพวกเราด้วยเนื่องจากเราจองพักกันสองคืน แต่นอนได้แค่คืนเดียว เค๊าก็คิดราคาแค่คืนเดียว พร้อมทั้งเปลี่ยนห้องเป็นห้องสูท ให้อีก จะใจดีไปไหน แค่นี้ก็ได้ใจผมไปเต็ม ๆ ละ

ที่พัก โรงแรม Kersang’s Relay Station พิกัด https://goo.gl/yKKAXG

ราคาที่พัก 1 คืน พัก คนละ 40 หยวน แบบ  1 ห้องนอน 2 เตียง

และนี่คือวิวที่พักในยามค่ำคืนครับ แสงทองเหลืองอร่าม ดูแพงขึ้นมาอีกระดับ

พอพักผ่อนกันเสร็จก็ได้เวลาสำรวจเมืองยามค่ำคืนละครับ ว่าแล้วตามมาดูกันเลย…

ความทองอล่ามที่เห็นนั้นคือ วัดต้าฝอ (大佛寺) อยู่ใจกลางเมืองเก่าแชงกรีล่าเลยครับ และอยู่ใกล้ที่พักด้วยเดินมาไม่ถึง 3 นาที เอกลักษณ์ของวัดนี้คือ มีกงล้อหมุน ที่ตั้งสง่าอย่างเห็นได้ชัด เป็นกงล้อที่ใหญ่ที่สุดในโลก เค๊าบอกต้องใช้คนหมุนถึง 20 กว่าคนถึงจะหมุนได้ ผมลองมาละ สามคนยังไหว ๆ อิอิ แข็งแรงไง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาก็ไม่พลาดที่จะหมุนกันเพื่อความเป็นศิริมงคลครับ แต่ต้องหมุนให้ครบ 3 รอบนะ

มองออกไปข้างนอกจะเห็นควมสวยงามของเมืองเก่าครับ วิวสะกดจิตอีกแล้ววว

สถานที่วัดต้าฝอ (大佛寺)   พิกัด https://goo.gl/5Mwenb

เข้าชมฟรี

คืนนี้ก่อนนอนขอปิดท้ายกันที่รูปนี้ครับคือ สุกี้วัวขน เมนูเด็ดของของที่นี่เลย เลือกทานได้เลยครับมีหลายร้านในย่านนี้ ครั้งแรกกับการกินเนื้อจามรี หรือวัวขน ภาษาจีนเรียก 牦 (Máo) ภาษาอังกฤษเรียก Yak ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่แถบที่ราบสูง เช่นเทือกเขาหิมาลัย เทือกเขาทิเบต มองโกเลีย รัสเซีย และพี่จีนแถวที่ราบสูงนั่นเอง ผมลองกินทั้งแบบต้ม และย่าง รสชาติใช้ได้ครับ โดยส่วนตัวชอบแบบย่างมากกว่าเนื้อจะแน่น และกลิ่นจะแรงกว่าเนื่อวัวปกติ เพื่อนกินนี้ติดใจเลย วันหลังถึงกับอยากมาอีก

ค่าอาหาร คนละ 43 หยวน

สำหรับวันนี้อิ่มท้องแล้วขอพักผ่อนก่อนนะครับ พรุ่งนี้ยังมีอีกวันกับทริปทะเลสาบสวย ๆ และวัดที่ยิ่งใหญ่และเป็นเอกลักษ์ของเมืองนี้ ที่พลาดไม่ได้ เชียว ฝันดีรารีสวัสดิ์ครับ

Day5 ขนลุกไปกับพระพุทธรูปในวัดโปตาลาน้อย

ทะเลสาบนาปา >> วัดซงจ้านหลินหรือวัดโปตาลาน้อย>> วัดต้าฝอหมุนกงล้อยักษ์เพื่อความเป็นศิริมงคล

