รีวิวเที่ยวเมืองนาโกย่า(Nagoya) ประเทศญี่ปุ่น ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี 2018 : เที่ยวแบบมนุษย์เงินเดือน
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา ทาง Thai AirasiaX เปิดตัวเส้นทางบินใหม่ ไฟล์ทปฐมฤกษ์ บินตรงทุกวัน จากดอนเมืองสู่ นาโกย่า ประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ทำให้เราได้เข้าถึงเมืองนาโกย่า และเมืองรอบ ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ต้องเดินทางไกล บินตรงลงที่นาโกย่าเลยจ้าาา และที่สำคัญประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้เยอะเลครับ
ก่อนที่จะเข้าสู่รีวิว หลายคนที่มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว อาจจะยังไม่เคยมาที่นาโกย่า ขอบอกเลยว่าลองมาซักครั้งครับ แล้วคุณจะหลงรักเมืองนี้
“นาโกยา” ไม่ใช่จังหวัดนะครับ แต่เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในภูมิภาคชูบุ จังหวัดอิจิ ตั้งอยู่ใจกลางของประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามของญี่ปุ่นเลยทีเดียว และยังเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรม ยกตัวอย่างเช่น เป็นแหล่งผลิต รถยี่ห้อโตโยต้า อีกทั้งยังเป็นเมืองเกษตรกรรมอีกด้วยครับ ประชากรที่นี่ ประมาณ 2 ล้านคน ถือว่ารู้สึกไม่แออัดจนเกินไป แต่การคมนาคมครบครันมากครับ ไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้าใต้ดิน ที่ครอบคลุมแทบจะทุกพื้นที่ รถไฟบนดิน รถไฟความเร็วสูง รถบัส แท็กซี่
มาดูในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวกันบ้างนะครับ การมานาโกย่าครั้งนี้ถือว่าจัดเต็มมากครับ สถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะเต็มไปหมด ทั้งสถานที่ชอปปิ้ง อาหารที่โด่งดังที่มาแล้วไม่ควรพลาด ข้าวหน้าปลาไหล หรือจะเป็นปีกไก่ทอดเจ้าดัง ที่ล้วนมากจาเมืองนาโกย่าทั้งนั้น ถ้าว่าถ้ามาที่นี้ก็จะได้รับประสบการณ์ ท่องเที่ยวแบบสงบ ครบ จบ ที่เดียวครับ
แหล่งท่องเที่ยวหลัก ๆ ที่พวกเราไปมาและอยากมาแชร์ มีดั้งนี้ครับ
1.Port of Nagoya Public Aquarium
2.Atsuta Shrine
3.Shirotori Garden
4.Nagoya Castle
5.Nagoya TV Tower & Oasis 21
6.Osu Shopping district & Osu Kannon Temple
7.SCMAGLEV and Railway Park
8.Nagoya Science Museum
9.Nabana No sato
พร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลยนะครับ
แผนการท่องเที่ยวฉบับย่อ
ทริคในการจัดแผนเที่ยวด้วยตัวเอง
*เริ่มจัดแผนท่องเที่ยวกันแบบง่าย ๆ ครับ เริ่มจาก ลิส สถานที่ท่องเที่ยวไว้ แล้วเอามากางใน Google map จากนั้นก็จัดกรุ๊ป ว่าที่ไหนใกล้กันบ้างให้ไปในวันเดียวกัน
เพื่อให้มองภาพออก ผมมีตัวอย่างการจัดสถานที่ตาม google map ตามลิงค์ครับ
วิธีการสร้าง My Map บน Google map
Day1 30 ต.ค. 61
เดินทางจาก สนามบินดอนเมือง สู่ นาโกย่า เที่ยวบิน XJ638 DMK 06:55 – NGO 14:20
1. เข้าที่พัก APA Hotel Nagoya
2. Nagoya TV Tower & Oasis 21
3. ทานข้าวหน้าปลาไหล ที่ Horaiken Matsuzakaya Nagoya South
4. ช๊อปปิ้ง ย่าน Sakea
Day2 31 ต.ค. 61
1. Nagoya Castle
2. Osu Kannon Temple และชอปปิ้งย่าน Osu Shopping district
3. Nagoya Science Museum
Day3 1 พ.ย. 61
1. ย้ายจากโรงแรม APA Hotel Nagoya ไป Silk Tree Hotel
2. Port of Nagoya Public Aquarium
3. SCMAGLEV and Railway Park
4. เที่ยวชมเมือง และทานมื้อเย็น
Day4 2 พ.ย.61
1. Atsuta Shrine และ Shirotori Garden
2. งานดอกไม้ และไฟประดับประจำปี Nabana No Sato ** ควรไปซักครั้ง
