รีวิวเที่ยวเชียงใหม่ ง่ายๆ ฉบับมนุษย์เงินเดือน ในงบไม่เกิน 2500 : เที่ยวแบบมนุษย์เงินเดือน
เธอออ..ไป CHANGMAI กับเรามั๊ย..?
รีวิวเที่ยวเชียงใหม่ไปง่ายเที่ยวง่ายในแบบฉบับมนุษย์เงินเดือน
‘เชียงใหม่’ เมืองที่ใครหลายคนอยากไปสัมผัส บอกก่อนเลยนะคะตรงนี้ หากมีโอกาสก็ไปเถอะ มันดีมากกกก มันดีจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ วัฒนธรรม คาเฟ่ หรือสถานที่เช็คอินชิคๆที่มีอยู่เยอะเเยะมากมาย มาลองกันไหม?…ลองทิ้งทุกอย่างไว้ที่บ้านในวันหยุด แล้วออกไปใช้ชีวิตในแบบที่เราชอบ ในฉบับเที่ยวแบบมนุษย์เงินเดือนกัน…
เชียงใหม่กับช่วงเวลา 2คืน 2วัน ในงบไม่เกิน 2500
Night 1 : 15 JUN 2018
ค่ารถแดง 20 บาท/คน
ค่า HOSTEL 290 บาท/คน
:: รวม 310 บาท
Day 1 : 16 JUN 2018
ค่าเช่ารถ 900+700 (ค่าน้ำมัน) หาร2 ตกคนละ 800 บาท/คน
ค่ากาแฟ + อาหารกลางวัน คนละ 200 บาท/คน
ค่าเข้าอุทยาน 50 บาท/คน
ค่ารถยนต์เข้าอุทยาน 30/คัน ตกคนละ 15บาท/คน
ค่าบุฟเฟ่คนหน้าหม้อ 330บาท/คน
ค่าHOSTEL 330บาท/คน แต่เราได้ส่วนลด 10% เหลือ 300บาท/คน
:: รวม 1,695 บาท
Day 2 : 17 JUN 2018
ค่าบริการ GAB ไป-กลับ 240 บาทหาร 2 ตกคนละ 120 บาท/คน
ค่าอาหารกลางวัน + น้ำ 350 บาท หาร 2 ตกคนละ 180 บาท/คน
:: รวม 300 บาท
สรุปค่าเสียหายทั้งหมด 2,305 บาท
รีวิวเที่ยวเชียงไหม่ ด้วยตัวเอง
สถานที่ท่องเที่ยว จังหวัดเชียงใหม่
เราเลือกเดินทางไปกับ AirAsia กับช่วงโปรโมชั่นดีๆเที่ยวเหนือฉ่ำใจไปกับแอร์เอเชียจร้าาา และที่สำคัญไม่ได้ประหยัดแต่ค่าตั๋วนะจ๊ะ ยังมีส่วนลดที่พัก ร้านอาหาร และคาเฟ่ให้เลือกอีกเยอะเลย โอ้โหววววววววว…สุดไปเลยไหมละเธอ
Flight Bangkok-Don Mueang (9.50pm) —- Chang Mai (11.00pm)
ถึงสนามบินช่วงดึกๆ เดินออกมาเจอพี่ๆแท๊กซี่ราคาเหมาเพียบเลยจร้าาา แต่เราไม่หลงกลพี่หรอกจ้า อิอิ เราเลยเดินหารถแดงเพื่อเข้าที่พักแทน และแล้ววววว เราก็เจอคุณลุงรถแดง นั่งแบบแชร์กับผู้โดยสารคนอื่น ก็จะตกคนละ 20 เองนะ
เราจองที่พักไว้ที่ THE BETTER HOSTEL เป็นโรงแรมแบบห้องพักรวม ห้องน้ำรวม ได้มาในราคา 290 บาท/คน ถือว่าราคาดีเลยล่ะ เพราะอยู่ห่างสนามบินเพียง 1.7 กิโลเมตรเองนะเธอ
Day 1 : 16 JUN 2018
