รีวิวพาเที่ยวมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ 3 วัน 3 คืน เมืองแห่งวัฒนธรรมที่น่าหลงใหล

รีวิวพาเที่ยวมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมืองแห่งวัฒนธรรมที่น่าหลงใหล

                ในแบบฉบับการท่องเที่ยวด้วยตนเองของคนที่เรียกตัวเองว่า “มนุษย์เงินเดือน” อย่างเราๆ 

การเดินทางของเราเริ่มต้นขึ้นเพราะ ความหลงใหลในเสน่ห์ของเมือง

MANILA เลยทำให้ต้องมา PHILIPPINES !

เมืองแห่งวัฒธรรมที่มีสถาปัตยกรรมที่น่าหลงใหลที่สุด พร้อมที่จะมโนไปว่า “นี่ข้าอยู่ที่ยุโรป” ฮ่าๆๆ

3 คืน กับอีก 3วัน ในเมืองมะนิลา มีเวลาไม่มากแต่เที่ยวได้นะ

การเดินทาง :

:: ขาไปเราเลือกบินไฟท์ลดึก (เพราะเราต้องรอเดินช่วงเวลาหลังเลิกงงาน อิอิ จะได้ไม่เสียเวลา) เราเลือกใช้บริการของสายการบิน Airasia บินตรงจากสนามบินดอนเมืองถึงสนามบินนินอย อะควิโน่ หรือเรียกสั้นๆ ว่า “สนามบินมะนิลา” สะดวกสุดๆไปเลยจร้า

เรากับเพื่อนเลือกที่จะแรกเงินจากสนามบินดอนเมืองไปพร้อมด้วยเลยเพื่อความสะดวกในการใช้จ่ายค่ะ เราเเลกไป 3,000 บาท ถ้าใครจะแลกไปเผื่อก็ได้นะคะ เเต่สำหรับพวกเราคือ พ๊ออออ พอ ค่ะ !! 

:: DMK 9:15 PM  ⇒ MNL 1:45 PM  ใช้เวลาอยู่บนเครื่องราวๆ 3.30 ชม. ระหว่างนี้เราก็งีบเอาแรงหน่อย

( อ้ออออ…เวลาที่ฟิลิปปินส์เร็วกว่าที่ไทย 1 ชั่วโมง อย่าลืมปรับนาฬิกาด้วยนะคะเดี๋ยวจะงง ซึ่งเราก็งงมาแล้ว อิอิ )

 

:: พอถึงสนามบินมะนิลา เราก็ไปกรอกใบ ตม. หลังจากผ่านตม. แล้ว แอบหันมาเสาะยิ้มให้เพื่อนที่โดน ตม.ชวนพูดคุยกึ่งซักถาม ฮ่าๆๆ “ข้ารอดว่ะ” แล้วเราก็เดินออกมาหาซื้อ Sim สำหรับการใช้ Internet ซึ่งเราว่ามันสำคัญมากเมื่อมาต่างแดนเผื่อหลงจากเพื่อน และไว้หาข้อมูลระหว่างที่อยู่ที่นั่น พอเปลี่ยนซิมก็เดินตรงดิ่งออกไปหา Taxi ซึ่งเป็น Taxi มิเตอร์ที่สนามบิน เพื่อเข้าที่พักกันจร้า นี่ก็ราวๆ ตี3 น่าจะได้ ค่า Taxi ที่นี่เริ่มต้นที่กดมิเตอร์ 40 เปโซ

–  เสียค่าทางด่วนไป 35 เปโซ

– ค่า Taxi ถึงที่พัก 210 เปโซ จากสนามบินไปเมือง มากาติ (Makati)

– ค่า Sim 600 เปโซ (ได้เน็ต4 GB+ 1 GB) แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับ 3 วัน ในมะนิลา

ที่พัก

:: เราเลือกพักที่ ZEN Rooms West Makati Hotel ที่อยู่ในย่านมากาติ เราพักที่นี่ทั้ง 3 คืนเลยเพราะว่าจะได้ต้องเสียเวลาย้ายบ่อยๆ และที่สำคัญเราเลือกที่นี่เพราะว่า ที่พักอยู่ระหว่างกลางเส้นทางที่เราจะไปกัน คือ จากสนามบินมาที่พักประมาณ 7 Km. และจากที่พักไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองมะนิลาก็ประมาณ 5 Km. ได้