>>ชอปปิ้งซื้อของฝาก >>เดินทางจากแชงกรีล่า ไปคุณหมิงด้วยสายการบินภายในประเทศ

เช้านี้เราออกเดินทางกัน 09:00 โมงเช้า เพื่อนได้นัดหมายกับพี่ไกด์เป็นที่เรียบร้อย ผ่าน Wechat วันนี้อากาศไม่เป็นใจอีกตามเคย ฝนตกทั้งวันครับ แต่เราก็ไ่ม่ย่อท้อ พกร่มไปด้วย พี่พนักงานที่โรงแรมก็ให้ยืมร่มอีกอัน สำหรับทริปในวันนี้

จากรูปที่เป็นองค์เจดีย์​ ถ้ามองดี ๆ เป็นเหมือนพระธาตุพนมบ้านเรา อันนี้ผมไม่รู้ว่าชื่ออะไร จะมีอยู่ทุกที่ทุก ๆ หมู่บ้าน มีทั้งขนาดเล็ก และใหญ่ ทั้งเป็นแบบปูน และก้อนหิน ถ้าสังเกตุดี ๆ ตามเส้นทางก่อนถึงแชงกรีล่า จะตั้งอยู่เรียงราย เป็นจุด ๆ เป็นการแสดงการต้อนรับเข้าสู่แชงกรีล่า ส่วนถ้าตั้งประจำอยู่ตามหมู่บ้าน จะแสดงถึงสิ่งสักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักคุ้มครองชาวบ้านครับ

ที่แรกที่เราไปคือ ทะเลสาปนาปา (Napa Lake Grasslands) เป็นทะเลสาบทุ่งหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตา สลับกับแม่น้ำ อุดมไปด้วยธรรมชาติ สีเขียวและสัตว์น้อยใหญ่ ส่วนใหญ่จะเป็นจามรี หมูป่า และจะมีหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ใช้ชิวิตแบบสงบสุข เรียบง่าย บ้านก็จะทำจากดินเนียวและไม้เป็นหลัก ไกด์เล่าว่าเจ้าตัวจามรี ไม่ชอบอากาศร้อน ถ้าวันไหนแดดจัด หรืออากาศร้อน ตัวจามรีจะหลบตามป่าในภูเขา ถือว่าวันนี้โชคดีละกันที่ฝนตก เจ้าตัวจามรีถึงออกมาเยยโฉมเต็มทุ่งเลย

สถานที่ ทะเลสาปนาปา (Napa Lake Grasslands) พิกัด https://goo.gl/Kn1iD4

ค่าไกด์และทัวร์  90 หยวนต่อคน พร้อมรถไปรับ-ส่ง

แถวนี้ตามทางผ่านก็จะมี Camping น่ารัก ๆ สีสันสดใจ ระหว่างทางรอบ ๆ ทะเลสาบครับ ที่นี่ก็จะมี เนื้อจามรีย่าง หมู เและเนื้อแกะ พร้อมทั้งโยเกิร์ติ จามรีด้วย ผมนี่ลองหมดครับ ฮ่าาาา อยากลอง ๆ แต่รสชาติโยเกิร์ตจามรี ผมจะจำไปอีกนาน มันจะออกเปรี้ยว ๆ แบบเวรี่เปรี้ยวเลยครับ และออกบูด ๆ จริง ๆ มันก็เหมือนโยเกิร์ตทั่วไป แต่มันจะแรงกว่าทั่วไป ต้องเติมน้ำตาลพอเอาอยู่ พี่ ๆ พ่อค้าแม่ค้าที่นี่น่ารักครับ เป็นกันเองทั้งนั้น

ค่าอาหารที่ camping 20 หยวน

ขอต่อด้วยภาพวิวที่นี่อีกนิด นะครับ 

หินที่ว่างซ้อนกันเหมือนเจดีย์ ความหมายเดียวกันกับเจดีย์สีขาวที่เห็นทั่วไปครับ เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านที่นี้ครับ

ส่วนไม้ที่มีลักษณะเหมือนเก้าอี้ยักษ์นี้ชาวบ้านเอาไว้ใช้ตากหญ้า หรือตากพืชพันธ์ ในฤดูเก็บเกี่ยว ไอ้เราก็สงสัยว่าเอาไว้ทำไม