3. เที่ยวชมเมืองยามค่ำคืน
Day5 3พ.ย.61
ช่วงเช้า ร่วมงานเทศกาล เหล้าญี่ปุ่น ***
เดินทางกลับจาก สนามบิน Chubu Centrair International Airport, Nagoya สู่ สนามบินดอนเมือง เที่ยวบิน XJ639 NGO 16:30 – DMK 21:10
บรรยากาศวันแรกไฟล์ทปฐมฤกษ์
บินตรงจากดอนเมือง สู่ นาโกย่า
ก่อนออกเดินทางแต่ละครั้ง หลังจากที่มีไอ้เจ้า Self Check-in ก็ช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะครับ ไม่ต้องต่อคิวยาวเหมือนเมื่อก่อน และยังสามารถปริ้นทั้ง Boarding pass และติดแท็กกระเป๋าให้ด้วย ถ้าครั้งแรก ๆ ยังไม่ชินก็จะมีเจ้าหน้าที่มาช่วยแนะนำการใช้งานให้ด้วย
เป็นการประเดิมไฟล์แรกจริง ๆ เช้ามืดกันเลยทีเดียว เที่ยวบิน XJ638 DMK 06:55 – NGO 14:20
หลังจากเช็คอินเสร็จ ตรงโซนทางออกเช็คอิน ก็มีซุ้มให้ถ่ายรูปกับนินจา เครื่องดื่มเย็น ๆ จากคณะต้อนรับ ของสายการบินแอร์เอเชีย ที่รอต้อนรับในวันเปิดไฟล์ทปฐมฤกษ์ บินตรงทุกวัน จากดอนเมืองสู่ นาโกย่า วันนี้เป็นการเดินทางที่คึกคักและรู้สึกอบอุ่นมากมาย
นอกจากนี้ก็ยังมีเกมให้ร่วมสนุก และรับของรางวัลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สติ๊กเกอร์น่ารัก ๆ สายรัดกระเป๋า แท็กติดกระเป๋า และผ้าปิดตานินจา เอาเป็นว่าใครเดินทางรอบนี้คือมีแต่คุ้มกับคุ้มครับ
ยังไม่จบเพียงเท่านี้ครับ ภายในเครื่องบินโดยสาร ยังมีการตกแต่งด้วยเจ้าการ์ตูนนินจาเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ พร้อมทั้งเครื่องบินลำใหญ่ ที่นั่ง 2 4 2 ให้นั่งสบาย ๆ ไม่อึดอัดอีกด้วยครับ และปิดท้ายด้วยอาหารเช้า ที่เสิร์ฟเป็นเซ็ท ถ้าสั่งกับเจ้าหน้าที่ราคาก็แพงกว่าที่เราสั่งจองในเว็บตอนจองตั๋วนะครับ แนะนำจองก่อนดีที่สุดครับ
ถึงซะที ที่นี่ นาโกย่าาา ก็จะตื่นเต้นหน่อย ๆ เพราะเป็นการมาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกของผมกับเพื่อน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม ครึ่ง ถ้ามานาโกย่าเครื่องก็จะมาลงที่สนามบินนาโกย่า ชูบุเซ็นแทรร์ (Nagoya Chubu Centrair Airport)
ออกจากเครื่องก็เดินตามทางมาเรื่อย ๆ ครับ ดูป้ายไปด้วย มีภาษาอังกฤษให้อ่าน ถือว่ารอดตายครับ ฮ่าาา
ในระหว่างอยู่ที่สนามบิน ถ้าอยากใช้งาน Wifi ก็มี Free Wifi ให้ใช้งานด้วยนะครับ
หลังจาก ผ่าน ตม และรับกระเป๋าเรียบร้อย ทางออกก็เจอเหล่านินจา ต้อนรับอย่างอบอุ่น มีของที่ระลึกให้ด้วย เป็นที่รองแก้วน่ารัก ๆ อีกอัน วันนี้ก็รับของที่ระลึกวนไปครับ ฮ่าาาา
สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ SIM Card หรือ Wifi Router ครับ เพราะโลกทุกวันนี้ต้องพึ่ง Internet ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะครับ ผมจะใช้งานเป็นหลักเลยคือ Google Map ในการนำทางไปทุก ๆที่ ตัวเดียวเอาอยู่ทั้งทริป ร้านขายซิม ก็จะอยู่ตรงทางออกเชื่อมต่อไปยัง สถานีขนส่งผู้โดยสารต่าง ๆ
Package การใช้งานก็มีหลากหลายให้เลือกครับ ไม่ว่าจะเป็น Wifi Router หรือ ซื้อซิมแบบเติมเงินที่นี่ หรือบางคนอาจจะสะดวกใช้ Roaming ส่วนตัวผมกับเพื่อน ซื้อซิมไปเลยครับ คำนวณดูแล้วถูกสุด มาทริปนี้ 2 คน ซื้อไป 1 ซิม 7500 Yen สำหรับ 7 วัน แล้วอีกคนก็แชร์ Hotspot ส่วนราคา package อ้างอิงตามรูปด้านบนครับ
การเดินทางจากสนามบินเข้าเมือง นาโกย่า
หลังจากซื้อซิมเสร็จ ก็ให้สังเกตป้ายนำทาง ว่า รถไฟเข้าเมืองไปทางไหน และถามเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมครับ เจ้าหน้าที่ที่สนามบินส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษกันได้นะครับ