โห…บอกเลยว่าคุ้มสุด เตียงนุ่มๆ ห้องสะอาด พนักงานบริการดี ระบบรักษาความปลอดภัยก็ดี

และที่สำคัญสะดวกมาก..เราพูดเลยยยยยยยยย

ถึงที่พักก็ประมาณ ตี4 ได้ อะเดี๋ยวเราของีบเอาแรงหน่อยนะแล้วค่อยตื่นมาลุยกันต่อ

ตื่นมาก็สักประมาณ 8 โมง อาบน้ำแต่งตัวไปหาอะไรกิน เราเดินหาร้านในซอยเดียวกับที่พัก เดินออกมาหน้าปากซอยเจอร้าน KFC มองตากับเพื่อนแล้ว แล้วบอกเป้นเสียงเดียวกันว่า งั้นขอฝากท้องกับ KFC ก่อนแล้วกัน ลองท้องก่อนไปลุยกัน

   มื้อนี้ โดนไป 427 เปโซ หารเฉลี่ย 3คน ก็ตกแค่คนละ 143 เปโซ เอ๊งงงงง มื้อนี้คิเป็นเงินไทยตกคนละ 88 บาท ถูกมั๊ยล๊าาาาา อิอิ

อิ่มแล้วเราก็เดินทางต่อ…ในเมืองใหญ่ๆ การเดินทางที่ดีที่สุดคือการใช้แท็กซี่มิเตอร์ และเราก็เป็น 1 ในนั้นที่ใช้บริการแท็กซี่มิเตอร์

เพื่อเดินทางต่อไป Intramuros

ที่แรกที่เราจะพาเที่ยวในอินทรามูรอส คือ มหานิหารมะนิลา (Manila Cathedral) โหหหหห !!! ทั้งใหญ่และสวยงามมากๆ นักท่องเที่ยวก็เยอะ รถม้าก็เเยะวิ่ง ก๊อบๆ แก๊บๆ ไปทั่วบริเวณนั้นเลย ดูเพลินตาไปอิ๊กกกก แต่ถ้าใครอยากนั่งรถม้าเที่ยวชมเมืองล่ะก็ ลองสอบถามราคาดีๆนะคะ อาจจะต้องใช้เทคนิคในการต่อลองราคาเข้าช่วยแล้วจะได้ราคาที่คุ้มค่าแน่นอน

“อินทรามูรอส” เป็นย่านเก่าแก่ที่สุดในมะนิลา และเป็นย่านประวัติศาสตร์ที่สำคัญของมะนิลา ถูกสร้างขึ้นโดยชาวสเปนสมัยที่ฟิลิปปินส์ตกเป็นอาณานิคม เพื่อป้องกันการรุกรานของโจรสลัด หลังจากนั้นอินทรามูรอสได้เปลี่ยนมือไปสู่การดูแลของหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ หรือสหรัฐอเมริกา จนสุดท้ายสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ถูกยึดครองและทำลายโดยญี่ปุ่น ไม่เพียงแค่ไฟสงครามเท่านั้น อินทรามูรอสยังต้องผ่านทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วม พายุ จนแทบจะกลายเป็นเมืองร้างอยู่ช่วงหนึ่ง หลังจากนั้นทางการได้เข้ามาซ่อมแซมบูรณะ และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของมะนิลาจนปัจจุบันนี้”

เธออออ.. คือมันสวยจริงๆนะ เราชอบที่นี่จัง ถ่ายมุมไหนก็สวย

ก่อนจะไปนั่งรถม้าชมเมือง เราขอพาทุกคนไปชมความงดงามอลังการ ของภายในมหานิหารมะนิลา (Manila Cathedral) กันนะ

นอกจากจะมีความสวยงามแล้ว ยังมีการจัดห้องนิทรรศการณ์ เพื่อให้ความรู้ความเป็นมาของสถานที่นี้อีกด้วยล่ะค่ะ

ตัดภาพมาที่เราตึ๊ง!!! ความรู้สึกตอนนั้นคือ ว๊าวววว สวยจัง เข้ามาที่นี่แล้วสงบจัง…