เราตกลงกับเพื่อนว่าจะเช่ารถยนต์ แล้วขับไปเที่ยวเองแบบสไตล์ของเราดีกว่า ถ้าเหมารถแดงเราว่าราคามันค่อนข้างสูงถ้าแทบกับการไป2คน แต่ถ้าไปกัน5-8คน เราแนะนำให้เหมารถแดงเลยนะคะ คุ้ม !!!เราได้รถเช่าในราคา 900 บาท/วัน เป็นรถVios ปี 2013
ช่วงเช้าเราเลือกที่จะขึ้นไปพระธาตุดอยสุเทพก่อน เพื่อไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยก่อนที่จะไปเที่ยวกัน
เป็น ‘สถาปัตยกรรม’ ที่สวยงามมากๆที่นึงเลยละเธอ แต่เดี๋ยวนะ..เราขอแนะนำนิดนึงนะ เรื่องการแต่งกาย ผู้หญิงควรจะแต่งกายให้สุภาพเพื่อเคารพและให้เกียรติกับสถานที่ด้วยจร้าาา
ลงจากพระธาตุดอยสุเทพแล้วเราตกลงกันว่าจะขับรถไปเที่ยวเรื่อยๆตามเส้นทางของดอยอินทนนท์
เราแวะทานข้าว ทานกาแฟที่ คาเฟ่แห่งหนึ่งที่เป็นทางผ่านพอดีแป๊ะ เป็นร้านที่ตกแต่งได้สวยมากๆ ภายใต้ต้นไม้ใหญ่และหญ้าสีเขียวๆ นี่ไง..ที่นี่เลย เมากาแฟ: Mao Coffee
FB : https://www.facebook.com/maocoffee/
ที่นี่เขายังมีโปรโมชั่นดีๆสำหรับลูกค้าของ AirAsia ทางร้านมีส่วนลด 10% เมื่อสั่งเมนูเครื่องดื่มครบ 100 บาท เพียงแค่คุณแสดง
บอร์ดดิ้งพาสของแอร์เอเชียต่อพนักงานที่ร้านแค่นี้เองก็ได้รับส่วนลดไปเลยนะเธอ
อาหารอร่อย เครื่องดื่มก็เช่นกัน เมนูแนะนำทางร้านคือ เมากาแฟ เมานม เมาชาไทย เมาช๊อค นี่แหละจัดว่าเด็ดเลยละเธอ
เอาละ…กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เมื่อท้องอิ่มเราก็ต้องออกเดินทางต่อแล้วสินะ
เราขับรถไปเรื่อยๆ และตั้งใจจะไป ‘น้ำตกแม่ยะ’ น้ำตกแม่ยะเป็นน้ำตกที่ใหญ่ และสวยมากๆ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสูงที่สุดในบรรดาน้ำตกในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ สายน้ำจากลำห้วยแม่ยะตกจากหน้าผาสูงชันไหลลงมามีประมาณ 30 ชั้น รวมความสูงประมาณ 280 เมตร 
ในช่วงฤดูฝนสายน้ำตกจะแผ่กว้างถึง 100 เมตร เหมือนกับม่านน้ำ แล้วไหลลงไปรวมกันที่แอ่งน้ำเบื้องล่าง และบางช่วงของหน้าผาเป็นชะง่อนหิน แต่เล่นน้ำไม่ได้นะ ค่อนข้างอันตรายเลยละค่ะ
อะๆๆๆ อย่าลืมเสียค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานด้วยนะเธอ ผู้ใหญ่คนละ 50บาท/คน ยานพาหนะ 30 บาท/คัน
พอเดินเล่น เดินถ่ายภาพเสร็จแล้วเราก็ออกเดินทางต่อ..
ระหว่างทางเราเจอกับป้ายบอกทางไป ‘น้ำตกแม่กลาง’ อยู่ติดเส้นทางหลักเพียง 500 เมตร เท่านั้น จะรออะไรละคะ แวะค่ะแวะ!!