การเดินทางเข้าเมืองก็จะมีหลากหลายวิธีเช่นกันครับ ไม่ว่าจะเป็น รถไฟ รถบัส แท็กซี่ แม้กระทั่งเรือ โดยส่วนตัวพวกเราเลือกเดินทางโดยรถไฟครับ รวดเร็ว และตรงเวลาสุด เส้นทางรถไฟจากสนามบิน เข้าเมือง จะมีชื่อเรียกว่า Meitetsu -Line
การซื้อตั๋วก็สามารถซื้อได้ทั้ง ที่ตู้ หรือกับเจ้าหน้าที่ก็ได้ครับ ราคาอยู่ที่ 810 Yen
สังเกตป้ายบางแห่งที่นี่มีภาษาไทยด้วยนะจ๊ะ แสดงให้เห็นว่า มีนักท่องเที่ยวคนไทยมาเที่ยวญี่ปุ่นเยอะมากจริง ๆ
ผมกับเพื่อนเดินทางไปที่สถานี Sakae เพราะโรงแรมพักอยู่แถวนั้น ไม่ได้ลงสถานีนาโกย่าโดยตรง สำรวจเส้นทางแล้วต้องต่อรถไฟ และต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน ตัวอย่างการเดินทางตามเส้นทางเข้าเมืองของผม ดังนี้ครับ
เดินทางจาก Meitetsu -Line ชื่อสถานี Central Japan International Airport station >>> Kanayama station >>> เดินตามป้ายนำทางต่อ Subway Kanayama station >>> Sakae station Meijo Line(สายสีม่วง) >>> โรงแรมที่พัก
Map ภาพรวมของรถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดินครับ
ที่มา https://www.meitetsu.co.jp/eng/route/img/route-map_img01_view.png
Nagoya Subway Map
ที่มา http://rapidtransit.wikia.com/wiki/File:Nagoya_Municipal_Subway_Map.png
พอถึงสถานี Kanayama ก็สังเกตตามป้ายนำทาง ที่เป็น Subway ครับ
ถ้าเดินทางโดยรถไฟใต้ดินก็ต้องทำความคุ้นเคยกับเจ้าตู้เหลืองนี้บ่อย ๆ นะครับ ตู้ที่นี่ไม่ส่วนใหญ่ จะให้กดเป็นจำนวนเงิน ไม่เหมือนบ้านเราที่ให้เลือกสถานีและใส่จำนวนเงิน ให้สังเกตรอบข้าง จะมีป้ายบอกราคาของแต่ละสถานี หรืออาจจะสอบถามเจ้าหน้าที่ก็ได้ครับ ขั้นต่ำอยู่ที่ 200 Yen
หรือถ้าอยากสะดวกวันนั้นเดินทางทั้งวัน ก็ซื้อแบบเหมารายวันจะคุ้มกว่า ให้ซื้อกับเจ้าหน้าที่ได้เลยครับ สามารถใช้รวมกันทั้งรถ Bus และรถไฟ้ฟ้าใต้ดิน ราคาอยู่ที่ 600 Yen ครับ
พอถึงสถานี Sakae ออกทางประตู 10 และเดินเท้าอีกประมาณ 500 เมตร ก็ถึงที่พักครับ
ถึงที่พักกันเสียที กับการเดินทางที่แสนยาวนาน ครั้งแรกที่ญี่ปุ่น ก็จะมีหลงบ้างเล็กน้อยครับ ^ ^
เราพักกันที่ APA Hotel Nagoya ในย่าน Sakae ครับ ที่พักส่วนใหญ่ที่นี่ก็จะเป็นขนาดกะทัดรัด แต่ฟังก์ชันครบมาก ห้องสะอาด โดยรวมแล้วโอเคมากครับ โรงแรมนี้ก็อยู่ใจกลางเมืองเลยครับเดินเท้าสะดวกมาก แทบไม่ต้องใช้รถไฟเลย และ ย่าน Sakae นี้ที่พักถูกสุดแล้วครับ รวมทั้งของกิน และที่เที่ยวก็เยอะครับ
APA Hotel Nagoya
Location: https://goo.gl/maps/vjajfQS9EpM2
Website: apahotel.com
นอกจากนี้ยังมีส่วนลดค่าห้อง 1000 บาท จองผ่าน Booking.com ตามข้อมูลด้านล่างเลยครับ
จองที่พัก นาโกย่า และที่พักทั่วโลก
Booking.com ร่วมกับ เพจ เที่ยวแบบมนุษย์เงินเดือน
แจกส่วนลด 1,000 บาท (เครดิตเงินคืนเข้าบัตรเครดิต)
โดยต้องคลิกจองผ่านลิงค์นี้เท่านั้น
https://www.booking.com/s/eb6bafaa
รวมสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง นาโกย่า
ผมขออนุญาตรวมสถานที่ท่องเที่ยวไว้เป็นหมวดหมู่นะครับ ไม่ได้แยกตามแผนวันเที่ยว เผื่อเป็นประโยชน์ และง่ายต่อการหาข้อมูลต่อผู้ที่สนใจใช้นำทางในการท่องเที่ยวครับ เนื่องจากเมืองนาโกย่ามีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก รวมทั้งแหล่งช็อปปิ้ง และอาหารจานเด็ดประจำเมือง ผมเลยขอแยก หมวดหมู่ดังนี้ครับ สถานที่ท่องเที่ยว, แหล่งช๊อปปิ้ง, ร้านอาหาร และคาเฟ่ครับ
ว่าแล้วก็มาเริ่มที่สถานที่ท่องเที่ยวที่แรกกันเลยครับ 😉
Nagoya TV Tower & Oasis 21