เดินชมข้างในจนทั่วแล้ว ลองเดินออกมาหน้าโบสถ์แล้วหาไอติมทานกันได้นะคะ หวานหอมเย็นชื่นใจ โคน 30 เปโซ ค่ะ                  ได้ไอติมแล้วก็เดินชมตามเส้นทางของเมืองสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อกันเลย

ตรงนี้ดีจัง..มีมุมเล็กๆ มีหนังสือให้อ่าน เอ้ออ ดีย์ !! เอาใจคนรักการอ่านหน่อยแล้วกัน

 เราก็จะเดินเพลินหน่อย เพราะสถาปัตยกรรมที่นี่สวยมาก ทุกที่ ทุกซอย เกือบๆทุกอาคารที่อยู่ใน Intramuros จะมีลักษณะที่โดดเด่นมาก ซึ่งบอกแล้วมองยังไง มองมุมไหนก็สวย จนคิดว่าตัวเองนั้นอยู่ยุโรป อยู่เรื่อยเลยค่ะ

SOUVENIR SHOP เป็นร้านของฝาก โปรการ์ด ในย่านนี้เลยค่ะ ลองเเวะเข้าไปเลือกซื้อของฝากกันได้นะคะ

 เดินเล่นกัน ถ่ายภาพเพลินๆ เราก็เจอร้านเครื่องดื่มร้านนึงที่อยู่ใน Intramuros เราเลยลองแวะเข้าไปทักทายและมองหาอะไรเย็นๆมาดื่มกันเพื่อคลายความร้อนนิดหน่อย ที่ร้านมีจักรยานแฮดเมด ที่เฟรมของรถ ทำขึ้นด้วยไม้ไผ่ จ๊าบสุดๆไปเลย

 จะเเวะมาหาน้ำดื่มให้ชื่นใจสักหน่อย แต่พอมาเจอถังเบียร์สดที่คราฟเบียร์ฟิลิปินส์ รอช้าอยู่ใย ข้าขอชิมหน่อยนะ แก้วนี้ 100 เปโซ คิดเป็นเงินไทยก็แก้วละ 60 บาทเท่านั้นเองนะ เอ่อ..รสชาติดี ละมุนๆ นุ่มๆ ไม่มีความขมเลย หื้มมมม ฟินเชียวนะ

:: ข้างบนนี้จะเป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงเรื่องราว ข้าวของเครื่องใช้ในยุคสมัยขอบสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ได้เก็บภาพข้างในมาให้ชมนะคะ เพราะเขา Do not shoot !!  นั่นก็คือ ห้ามถ่ายภาพจร้าาาาา

 นี่ไง รถจักรยาน ที่เฟรมทำด้วยไม้ไผ่ จ๊าบสุดๆเลย

 อะ..ไหนๆก็ไหนๆละ เรามานั่งรถมาชมเมืองกัน

 นี่ไง ก๊อบๆแก๊บๆ ตลอดทั้งเส้นทางใน Intramuros



หลังจากเดิน Intramuros จนทั่วแล้วก็เริ่มมีสารจากในท้อง ที่บ่งบอกว่านี่มันบ่ายเเล้วนะ เมื่อไรพวกเธอจะไปกินข้าว !!

เราก็ตัดสินใจ เปิด Google Map เพื่อหาร้านอาหารใกล้ๆ บริเวณนี้ จนมาเจอร้านนี้… ท๊าดาาาาาาา

HAPPY WINGS&WAFFLES

:: เมนูเด่นๆและอาหารหลักๆของที่นี่จะเป็น เมนูไก่ทอด และเมนูของเนื้อค่ะ รสชาติอาหารไม่ได้แย่นะคะ เมนูเนื้อคืออร่อยมากกกกก

ส่วนเมนูไก่จะมี2รสชาติ คือ Original กับ รสชาติของไก่ทอดธรรมดาทั่วๆไป  Original จะเป็นรสชาติของคนที่นี่ชอบทานนะคะ จะมีความหอมของกลิ่นเครื่องเทศ เวลาที่เราเคี้ยว จะมีรสชาติติดเค็มนิดๆแต่ก็ถือว่าโอเคเลยค่ะ กินได้ สบายๆ