หญ้าที่ตากแห้ง ส่วนใหญ่จะเอาปกคลุมกำแพง ชาวบ้านแถวนี้นิยมใช้กัน เหตุผลเพราะ กำแพงทำจากดินถ้าฝนตกบ่อย ๆ จะทำให้น้ำฝนเซาะกำแพงพังทลายได้

 

วัดลามะซงจ้านหลิน หรือวัดโปตาลาน้อย

วัดลามะซงจ้านหลิน หรือวัดโปตาลาน้อย วัดที่สำคัญของเมืองแชงกรีล่าที่พลาดไม่ได้ครับถือเป็นสัญลักษ์ของที่นี่ไปแล้ว  เป็นวัดสไตล์ทิเบตที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลยูนนาน วัดนี้สร้างในสมัยลาไลลามะองค์ที่ 5 ตรงกับสมัยจักรพรรดิ์คังซีฮ้องเต้ของจีน รูปแบบการสร้างได้จำลองแบบจากพระราชวังโปตาลา (Potala) ในกรุงลาซา (Lhasa) ทิเบต มีอายุเก่าแก่กว่า 300 ปีเลยนะครับ พร้อมทั้งมีพระภิกษุ จำนวนถึง 700 รูปที่จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้ โอ้โหวว นี่ตั้งเป็นหมู่บ้านได้เลยนะนี่

ว่าแล้วขอสาระเพิ่มนิดนึงครับ ยังไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมของเมืองนี้เลย อีกนิดนะครับ   Shangri-La แต่ก่อนชื่อเมือง จงเตี้ยน นะครับ แต่ได้รับอิทธิพลมากจาก หนังสือเรื่อง  Lost Horizons ของ เจมส์ ฮิลตัน ในปี ค.ศ. 1933 ทางรัฐบาลจีนจึงแต่งตั้งเมืองนี้ให้เป็นชื่อตามเมืองในหนังสือ คือ Shangri-La ในปี พ.ศ. 2545 เพราะลักษณะทางภููศาสตร์ และสถานที่ต่าง ๆ คล้ายคลึงกับข้อมุลในหนังสือ

เมืองนี้เป็นชุมชนเก่าของชาวทิเบต เพราะฉะนั้นศิลปะ และปติมากรรมต่าง ๆ จึงมีลักษณะคล้ายคลึง ทิเบต สังเกตุได้ตามชานเมืองยังคงรักษาเอกลักษณ์ของบ้านที่ก่อดินขึ้นเป็นตึกสี่เหลี่ยม แต่งด้วยไม้ซุงขนาดใหญ่ ผู้คนยังแต่งกายชุดพื้นเมือง เห็นอย่างนี้ไม่ต้องไปไกลถึงทิเบตแล้วนะครับ

น่าจะเพียงพอละครับ สำหรับสาระนะรู้ คร่าว ๆ ของเมืองนี้ มาต่อกันที่ วัดโปตาลาน้อยกันต่อครับ ตามผมมาดูกันครับ พร้อมแล้วไปกันเลย

การเดินทางไปที่วัดแห่งนี้ก็แสนจะง่ายครับ ไม่ยากเลย หากเดินทางด้วยตัวเอง นั่งรถเมย์ เบอร์3 ราคาแค่ 1 หยวนจอดถึงที่เลย หรือจะนั่งแท็กซี่ก็ได้ครับ ไม่ไกลจากตัวเมือง แต่ก่อนที่จะเข้าชมความงามของวันนี้ ต้องซื้อตั๋วก่อนนะครับ ราคาก็อยู่ที่ 115 หยวน ไม่ต้องตกใจครับ ราคานี้จริงแท้แน่นอน แต่พอเข้าชมแล้ว คุ้มค่าตั๋วแน่นอนครับ

พี่ไกด์ก็มาส่งที่นี่ซื้อตั๋ว พี่เค๊าพามาซื้อตั๋วด้วย หล่อ สปอร์ท ใจดี ที่นี่ แชงกรีล่า ที่เดียว อิอิ

สถานที่ซ์้อตั๋ว  พิกัดตามนี้เลยครับ ดูป้ายตามรูปได้เลย พิกัด https://goo.gl/pMvmeF