Nagoya TV Tower ถือเป็นหอส่งสัญญาณโทรทัศน์แห่งแรกในประเทศญี่ปุ่นเลยนะครับ และถือเป็น Highlight ของเมืองนาโกย่า และในย่าน Sakae ที่มาเที่ยวที่นี่ก็ต้องแวะมาเที่ยวชม และถ่ายรูปสวย ๆ กัน
สร้างเสร็จตั้งแต่ปี ค.ศ.1954 มีความสูงรวมอยู่ที่ 190 เมตร ชั้นบนจะมีให้ชมวิวทั้งเมืองนาโกยาอีกด้วย มองดี ๆ ก็มีความคล้ายหอไอเฟล ที่ปารีสอยู่นะครับ
ส่วน Oasis 21 นั้นจะอยู่ใกล้ ๆ กันเลยครับกับ TV Tower เป็นลานจัดกิจกรรม และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและช้อปปิ้ง ที่โดดเด่นอีกที่เช่นกันครับ ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2002 ซึ่งมีรูปแบบของ “Space ship Aqua” ด้านบนจะเป็นสระน้ำกระจกใหญ่ที่ดูแล้วเป็นเอกลักษณ์มาก ๆ ครับ ชั้นใต้ดิน มีร้านค้าและร้านอาหารต่างๆ ให้ผู้คนมาเที่ยวช้อปปิ้ง ทานอาหาร เดินทางสะดวกเพราะมีการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าด้วย
Nagoya TV Tower
Location: https://goo.gl/maps/uiXamBLYnvQ2
Website: http://nagoya-tv-tower.co.jp
ราคาตั๋วขึ้นชมวิว : ผู้ใหญ่ 700 Yen นักเรียน ผู้สูงอายุ 600 Yen และเด็ก 300 Yen
เวลา เปิด–ปิด : ทุกวัน
– เดือน มกราคม – มีนาคม: 10:00 – 21:00 น.
– เดือน เมษายน – ธันวาคม: 10:00 – 22:00 น.
การเดินทาง :
– รถไฟฟ้าสาย Meijo and Sakura-dori ลงที่สถานี Hisaya-odori และจากนั้นออกที่ทางออก 4B
– รถไฟฟ้าสาย Meijo and Higashiyama ลงที่สถานี Sakae ทางออก 3 หรือ 4
– รถไฟฟ้าสาย Meitetsu ลงที่สถานี Sakaemachi ทางออก 3 หรือ 4
Oasis 21
Location: https://goo.gl/maps/TK6zk7diPfF2
Website: sakaepark.co.jp
ราคาตั๋ว :ไม่เสียค่าใช้จ่าย
เวลา เปิด–ปิด :ทุกวัน
Spaceship Aqua เปิดตั้งแต่ 10.00น – 21.00น.
ร้านค้า 10.00น. – 21.00 น. , ร้านอาหาร 10.00น.-22.00 น.
การเดินทาง
– รถไฟใต้ดินสาย Higashiyama-Line/Meijo-Line ลงที่สถานี Sakae ทางออก 4
– รถไฟ Meitetsu ลงที่สถานี Sakae-Machi
– รถบัสเมกุรุ(Me~guru) ลงที่ หอส่งสัญญาณโทรทัศน์นาโกย่า (นาโกย่า ทีวี ทาวเวอร์)
Nagoya Castle
ปราสาทนาโกย่า เป็นปราสาทประจำเมืองนาโกย่า ที่มีความสวยงามไม่แพ้เมืองอื่น ๆ เลยครับ ปราสาทนี้สร้างขึ้นโดยโชกุน โทคุกาวะ อิเอยาสึ ในปี ค.ศ. 1612 แต่ได้ถูกเพลิงไหม้จนเสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงได้มีการการบูรณะใหม่ในปี ค.ศ.1959 ด้านบนปราสาทมีรูปสลักปลาหัวเสือทองคำ “คินชะจิ (Kinshachi)” มีความสำคัญคือช่วยปกป้องปราสาทและป้องกันอัคคีภัยนั่นเองครับ ซึ่งตัวปราสาทหลักมีทั้งหมด 7 ชั้น ภายในประกอบด้วยนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา และการจัดแสดงอุปกรณ์ต่างๆ บริเวณรอบๆ ปราสาทมีคูเมืองและสวนให้ได้พักผ่อนหย่อนใจ
แต่ช่วงที่พวกเราไปปราสาทปิดปรับปรุง ให้ชมแค่ด้านนอก ไม่อนุญาตให้เข้าชมด้านใน ก็แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน แต่ถือได้มาชมแค่บริเวณรอบ ๆ ก็คือว่าคุ้มแล้วครับ เพราะสวยงามจริงๆ
บริเวณปราสาท ก็ยังมีสถานที่สำคัญอีกที่คือ พระราชวังฮอมมารุ (Hommaru Palace) ที่เปิดให้เข้าชมฟรี ๆ เพราะรวมค่าตั๋วเข้าแล้ว แต่ก่อนเข้าก็จะมีความเป็นระบบ ระเบียบนิดหน่อยครับ เจ้าหน้าที่จะชี้แจงขั้นตอนต่าง ๆ ห้ามใส่รองเท้า เข้าไป มีล็อคเกอร์ให้เก็บของ และบริเวณด้านในจะมีห้องและภาพเขียนต่างๆ ให้ชม สามารถถ่ายรูปได้ตามใจชอบ แต่ไม่ให้เปิดแฟลชนะครับ
บริเวณรอบ ๆ ที่มีทั้งคูคลอง ร้านอาหาร และร้านชา กาแฟไว้ให้พักผ่อนหย่อนใจอีกด้วยครับ
ช่วงนี้ก็จะเป็นช่วงเข้าสู่ใบไม้เปลี่ยนสี บริเวณรอบ ๆ มันก็จะฟิน ๆ แบบนี้แหละครับ