มื้อนี้เป็นมื้อเที่ยง พวกเราก็ขอจัดเต็มกับเมนูข้าวกันหน่อย จานที่1. ไก่ทอด3ชิ้น 3ชั้นที่นี่คือชิ้นใหญ่นะคะ คือคนละชิ้นกับข้าว1จานก็อิ่มแล้วคือชิ้นใหมญ่มาก 5555 จานที่2.เป็นเมนูไก่ย่าง ที่เซิร์ฟคู่กับผัดอะไรสักอย่างไม่เเน่ใจแต่ที่แน่มีถั่วลิสงด้วย แปลกไปอิ๊กก จานที่3. เป็นเมนูสเต๊กเนื้อ ซึ่งคล้ายๆกับเอาเนื้อบด มาปั้นเป็นก้อนสเต๊กแล้วเอาลงไปจี่กับกระทะพร้อมกับราดด้วยซอสหอมๆ จานที่4.เป็นเมนูเนื้อติดมันสไลด์บางเอาไปจี่กับกระทะเเล้วเสิร์ฟกับซอสแบบเดียวกับจานที่3 โอ้โห้ววววว อร่อยเฟ่ออออ 555

 มื้อนี้หมดไป 1,355 เปโซ รวมอาหารเครื่องดื่มและกาแฟนะคะ คิดเป็นเงินไทยก็ตกคนละ 281 บาท ถือว่าไม่แพงนะคะ เพราะกินกันยับ!! เหมือนโมโหหิวมา 5555

อิ่มแล้วก็ควรจะลุกแล้วเดินต่อไปนะคะ จะได้ย่อย ได้แต่บอกกับตัวเองแบบนี้ แล้วพวกเราก็พร้อมออกที่จะเดินทางต่อไป

ภาพแบบนี้จะหาได้จากทุกๆมุมเมือง

 ระว่างที่กำลังลังเดินเท้าเพื่อไปที่ ป้อมซานติเอโก (Fort Santiago) เราก็จะเจอกับรถจิ๊ปนี้ ที่เป็นรถประจำทางของที่นี่วิ่งเต็มไปหมด เอ้อออ..เรามีเรื่องจะเเนะนำ เวลาจะข้ามถนน กรุณามองซ้ายมองขวาให้ดีๆ ย้ำ!! ว่ามองดีๆ เพราะการสัญจรที่นี่พลุ่งพล่าน เเละเต็มไปด้วยเสียงแตรรถ ปรี๊น ปรี๊นนนนนนนนนนนนน น น น น ทั้งวัน 55555 สนุกไปอีกแบบนะ สำหรับเราตลกดี ติดไฟแดงพวกเขาก็ใช้แตร ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจจะใช้ ทามม๊ายยยยยยยยยยย

ถึงแล้วสถานที่สุดท้ายของวันนี้ คือ ป้อมซานติเอโก (Fort Santiago) อยู่ติดกับแม่น้ำปาซิก (Pasig) เป็นป้อมปราการของสเปน

ที่เก่าแก่ที่สุดในฟิลิปปินส์ ที่นี่เสียค่าเข้าชมด้วยนะคะ

– ค่าเข้าชม 75 เปโซ สำหรับผู้ใหญ่ 50 เปโซสำหรับเด็กนักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุ และผู้พิการ

– เวลาทำการ: 8.00 – 21.00 น.

 เข้าแถวซื้อตั๋วกันได้อย่างน่ารักทีเดียว

 นี่ไงตั๋ว ราคา 75 เปโซของพวกเรา ปะ..ไปดูข้างในกันว่ามีอะไรบ้าง

 ทางเดินเข้าถูกออกแบบมาตามหลักสถาปัตยรรม คือสวย และนำสายตาจากคนที่เดินเข้ามามากๆ

“ป้อมซานติเอโก” เป็นด่านแรกที่ป้องกันการโจมตีจากข้าศึก ที่เข้ามาทางปากแม่น้ำปาซิก จากอ่าวมะนิลา ป้อมแห่งนี้ถูกทำลายจากการโจมตีของกองทัพสหรัฐ ต่อมาได้บูรณะซ่อมแซมเพื่อให้เป็น “ ปูชนียสถานแห่งเสรีภาพ ” (Shrine of Freedom) บริเวณรอบป้อมมีสวนหย่อม รายล้อมโดยมีรถม้าให้บริการ พาชมรอบบริเวณ บริเวณดังกล่าว ยังมีสถานที่คุมขังนักโทษ ที่อยู่บริเวณริมแม่น้ำปากแม่น้ำปาซิก และส่วนหนึ่งของป้อมนี้ ถูกทำเป็นสนามกอล์ฟอย่างสวยงาม”