ราคาตั๋วเข้าชม 115 หยวน ต่อคน

พอซื้อตั๋วเสร็จก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยแสกนตั๋ว และเข้ามารอรถเมย์อีกที เดินทางไม่ถึง 10 นาทีครับ รถเมย์ตรงนี้รับส่งไป กลับฟรีนะครับ ฟรีเถอะค่าตั๋วแพงขนาดนี้ 555+ แนะนำอย่าไปตอนเย็นนะครับ เพราะเค๊าปิด 17:00 น.ไปเช้า ๆ ได้ยิ่งดี เนื่องจากต้องใช้เวลาอยู่ที่นั่นซักครึ่งวันเลยทีเดียว กว่าจะเดินครบ เพราะมีทางให้เดินรอบทะเลสาบใกล้ ๆ วัดเพื่อชมวิวรอบนอกของวัดครับ

ผมลืมบอกไปว่า เมื่อวานนี้ได้เพื่อนใหม่นะครับ เป็นผู้หญิงชาวจีน นางมาเที่ยวที่นี่เหมือนกัน มาเที่ยวคนเดียวด้วย ก็เลยถือโอกาสชวนมาเที่ยววัดด้วยกัน มาเหอะ ๆ มาช่วยแปลภาษาให้หน่อย คิดในใจฮ่าาา

ถังซะทีครับ วัดลามะซงจ้านหลิน หรือวัดโปตาลาน้อย ที่ว่า บอกตรง ๆ ว่าขนลุกแบบมองใกล้ ๆ แทบไม่อยากหยุดสายตา ก่อนที่สำรวจภายในวัด เราขอเดินรอบ ๆทะเลสาบ เพื่อขอถ่ายรูปวัดจากมุมไกล ๆให้สาสมใจก่อนครับ

ณ จุด ๆ นี้สายตาคุณพร้อมหรือยังครับ พร้อมที่จะรับสิ่งสวยงาม สะกดจิตคุณหรือยัง ถ้าพร้อมแล้ว ไปกันเลยยยย

หลังจากพาชมวิวโดยรอบ 360 องศาแล้ว เดี๋ยวผมขอพาชมด้านในกันบ้างจะเป็นไง

แต่ขอแจ้งก่อน สิ่งที่น่าเสียดายคือ ด้านในของวัดเค๊าไม่ให้ถ่ายรูปนะครับ ที่มีพระพุทธรูปอยุุ่ด้านใน

ผมเห็นครั้งแรก ถึงกับขนลุก ในระหว่างที่กราบไหว้ และเดินชมความงดงามขององค์พระประดิษฐ์ รู้สึกสงบแบบบอกไม่ถูก เป็นองค์ที่แตกต่างจากพระที่ไทย คือ องค์พระจะมีหลากหลาย สีสัน และเครื่องแต่งกาย พร้อมเครื่องประดับ อลังการงานสร้างครับ อย่างนี้ต้องมาดูด้วยตา ครับ

โอเคครับ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา ตามมาดูกันเลยครับ

หยุดกันที่รูปนี้นะครับ กงล้อหมุน มาวัดนี้ก็ต้องหมุน เพื่อขอพรและเป็นศิริมงคลของชีวิต ให้หมุนกัน 3  รอบนะครับ  ก่อนหน้านี้ผมใช้เวลาซักพักเหมือนเดิมจงกรม สำรวจ และสักการะ พระพุทธรูปภายในวัด รู้สึกสงบมากครับ นี่แทบจะขอบวชที่นี่ซะเลย แค่ตัดกิเลสยังไม่ได้เฉย ๆ  น่าเสียดายเขาใม่ให้้ถ่ายรูป

พอพูดถึงเรื่องกงล้อหมุนก็นึกขึ้นได้ว่า ต้องกลับไปหมุนกงล้อยักษ์ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่วัดต้าฝอ และนั่นคือสถานที่สุดท้ายของวันนี้ และเป็นที่สุดท้ายก่อนกลับเมืองไทย 