จุดถ่ายรูปอีกที่ก็จะเป็นป้าย @Nagoya สีแดงเหลือง ตั้งเด่นอยู่ทางเข้า ระหว่างประตู รถไฟฟ้า ไปสู่ปราสาท วันนี้ผมใส่เสื้อเหลืองไปก็จะดูเข้ากันหน่อย ๆ ฮ่าาา
Nagoya Castle
Location :https://goo.gl/maps/SCitxBH6F1K2
Website : http://www.nagoyajo.city.nagoya.jp/13_english
การเดินทาง : รถไฟฟ้าใต้ดินสถานี Shiyakusho ออกทาง Exit 7 เดินตามป้ายบอกทาง ประมาณ 2oo เมตรก็ถึงปราสาทครับ
เปิดเวลา :9:00 น. – 16:30 น. (เข้าก่อน 16:00 น.)
วันที่เปิด : หยุด 29 ธันวาคม – 1 มกราคม
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 500 Yen,
Osu Shopping district
Osu Shopping district เป็นแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ ที่มีร้านค้ากว่า 1,200 ร้านค้า ถือเป็นย่านยอดนิยมของแห่งนี้เลยครับ มีสินค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นสินค้ามือสอง สินค้าแบรนด์เนม เครื่องสำอาง ร้านค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ร้านขายเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ ร้านอาหารและคาเฟ่มากมาย เอาเป็นว่า ถ้ามาที่นี่ก็ถือว่าครบ จบ ที่เดียวครับ
ดูน่ารักคิกขุ ไปซะทุกอย่าง
Alice on Wednesday เป็นร้านขายพวกของน่ารัก ๆ สำหรับผู้หญิง จะเข้าไปด้านในก็ต้องมุดประตูน้อยๆ เข้าไปนะครับ
Osu Shopping district
Location : https://goo.gl/maps/rFgJE2Mf89U2
Website : http://inbound.nagoya-osu.com/en/
การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน Tsurumai-Line ลงที่สถานี Osu-Kannon Exit 2
Osu Kannon Temple
Osu Kannon Temple วัดโอสึคันนง จะอยู่ใกล้ ๆ กับ ย่านช้อปปิ้ง Osu เลยครับ เดินตรงมานิดเดียว เป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากของเมืองนาโกย่า เป็นหนึ่งในสามของศาลเจ้าบูชาเจ้าแม่กวนอิมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นวัดประจำตระกูลโอดะ เอกลักษ์ที่โดดเด่นของวัดนี้ก็คือ นกพิราบครับ ซึ่งไม่กลัวคนด้วย สามารถให้อาหาร ร่วมถ่ายรูป บินเกาะไหล่ เกาะแขน ถ้าช่วงจังหวะดี ๆ ก็จะเป็นบินโฉบพร้อมกันหลายร้อยตัว สวยงามมากครับ
Osu Kannon Temple
Location: https://goo.gl/maps/T5W22SF3gfy
Website :http://www.osu-kannon.jp/
การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน Tsurumai-Line ลงที่สถานี Osu-Kannon ทางออก 2
เปิดเวลา : สำหรับวัดโอสึคันนง สามารถเข้าสักการะได้ตลอดวัน
Nagoya City Science Museum
Nagoya City Science Museum เป็นพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้วิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่ของเมืองนาโกย่า จุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือ คือตัวอาคารรูปโลกภายในเป็นท้องฟ้าจำลองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งได้รับการรับรองจากกินเนสส์บุ๊ค และยานอวกาศของจริงที่โชว์หน้าอาคาร ภายในอาคารมีกิจกรรมมากมายให้ร่วมสนุก และศึกษาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ อวกาศ ที่ยกของจริงมาโชว์ และทำให้เห็นจริง ทดลองจริง สำหรับใครที่ชอบอะไรเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ สามารถเที่ยวได้แทบทั้งวันครับ
Nagoya City Science Museum
Location: https://goo.gl/maps/FdcfzVRp4tP2
Website: http://ncsm.city.nagoya.jp
การเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย Hagashiyama-Line สถานี Fushimi Exit 5
เวลาเปิด-ปิด : 9.30น. ถึง 17.00น. (ประตูทางเข้าปิดตอน 16.30น.)