 นี่คือรอยเท้าของด็อกเตอร์โฮเซรีซัล ก่อนที่เขาจะถูกประหารชีวิต

ภายในบริเวณ ป้อมซานติเอโก คุณจะได้พบกับอนุเสาวรีย์ด็อกเตอร์โฮเซรีซัล และรอยเท้าของดร.ก่อนที่เขาจะถูกประหารชีวิต สร้างขึ้นในปี 1953 เพื่อเป็นเกียรติแก่วีรบุรุษของชาติ นอกจากนี้ยังมีของใช้ส่วนตัวของ ด็อกเตอร์โฮเซรีซัล มากมายให้ชม รวมถึงร่างฉบับแรกของนวนิยาย Noli Me Tangere และสำเนาของบทกวี Mi Ultimo Adios ที่แต่งโดยด็อกเตอร์โฮเซรีซัลจัดแสดงอยู่ด้วย

อนุเสาวรีย์ด็อกเตอร์โฮเซรีซัล

ภายในนิทรรศการณ์แสดงประวัติของวีรบุรุษของชาติ นี่นก็คือด็อกเตอร์โฮเซรีซัล นั่นเอง และยังมีของใช้ส่วนตัวของ ของด็อกเตอร์โฮเซรีซัล เเสดงไว้ให้ชมอีกมากมาย

 ภาพที่มองมาจากข้างบนของ “ป้อมซานติเอโก” จะมองเห็นเมืองมะนิลาอีกมุมนึง

พอตกเย็นจะมีวิทยาการ มาเล่าเกี่ยวกับประวัติของป้อมซานติเอโก ให้นักท่องเที่ยวฟัง ซึ่งนักท่องเที่ยวจะสนใจมากๆเลย

นี่ข้างในนี้เป็นร้านขายของฝาก ใครอยากมีของฝากติดไม้ติดมือกลับมา ในสไตล์ของฟิลิปินส์เดินเข้าไปเลือกได้เลยจร้า

พระอาทิตย์เริ่มตกดิน พวกเราตัดสินใจเดินกลับมาที่ Intramuros อีกครั้ง เพื่อมาชมความงามในตอนเย็น ซึ่งพวกเราก็ไม่ผิดหวังเลย รู้สึกว่า โอ้โห๊ววววววว ทำไมมันสวยอย่างนี้นะ

ระหว่างทางกับเเสงอุ่นๆ ตอนพระอาทิตย์จะตกดิน นี่ข้าอยู่ที่ไหนกันแน่นะ ทำไมสวยจัง

เรารู้สึกว่า..วันนี้นะพวกเราคุ้มกันมากๆเลยอ่ะ งื้ออออ…สวยจัง

พอเริ่มมืด พี่ๆเจ้าหน้าที่ก็จะเดินตรวจดูความเรียบร้อยเรื่อยๆ เห็นไหมไม่น่ากลัวอย่างที่คิดนะจ๊ะ

 

                                          เริ่มเหนื่อยแล้ว..ขอปิดวันนี้ด้วยภาพของ มหานิหารมะนิลา (Manila Cathedral)                                           ในตอนกลางคืนที่มีแสงไฟสวยๆแล้วกันนะคะ