ก่อนเดินทางไป วัดต้าฝอ ขอหาไรกินก่อนนะครับ หิวใส้จะขาด เที่ยวเพลินจนลืมกินข้าว แต่จะกินอะไรกันดี ก็คิดอยู่หลายที่ สุดท้ายก็ได้ร้าน สุกี้จามรีอีกครั้ง เพราะเพื่อนผมติดใจเนื้อจามรีซะแล้ววว ไหน ๆ จะกลับละขอกินอีกละกัน

ผม, เพื่อนผม และเพื่อนคนจีน เราสั่งกันคนละอย่าง คนนึงสั่งจามรี คนนึงสั่งไก ส่วนผมหมูละกัน  กินจามรีมาทุกมื้อละกินบ่อยไปมันก็จะอึน ๆ

ค่าแท็กซี่ไปร้านอาหาร เพื่อนคนจีนเรียก Grap คนละ 6 หยวน

ค่าอาหารมื้อเย็น คนละ 39 หยวน

กล้บมาวัดต้าฝอ อีกครั้งเป็นที่สุดท้ายที่ผมมา เพราะตั้งใจจะมาหมุนกงล้อยักษ์นี้ พอเห็นตอนแรกก็เอะใจเพราะที่รู้มาเค๊าต้องหมุนกัน ยี่สิบกว่าคนถึงจะหมุนได้ ผมเห็นสามสี่คนก็หมุนได้ เลยวิ่งเข้าไปลอง แต่สุดท้ายโดนทิ้งให้หมุนคนเดียว เพราะพึ่งรู้ว่าพี่ ๆ เค๊าหมุนกันครบสามรอบแล้ว เอาไงดีเราไม่ครบสามรอบ จังหวะนั้นก็มี คู่รัก สองคนเดินเข้ามาช่วยหมุน สรุปเราหมุนกันอยู่สามคนครับ หนักมากก แต่ต้องเอาให้ครบสามรอบ จริง ๆ ต้องครบสามรอบ แต่ผมสี่รอบ บวกกับรอบที่หมุนช่วยพี่ ๆ สี่คนก่อนหน้า

ก่อนกลับที่พัก เพื่อเตรียมตัวกลับเมืองไทย ขอชมวิวที่นี่ซักพักนะครับ

ลาแล้ว แชงกรีล่า ที่รัก เป็นความทรงจำที่งดงามมากครับ รู้สึกขอบคุณโชคชะตาที่พาเรามาเจอกัน โดยที่ไม่คาดฝันมาก่อน ยังมีเรื่องราว และความประทับใจที่ไม่สามารถเล่าให้หมด ของแบบนี้ต้องมาเจอด้วยตัวเองครับ

เดินทางสนามบินภายในประเทศ สนามบินแชงกรีล่า >>> สนามบินนานาชาติชางชุ่ย (คุณหมิง) 
โดยสายการบิน China Eastern Airlines MU5936



ได้เวลากลับแล้วสินะ เราเดินทางไปสนามบินแชงกรีล่า โดยแท็กซี่ ที่ทางโรงแรมเรียกให้ เป็นราคาเหมา 30 หยวน ก่อนกลับก็จะรู้สึกป่วยนิดๆ เนื่องด้วยพิษฝนตก แทบจะตลอดทริป นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เดินทางด้วยสายการบินภายในประเทศของจีน  จริง ๆ ระบบน่าจะคล้าย ๆ กันทุกที่ แต่ที่พิเศษคือระบบความปลอดภัย ที่เข้มงวดแทบจะทุก ๆ การเดินทางของที่นี่ครับ  เพราะฉะนั้นอาจจะต้องเผื่อเวลาเยอะกว่าบ้านเราหน่อย ๆ ในการเดินทางสำหรับประเทศนี้นะครับ