ทุกวันจันทร์ (ถ้าวันจันทร์ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเปลี่ยนเป็นวันอังคารแทน)
และทุกวันศุกร์ที่ 3 ของทุกเดือน (ถ้าวันศุกร์ที่ 3 ของเดือนนั้นตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเปลี่ยนเป็นวันศุกร์ที่ 4 แทน)
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ ราคา 800 Yen (รวมค่าเข้าพื้นที่จัดแสดงและท้องฟ้าจำลอง)
ถ้าไม่รวมจะเหลือ 400 Yen สำหรับเข้าชมส่วนจัดแสดง
Port of Nagoya Public Aquarium
Port of Nagoya Public Aquarium เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำระดับโลก ที่ยกมาตั้งไว้ที่เมืองนาโกย่า จะแบ่งเป็นสองโซนคือ North และ South
โซน North จะเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ บอกเล่าถึงประวัติการวิวัฒนาการกว่า 3.5พันล้านปีของสายพันธุ์ปลา มีบ่อกลางแจ้งสำหรับการจัดแสดงโชว์ปลาโลมาซึ่งจะแบ่งเป็นรอบๆ ที่ มีที่นั่งรองรับผู้ชมประมาณ 3,000 คน ถือว่ายิ่งใหญ่มากครับ
โซน South จะจัดแสดงการใช้ชีวิตของเหล่าทหารเรือในสมัยก่อน ไฮไลท์ของโซนนี้จะอยู่ที่เรือสำรวจ ‘Fuji’ ที่เคยใช้สำรวจแอนตาร์กติกของญี่ปุ่น ที่ถูกเก็บรักษาไว้ในสภาพเดิม มาจอดไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันด้วยครับ
ตั๋วเข้าชมจริง ๆ ราคา 2000 Yen นะครับ ได้ส่วนลด 200 Yen จากบัตรรถไฟแบบ One day trip นั่นเองครับ
เข้ามาด้านในก็จะมีตู้กระจกปลา โลมาตัวใหญ่ที่ว่ายไปมาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเข้าชม
และยังมีมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่จำลองขนาดของเจ้าปลายักษ์แต่ละชนิดด้วย ตัวใหญ่มากครับ
จากนั้นก็ได้เวลาชมการแสดงของเจ้าโลมาแสนน่ารักครับ เด็ก ๆ นักเรียนชอบกันใหญ่เลย เจ้าปลาโลมาเก่ง ๆ กันทั้งนั้น ทั้งเก่ง ทั้งขี้อ้อนก็เก่ง น่ารักมาก ๆ ครับ ถ้าได้แวะมาต้องมาชมให้ได้นะครับ
Port of Nagoya Public Aquarium
Location : https://goo.gl/maps/b2jKrLETajy
Website: http://www.nagoyaaqua.com/english/2015031013432314.html
การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานี Nagoyako Exit 3
เปิดเวลา :
– 9:30-17:30 น. (กลางเดือนมีนาคม–พฤศจิกายน)
– 9:30-17:00 น. (เดือนธันวาคม–กลางเดือนมีนาคม)
– 9:30-20:00 น. (ช่วง Golden Week และวันหยุดฤดูร้อน)
วันที่ปิด :ทุกวันจันทร์(หากวันจันทร์เป็นวันหยุดราชการจะปิดในวันถัดไป)
ค่าเข้า :ผู้ใหญ่ 2000 Yen, นักเรียนระดับประถมศึกษา / มัธยมศึกษาตอนต้น 1000 Yen ,เด็ก 4 ปีขึ้นไป 500 Yen ***ถ้ามีบัตร oneday trip จะได้ค่าส่วนลดอีก 200 Yen
SCMAGLEV and Railway Park
พิพิธภัณฑ์การรถไฟญี่ปุ่น(SCMAGLEV and Railway Park) เป็นพิพิธภัณฑ์การรถไฟญี่ปุ่น ยังอยู่ในเมือง นาโกยาอีกเช่นเคย ซึ่งนำรถไฟทั้งขบวนมาจัดแสดงให้เห็นแบบเรียงกัน เพื่อให้เห็นวิวัฒนาการ ของระบบรถไฟตั้งแต่อดีตไปจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่สมัยไฟหัวรถจักรไอน้ำ ไปจนถึงรถไฟชินคันเซ็นหรือรถไฟหัวกระสุนที่ได้บันทึกไว้เป็นสถิติโลก และรถไฟแม่เหล็กหรือแม็กเลฟรุ่นล่าสุด
บนชั้นสองจะเป็นศูนย์เรียนรู้การรถไฟสำหรับเด็กๆ โดยสามารถทดลองขับรถไฟจำลองทั้งรถไฟธรรมดาและชินคันเซ็น (มีค่าใช้จ่ายทั้งแบบ 100 Yen และ 500 Yen) แต่ต้องสำรองที่นั่งที่เคาน์เตอร์ก่อนอย่างน้อย 45 นาทีครับ