‘น้ำตกแม่กลาง’เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ชั้นเดียว สูงประมาณ 100 เมตร ต้นน้ำอยู่บนดอยอินทนนท์ มีน้ำไหลตลอดปีเลยนะ
เนี่ย!!! เที่ยวจนเพลินจนลืมดูเวลา นี่ก็บ่ายแก่ๆแล้ว เราควรจะไปกันได้แล้วนะ
เราจึงขับรถต่อไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะไปโครงการหลวงอินทนนท์ แต่ต้องตกใจในความสวยของ ’น้ำตกสิริภูมิ’ และธรรมชาติที่ค่อนข้างสมบรูณ์และสวยงามมากๆ
‘น้ำตกสิริภูมิ’ ไหลมาจากหน้าผาสูงชัน เป็นทางยาวสวยงามมาก สามารถมองเห็นได้จากบริเวณที่ทำการอุทยานฯ เป็นสายน้ำตกแฝดไหลลงมาคู่กันแต่เดิมเรียกว่า ‘เลาลึ’ ตามชื่อของหัวหน้าหมู่บ้านม้งซึ่งอยู่ใกล้ๆ
เราเดินเล่นที่ ‘โครงการหลวงอินทนนท์’ ไปเรื่อยๆ อย่างสบายใจเพราะอากาศที่นี่ดีมากประมาณ 20-22 องศาได้
ดอกไม้’โครงการหลวงอินทนนท์’
นี่ไม่ใช่ทุ่งนาขั้นบันไดนะเธอออ แต่นี่เป็น ‘โครงการหลวงอินทนนท์’ ที่ปลูกดอกไม้จร้าาา
เราเดินเล่นที่นี่ จนฟ้าเกือบจะมืดก็ตกลงกันว่าเราจะกลับเข้าไปนอนที่ตัวเมืองเชียงใหม่แล้วกันนะ ตอนแรกเราตั้งใจจะมาหาที่พักแถวนี้แต่ว่าตอนเช้าเราต้อง คืนรถเช่า!!! เดี๋ยวคืนไม่ทันจะโดนคิดเพิ่มเป็น 1 วัน ไม่อะเปลืองงั้น กลับ!! 555
มาถึงตัวเมืองเราไม่รอช้าอยู่ใย มาพร้อมกับความโมโหหิว เปิด MAP เพื่อหาร้าน ‘คนหน้าหม้อ’ ที่เป็นร้านบุฟเฟ่ ชาบู + ปิ้งย่าง เป็นร้านที่เราตั้งใจจะมากินกันอยู่แล้ว บอกเลยตรงนี้มันดียยยยยยย์ ดีมากๆ ราคา 299 บาท/คน ราคานี้ไม่รวมน้ำนะแต่ ไอติมแม๊กนัม กูลิโก๊ะ ขนมเค้ก ก็ฟรีไม่อั้นเช่นกันจร้าาาาา
อิ่มแล้วหนังท้องตึงหนังตาเริ่มหย่อน เอ๊าาาา..เอาแล้วไงยังไม่ได้หาที่พักเลย!!!
เปิด Map สิรอช้าอยู่ใย หาๆๆ เราหาที่พักกันสักพักไม่มีที่ไหนถูกใจเลย บ้างก็ไม่มีที่จอดรถ บ้างก็เก่าเกินไป บ้างก็ราคาสู๊งสูง แต่…ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่ ท๊าาาดาเราเจอแล้ว The Pause Hostel Nimman17
FB : https://www.facebook.com/thepausehostel/
เรา Walk In เข้ามา คุณพระ!!! ว่าง 2 ที่ สำหรับเรา 2 คนพอดี 330บาท/คน ราคานี้รวมอาหารเช้าง่ายๆ กาแฟ นมสด ไมโล ขนมปังปิ้ง แต่เดี๋ยวก๊อนนนนน เพื่อนตัวดีของเรายังเหลือบไปเห็นป้ายส่วนลดพิเศษ 10% สำหรับลูกค้า AirAsia สบายแล้วเรา อิอิ ได้ส่วน ลด เพิ่มอีก 10%
Day 2 : 17 JUN 2018
วันที่ 2 เราใช้ชีวิตแบบเฉื่อยๆไม่เร่งรีบ ตื่น 08.00 น. อาบน้ำ เก็บของ ปะ!! ไปหาอะไรลองท้องกัน
ลงมาหาอะไรทานง่ายๆที่ทาง Hostel เตรียมไว้ให้ ก็มีกาแฟ ไมโล ขนมปังปิ้ง น้ำส้มสด
รีวิวเที่ยวเชียงไหม่ ด้วยตัวเอง
สถานที่ท่องเที่ยว จังหวัดเชียงใหม่
Check Out ประมาณ 09.30 น.