สรุปการค่าใช้จ่ายของวันนี้

– ค่า KFC มื้อเช้า 427 เปโซ

– ค่าแท๊กซี่มิเตอร์ 180 เปโซ

– ค่าเครื่องดื่มและน้ำ ระหว่างวัน 300 เปโซ

– ค่าอาหารกลางวัน 1,355 เปโซ

– ค่าที่เข้าชม ป้อมซานติเอโก 75 /คน ก็ 225 เปโซ

– ค่าแท๊กซี่มิเตอร์ขากลับ 165 เปโซ

– ค่าอาหารมื้อค่ำเเละเครื่องดื่มของพวกเรา หมดไป 815 เปโซ

สรุป 3,467 เปโซ คิดเป็นเงินไทย 2,159 บาท หาร 3 ก็ตกคนละ 720 บาทไทย

นี่คือมื้อค่ำของเรา เราเลือกจะฝากท้องไว้ที่ แม๊ค เพราะร้านไม่ไกลจากที่พักเรามาก เดินเล่นไปแปปๆก็ถึงแล้ว

เช้านี้เรายืนโบกแท๊กซี่กันที่หน้าที่พักเพื่อมุ่งหน้าไปยัง อันเดรส โบนีฟาซีโอ อี เด กัสโตร (Andrés Bonifacio y de Castro) กัน  ส่วนค่าใช้จ่ายและค่าแท๊กซี่ เราจะสรุปให้นะคะ

“อันเดรส โบนีฟาซีโอ อี เด กัสโตร (Andrés Bonifacio y de Castro) เป็นนักปฏิวัติหัวรุนแรงในการเรียกร้องเอกราชของฟิลิปปินส์จากสเปน รุ่นเดียวกับโฮเซ รีซัล และลีโอเอมี อากีนัลโด เขาจัดตั้งสมาคมลับกาตีปูนัน (Katipunan) เพื่อต่อสู้กับสเปน ตามแผนการนั้น เขาต้องการลุกฮือขึ้นขับไล่สเปนด้วยอาวุธ แต่รีซัลไม่เห็นด้วย โบนีฟาซีโอถูกฆ่าตายเมื่อ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2440 หลังการตายของรีซัลไม่นาน รวมอายุได้ 34 ปี ในปัจจุบัน โบนีฟาซิโอยังถือว่าเป็นวีรบุรุษแห่งมะนิลา มีอนุสรณ์สถานของเขาที่จัตุรัสลีวาซัง ถนนแมกคัลลี วันที่ 30 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันโบนีฟาซิโอเพื่อระลึกถึงเขา”

บริเวณนี้เหมือนเป็นจุดรวมเส้นทางของรถสาธารณะอย่าง จิ๊ปนี่ย์ ดูเยอะเเยะไปหมดเลย เเต่เดี่ยวนะ.. เราไปเจอนี่ กล้วยทอดฟิลิปินส์สไตล์ ฮ่ะฮาฮ่าาาาา เห็นอย่างนี้บอกเลยอร๊อยยย อร่อย รสชาติเหมือนกล้วยน้ำว้าเคลือบด้วยน้ำตาล หอมหวานมากๆ

ทีเด็ดนะเธออออ..เอ้ย อืมราคาไม้ละ 20 เปโซ

เดินเล่น ชมชิว เดินชิมจนอิ่มเราก็ทำการใหญ่.. คือ โบกแท๊กซี่ !! บนถนนที่มีการจราจลหนาเเน่นที่สุด

เพื่อไปชมความงามของ โบสถ์คาทอลิก Malate Catholic Church

แล้วที่นี่ก็ไม่ทำให้พวกเราผิดหวังจริงๆ สวยมว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ภายในโบสถ์ก็สวยไม่แพ้ภายนอกเลยนะคะ

พวกเราอยู่ที่นั้นได้สักพัก ก็มาเดินลัดเลาะหาทางไป  Manila Baywalk ที่เป็นทางเดินเรียบทะเลเพื่อชมพระอาทิตย์ตกดิน

ที่นี่จะมี รถขายไอติม ร้านขนมเคลื่อนที่ ไว้ให้เเวะซื้อไว้ตลอดเลย ราคาไม่แพงด้วยนะ

ลุ๊งงงงงงง นั่งตกปลาชิวเลยนะ 5555

และแล้ววันนี้ก็จบ โดยที่ไม่เห็นพระอาทิตย์ตกดิน 5555 กะจะให้ไปส่งสะหน่อย อะโถ่ววว นายคิดเราแพงจัง มองหน้ากับเพื่อน สงสัยเราต้องโบกแท๊กซี่กันแล้วละเนอะ เราไม่ไหวจริงๆ ขอโทษทีน๊าาาา พ่อหนุ่ม