ตัวอย่างห้องโดยสารด้านในของรถไฟหัวกระสุนที่มีความเร็วที่สุดตอนนี้
เก่าแต่ยังเก๋าอยู่ครับ
SCMAGLEV and Railway Park
Location: https://goo.gl/maps/TRiV3s8HDr92
Website: http://museum.jr-central.co.jp
การเดินทาง : โดยสารรถไฟสาย Aonami Line ไปลงที่สถานี Kinjofuto Station(25 นาที 350 Yen) แล้วเดินประมาณ 3 นาทีถึงครับ
เวลาเปิด-ปิด : 10:00-17:30 (เข้าชมก่อน 17:00)
ค่าเข้า : 1,000 Yen(นั่งรถไฟจำลองมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก 100-500 Yen)
Atsuta Shrine
Atsuta Shrine ศาลเจ้าอัตสึตะ จิงงุ ถ้ามานาโกย่าแล้ว ต้องแวะมาอีกที่คือที่นี่ครับ เป็นศาลเจ้าที่โด่งดังมาก ๆ ยิ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากศาลเจ้าอิเสะจิงงุ ธรรมชาติร่มรื่นต้นไม้ใหญ่หลายร้อยปี พื้นที่กว้างขวาง เหมาะสำหรับพาครอบครัวมามาก ๆ ครับ
สิ่งสักการะของศาลเจ้าแห่งนี้คือดาบคุซานางิ (Kusanagi-no-Tsurugi) ซึ่งเป็นหนึ่งในสามเครื่องราชกกุธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ประจำจักรพรรดิญี่ปุ่น และยังมีกำแพงที่โชกุนโอดะ โนบุนางะถวายให้ศาลเจ้าตามที่เคยได้อธิษฐานขอพรให้ได้รับชัยชนะในปีค.ศ 1560 ในพิพิธภัณฑ์วัดอัตสึตะ มีการจัดแสดงสิ่งของซึ่งมีประวัติความเป็นมาราว 6 พัน ชิ้น
ก่อนเข้าไปสักการะ ตามประเพณีที่นี่เค๊าให้ทำการ ล้างมือก่อน บางคนก็ใช้ล้างหน้า บ้วนปาก ง่าย ๆ คือทำตามเค๊าไปครับ
ที่แรกนึกว่าเป็นโคมไฟ แต่จริง ๆ คือ ถังหมักเหล้านะครับ ดู ๆ แล้วก็มีความเก๋ไปอีกแบบ
Atsuta Shrine
Location: https://goo.gl/maps/nZm4D8CDhjH2
Website: http://www.atsutajingu.or.jp/
–รถไฟใต้ดินสาย Meijo-Line ลงที่สถานี Jingu-Nishi
–รถไฟฟ้า Meitetsu ลงที่สถานี Jingu-Mae
เปิดเวลา Opening Hours : อาคารเก็บรักษาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ (ดาบคุซานางิ) เข้าชมได้ตั้งแต่ 9.00น.-16.30น. (ประตูปิด 16.10น.) ส่วนศาลเจ้าเปิดให้เข้าสักการะได้ตลอด 24 ชม.
วันที่เปิด :ศาลเจ้าเปิดให้เข้าสักการะได้ตลอดทั้งปี อาคารเก็บรักษาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ปิดให้เข้าชมในวันพุธสุดท้ายของเดือน และปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 25-31 ธันวาคม
ค่าเข้า : ค่าเข้าฟรี แต่อาคารเก็บรักษาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ 300เยน/ต่อคน (ผู้ใหญ่)
Shirotori Garden
Shoirotori Garden ถัดมาไม่ไกลจากวัด Atsuta Shrine ก็จะมีสวนให้พักผ่อนหย่อนใจ ร่มรื่นด้วยต้นไม้หลากหลาย ยิ่งช่วงนี้ใบไม้เปลี่ยนสียิ่งมีความสวยงามเพิ่มไปอีก เข้ามาด้านในก็จะเห็นสะพานข้ามคลองน้ำที่ใสสะอาด คือ ใสมากครับ จนเห็นก้อนหิน ตัวปลาคาร์ฟแหวกว่ายไปมา ไว้ให้ผู้มาพักผ่อน และมาเที่ยวได้ให้อาหารปลาด้วย
นอกจากนี้ยังมีร้านกาแฟ ขนมหวานอร่อย ๆ ภายในอีกด้วยครับ
Shoirotori Garden
Location: https://goo.gl/maps/Hx5imPMdwfT2
Website: http://www.shirotori-garden.jp/
การเดินทาง : รถไฟสาย Subway Meijo-line ลงที่สถานี “Jingu Nishi” ทางออก 4
เปิดเวลา : 09.00 -17.00 น.(เข้าก่อน 16.30 น.)