ขับรถเช่าไปที่สนามบินเพื่อคืนรถ พอคืนรถแล้วยังมีเวลาเหลืออีกประมาณ 5 ชั่วโมง เราจึงหาสถานที่เที่ยวที่ไม่ไกลมาก จากสนามบิน เราอยากไปดูงานที่ ‘บ้านข้างวัด’
พอถึงเราเราก็เดินเล่น เดินดูของพื้นเมือง เสื้อผ้าทอ งาน Handmade
มีพื้นที่ส่วนกลาง ให้ใช้ทำกิจกรรม เยอะ
มีร้านกาแฟ และมีมุมให้นั่งอ่านหนังสือไป จิ๊บกาแฟไป ก็เพลินไปอีกแบบนะเธอ
มีภาพน่ารักๆของนักท่องเที่ยวต่างชาติตัวน้อยๆมากฝากจร้าาาาาา
เดินได้สักพัก เริ่มหิว…เพราะช่วงเที่ยงพอดี
เราจึงเดินไปหาอะไรทานที่ ร้าน Lamour Cafe (ลามูร์ คาเฟ่ เชียงใหม่) ที่อยู่ติดกับบ้านข้าววัด บรรยากาศดี แต่งร้านสวย
มาถึงเราก็จัดการสั่งเลยจร้าาาาา ราคาโอเค๊… จับต้องได้ไม่แพงนัก และที่สำคัญ รสชาติดีค่ะ 3ผ่าน !!! ค่ะ
น่ากิินมั๊ยล่ะ…. ไว้ไปลองกันนะคะคือ..มันดีจริงๆ
ขอแนะนำอีกสักนิดจ่ะ มาร้านนี้อย่าใส่เสื้อผ้าสีเหลืองนะคะ ถ้าไม่อยากถูกเข้าใจผิดเพราะพนักงานที่นี่ เขาใส่ ‘สีเหลือง’ จร้าาาา
อิ่มแล้วจ้รา เราไปก่อนนะ เดี๋ยวจะตกเครื่องเพลินเกินไปล๊าวววววว
ขากลับก็เรียกใช้บริการพี่ GAB อีกเช่นเคย เพื่อมาส่งเราที่สนามบิน ค่าบริการ ป-กลับ 240 บาทหาร 2 ตกคนละ 120 บาท/คน
ถึงสนามบินแล้วเราก็ทำการเช็คอิน เตรียมตัวกลับ กทม.
ตลอดการเดินทางเราก็ยังประทับใจในการดูแลของเขา
เราไปก่อนนะ บ๊ายยย บายยยยย จนกว่าจะพบกันใหม่นะ ‘เชียงใหม่’ เมืองที่ต้อง ‘กลับมาใหม่’ อีกครั้ง
วันหยุด ทั้งทีก็ออกมาหาอะไรที่เราชอบทำกันนะ อย่าให้วันหยุดของคุณเป็นเพียง วันที่ทำงานบ้าน และนอนดูคนอื่นเที่ยวอยู่ที่บ้านกับอารมณ์ที่ อิจฉา เขาจัง!! ไปกันนะ…. ไปเที่ยวกับเรานะ
รีวิวเที่ยวเชียงไหม่ ด้วยตัวเอง.
สถานที่ท่องเที่ยว จังหวัดเชียงใหม่