สถานที่ สนามบินแชงกรีล่า (DIG) พิกัด https://goo.gl/AWyXqF

ค่าแท็กซี่ จากโรงแรม ไปสนามบิน  15 หยวนต่อคน 

ค่าโดยสารเครื่องบิน 2934 บาท ต่อคน

จองผ่าน app Skyscaner >>> trip.com 

หลังจากถึงสนามบินคุณหมิง ก็เช็คอินต่อ เพื่อเดินทางกลับเมืองไทยครับ เผื่อเวลาได้เพียงพอ แต่ก็เสียว ๆ หากสายการบินภายในประเทศมีการดีเลย์ ฮ่าาา เช่นเคยครับ ขากลับเราก็ฝากชีวิตไว้กับ สายการบิน Air Asia กลับด้วยเที่ยวบิน  FD585 รอบตีสอง ตามเวลาท้องถิ่น

ขอบคุณที่เลื่อนผ่านมาจนถึงหน้านี้นะครับ ฮ่าาา และหากใครได้อ่านจริง ๆ จัง ๆ ถือว่าท่านสุดยอดแล้วครับ เพราะเนื้อหา และรูปเยอะมาก แต่ผมก็พยามใส่สาระ และรายละเอียดการเดินทางให้มากที่สุด เผื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อคนที่สนใจเดินทางตามรอยเส้นทางสายฝันครับ 

การออกไปดูโลกแต่ละครั้งไม่เคยคิดว่าขาดทุน แต่จะได้อะไรกลับมาทุกครั้งที่ออกไปดู ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำดี ๆ หรือไม่ดีก็ตาม สิ่งที่แปลกหูแปลกตา ความสวยงามที่รอเราไปสัมผัส แรงบันดาลใจดี ๆ และมิตรภาพดี ๆ หรือแม้แต่ ความเหนื่อย ความท้อ ความผิดหวัง ที่เกิดจากความคาดหวัง และหลาย ๆ อย่าง  ที่ที่เราไม่เคยคิดว่าจะไป และไม่ควรไป แต่พอเปิดใจและลองก้าวเข้าไป กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ในหลาย ๆ ครั้งที่เราต้องตัดสินใจ และต้องกล้าหาญ ผลที่ได้กลับมามันคุ้มค่าที่จะลอง เชื่อเถอะครับว่าการลองอะไรที่แปลกใหม่ ที่ไม่เคยลอง ที่ ๆ ไม่เคยไป ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ สิ่งที่ได้กลับมามันคุ้มค่าแน่นอน หากมีเวลา ออกไปดูโลกกันครับ เราสามารถเที่ยวในแบบประหยัด ๆ ใช้เงินให้เกิดประโยชน์ที่สุดและคุ้มค่าที่สุดแต่ละที่ ๆ ไป อย่างเช่นทริปทริปนี้ของเรา ใช้งบไม่เกิน 20,000 6 วัน 5 คืน แต่กลับได้อะไรกลับมาที่ไม่สามารถประเมิณราคาได้ เพราะฉะนั้นอย่าพึ่งติัดสินอะไรไป หากเรายังไม่ได้เจอ และลองด้วยตัวเองครับ ขอบคุณครับ

สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

ในการคำนวนค่าใช้จ่าย จะเป็นการยกตัวอย่าง ค่าใช้จ่ายของผมเองนะครับ โดยเฉลี่ยแล้วบุคคลอื่นค่าใช้งานก็ใกล้เคียงกันครับ 

*ค่าตั๋วเครื่องบิน สายการบิน Air Asia ไป-กลับ ดอนเมือง-คุณหมิง 6,000 บาท

* ค่าธรรมเนียมวีซ่า 1500 บาท

*ประกันการเดินทาง 200 บาท

*ค่าที่พัก โรงแรม 2,368 บาท

*ค่าอาหาร+ เครื่องดื่ม +ของใช้ส่วนตัว 2,175 บาท

*ค่าเดินทาง ภายในจีน 3,504 บาท

*ค่าทัวร์ ,ค่าบัตรเข้าชมกสถานที่ และอืน ๆ 4,425 บาท

รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดทริป 19,772 บาท 

*ค่าใช้จ่ายในส่วน ค่าอาหาร+ เครื่องดื่ม +ของใช้ส่วนตัว ขึ้นอยู่กับส่วนบุคคล อาจไม่เท่ากัน

Facebook Comments

Leave a Comment