“สุดท้ายเราก็เดินๆๆ เดินข้ามถนน ฝ่าคนนับ 1,000 เพื่อไปหาแท๊กซี่กลับที่พัก

สนุกที่สุดก็ตอนข้ามถนนเนี่ยแหละ ลุ้นสุดๆ”

 



สรุปการค่าใช้จ่ายวันที่2ของเราในมะนิลา

– ค่าแท๊กซี่มิเตอร์ไปโบสถ์คาทอลิก  100 เปโซ

– ค่าอาหารกลางวัน อาหารเช้าและเครื่องดื่ม 700 เปโซ

– ค่าแท๊กซี่มิเตอร์ไปอันเดรส โบนีฟาซีโอ อี เด กัสโตร 100 เปโซ

– ค่าขนมและไอติมระหว่างเดินเล่นที่ Manila Baywalk 100 เปโซ

– ค่าแท๊กซี่มิเตอร์กลับที่พัก  100 เปโซ

– ค่าเครื่องดื่มและอาหารมื้อค่ำของเรา เราก็เลือกฝากท้องกับ แม๊ค เช่นเดิม 800 เปโซ (เพราะมันใกล้และสะดวกที่จะเดินไป)

สรุป 1,900 เปโซ เป็นเงินไทย 1182 บาท หาร 3 ก็ตกคนละ 394 บาทไทย


                                               “การเดินทางของพวกเราวันนี้จะเน้นเดินทางกันแบบสบายๆ ไปเรื่อยๆ                                                                                                แล้วก็มารู้สึกตัวอีกทีว่าทำไมนะเวลามันผ่านไปเร็วจัง                                                                                                              พรุ่งนี้เราก็ต้องกลับแล้วสินะ… แต่ไม่เป็นไรสำหรับเรานะแค่นี้                                                              มันก็เพียงพอแล้วที่จะกลับไปทำหน้าที่ตัวเองต่อ คือ หาเงิน และหาที่ท่องเที่ยวใหม่ๆต่อไป”

มุมเล็กๆ น่ารักๆ ของเด็กในย่านมากาติ (Makati) ที่เล่นบาสเก็ตบอลกันอย่างเอาจริงเอาจัง ก่อนที่พวกเราจะเดินทางไปสนามบินกัน

 

                                                         ขอบคุณเรื่องราวระหว่างทางที่ทำให้กล้าที่จะตัดสินใจ                                                                                               กล้าที่จะพูดคุยและเอ่ยคำว่า “Excuse me” อย่าสุภาพและต่อรองกับคนที่นั้น                                                                 แม้ภาษาจะฟังยากไปหน่อย จนจะมีคำว่าว่า “Again please” เป็นคำติดปาก แต่อย่างน้อย                                                                       ก็ทำให้เราสนุกมากๆกับการมาที่นี่!! และจะมีที่อื่นอีกต่อไปแน่นอน

 


นี่เราจะต้องกลับกันแล้วจริงๆใช่ไหม?

ระหว่างที่รอเวลา เราก็เดินหาข้าวกินกันก่อนที่จะเดินทางกลับไทยกัน ลองท้องไปก่อน

ค่าใช้จ่ายของวันนี้ วันสุดท้ายของเราที่ มะนิลา

– ค่าแท๊กซี่มิเตอร์ไปสนามบิน 140 เปโซ

– ค่าทางด่วน 35 เปโซ

– – ค่ากาแฟเครื่องดื่มและขนมปัง 600 เปโซ

– ค่าอาหารที่สนามบิน 600 เปโซ

สรุป 1,375 เปโซ เป็นเงินไทย 856 บาท หาร 3 ก็ตกคนละ 286 บาทไทย

ขากลับเราบินกลับไฟท์ล เย็น แล้วถึงกทม. 3ทุ่ม กลับที่พักแล้วพรุ่งนี้เช้าตื่นทำงานต่อไปเลย สบายๆนะ

MNL 6:25 PM  ⇒  DMK  8:40 PM  3ทุ่มก็ถึง กทม. แล้ว กลับบ้านพักผ่อน สบายๆนะ เวลานี้


สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้ หลักๆจะเป็นค่าที่พัก ค่าอาหารและค่าเดินทางที่พวกเรา 3 คนหารเฉลี่ยกัน

ทั้งหมดนี้ไม่รวมค่าของฝากนะจ๊ะ…

DAY 1 (ค่าใช้จ่ายในสนามบิน+ที่พัก)

– ค่าที่พักแบบ 3 เตียง 934 เปโซ/คืน/คน รวม 3 คืน 2,802 เปโซ

–  เสียค่าทางด่วนไป 35 เปโซ

– ค่า Taxi ถึงที่พัก 210 เปโซ

– ค่า Sim 600 เปโซ (ได้เน็ต4 GB+ 1 GB) แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับ 3 วัน ในมะนิลา 3 คนก็ 1,800 เปโซ

รวม 4,847 เปโซ เป็นเงินไทย 3,015 บาท หารเฉลี่ยน 3คน ตกคนละ 1,005 บาท

DAY 1 (ค่าใช้จ่ายระหว่าง)

– ค่า KFC มื้อเช้า 427 เปโซ

– ค่าแท๊กซี่มิเตอร์ 180 เปโซ

– ค่าเครื่องดื่มและน้ำ ระหว่างวัน 300 เปโซ

– ค่าอาหารกลางวัน 1,355 เปโซ

– ค่าที่เข้าชม ป้อมซานติเอโก 75 /คน ก็ 225 เปโซ

– ค่าแท๊กซี่มิเตอร์ขากลับ 165 เปโซ

– ค่าอาหารมื้อค่ำเเละเครื่องดื่มของพวกเรา หมดไป 815 เปโซ

สรุป 3,467 เปโซ เป็นเงินไทย 2,159 บาท หาร 3 ก็ตกคนละ 720 บาทไทย

DAY 2

– ค่าแท๊กซี่มิเตอร์ไปโบสถ์คาทอลิก  100 เปโซ

– ค่าอาหารกลางวัน อาหารเช้าและเครื่องดื่ม 700 เปโซ

– ค่าแท๊กซี่มิเตอร์ไปอันเดรส โบนีฟาซีโอ อี เด กัสโตร 100 เปโซ

– ค่าขนมและไอติมระหว่างเดินเล่นที่ Manila Baywalk 100 เปโซ

– ค่าแท๊กซี่มิเตอร์กลับที่พัก  100 เปโซ

– ค่าเครื่องดื่มและอาหารมื้อค่ำของเรา เราก็เลือกฝากท้องกับ แม๊ค เช่นเดิม 800 เปโซ (เพราะมันใกล้และสะดวกที่จะเดินไป)

สรุป 1,900 เปโซ เป็นเงินไทย 1182 บาท หาร 3 ก็ตกคนละ 394 บาทไทย

DAY 3

– ค่าแท๊กซี่มิเตอร์ไปสนามบิน 140 เปโซ

– ค่าทางด่วน 35 เปโซ

– – ค่ากาแฟเครื่องดื่มและขนมปัง 600 เปโซ

– ค่าอาหารที่สนามบิน 600 เปโซ

สรุป 1,375 เปโซ เป็นเงินไทย 856 บาท หาร 3 ก็ตกคนละ 286 บาทไทย

ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 3วัน 3คืน ของพวกเรามะนิลา คือ 11,589 เปโซ คิดเป็นเงินไทย 7,215 บาท

หารเฉลี่ยกัน 3 คน ตกคนละ 2,405 บาท เราเเลกเงินไป 3,000 บาท ได้ขนมและของฝากกลับไทยด้วย

เห้ยยยยยยคือ….มันคุ้มมากนะแกร๊ !!! ประหยัดทั้งเงิน ประหยัดทั้งเวลา  : )


                                                 “นี่คือสิ่งเย้า…ที่เราต้องการให้ทุกคนมาสัมผัส หนึ่งในเมืองแห่งวัฒนธรรม                                                 และสถาปัตยกรรมของที่นี่ นั่นก็คือเมือง Manila , Philippines”

     จ น ก ว่ า จ ะ พ บ กั น ใ ห ม่ น๊ า

     บ๊ า ย บ า ย ย ย ย ย ย

 

 

 

 

 

 

Facebook Comments

Leave a Comment