วันที่ปิด : วันจันทร์
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 300 Yen , เด็ก(ต่ำกว่ามัธยมต้น) เข้าฟรี
Nabana No Sato
และแล้วก็มาถึงสถานที่สุดท้าย ท้ายสุด ที่ขอบอกเลยว่า ของดีมักจะอยู่ท้าย ๆ เสมอ เหมือนกับทริปนี้ครับ และที่นี่ Nabana No Sato เป็นงานจัดแสดงสวน ดอกไม้ และไฟประดับสุดยิ่งใหญ่อลังการที่สุดที่ผมเคยเห็นมา (จริงๆ ก็ไม่ได้ไปหลายที่ขนาดนั้นฮ่าา) และยังอยู่ที่ นาโกย่า เช่นเคยครับ 4 วันมาแล้วยังเที่ยวไม่หมด
จริง ๆ ที่ Nabana No Sato เปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปีครับ แต่ช่วงหน้าหนาวจะพิเศษกว่าทุกช่วงคือ มีการจัดเทศกาล Winter Light Illumination ที่มีการประดับไฟตามสวนดอกไม้ จัดโชว์ดอกไม้หลากหลายพันธุ์ และที่เป็น Highlight ที่ผมชอบมากที่สุดคือ อุโมงค์ไฟประดับ ที่มีความยาวเกือบ 1 กิโลเมตร ให้เดินถ่ายรูปกันจนขาลากกันเลยทีเดียว
สำหรับเทศกาลWinter Light Illumination จัดขึ้นตั้งแต่20 ตุลาคม ที่ผ่านมา ไปจนถึง 6 พฤษภาคม 2019 คือ สามารถวางแผนระยะยาวได้เลยครับ ถ้าได้มานาโกย่า ผมขอบอกว่าไม่ควรพลาดครับ สำหรับเทศกาลที่ทุ่มทุนสร้างขนาดนี้
ว่าแล้วก็ไปชมภาพบรรยากาศส่วนหนึ่งในงานกันครับ
ไฟประดับอุโมงค์สุดลูกหูลูกตา ที่เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว และถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน
พอเดินไปสุดแล้วก็จะเจอ ไฟประดับ และจัดแสดงโชว์ แสง สี เสียง อย่างอลังการ
ภายในงานก็จะมีร้านอาหาร คาเฟ่ ของที่ระลึกขายมากมาย สามารถนำคูปอง 1000 Yen จากตั๋วนำมาแลกซื้อได้ด้วยครับ
สวนดอกไม้ที่จัดได้สวยงามมาก ๆ ดั่งในเทพนิยาย เหมาะแก่การถ่ายรูปอีกจุดครับ
Nabana No Sato
Location: https://goo.gl/maps/owMiNwYb2dF2
Address: Mie Prefecture, 511-1144 , Kuwana city, Nagashima cho, Komae Urushibata 270
Website: http://www.nagashimaresort.jp/nabana/index.html
เวลาเปิดปิด: 9:00 – 21:00 น.
ระยะเวลาในการจัดงาน : ปี 2018-2019 : 20 ตุลาคม 2018 – 6 พฤษภาคม 2019
ค่าเข้า: 2,300 Yen ต่ำกว่านักเรียนประถม เข้าฟรี
*จะได้คูปอง 1,000 เยน สำหรับนำไปใช้แทนเงินสดในร้านต่างๆ ภายในงาน
การเดินทาง : เริ่มต้นที่สถานีรถไฟฟ้าหลัก Nagoya station แล้วให้ต่อรถบัสชื่อ Meitetsu Bus Center จะอยู่ใกล้ ๆ กันอาจจะเดินงง ๆ ให้สังเกตป้ายนำทาง และสอบถามเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมครับ จากรถบัสลงป้าย Nabana No Sato ค่าโดยสาร ไปกลับ 1,780 Yen
Food & Cafe
หลังจากสำรวจที่เที่ยวมากันแล้ว มาสำรวจในส่วนของอาหาร และร้านกาแฟเก๋ ๆ กันดีกว่าครับ
สำหรับเมืองนาโกย่า อาหารที่ขึ้นชื่อของที่นี่มีเยอะมากครับ จริง ๆ อร่อยแทบจะทุกอย่าง แม้แต่ใน มินิมาร์ทของที่นี่ก็น่ากินไปหมด แต่จะขอยกตัวอย่างอาหารที่มาแล้วไม่ควรพลาดที่จะต้องลองครับ ว่าแล้วเตรียมท้องกันไว้และไปร่วมทานอาหารแต่ละมื้อกันครับ
ข้าวหน้าปลาไหลย่าง (ที่สุดแห่งต้นตำรับ)
ที่สุดของต้นตำรับข้าวหน้าปลาไหล หลายคนคงเคยได้ทานมาหลายที่ ถ้ามานาโกย่า แนะนำเลยครับไม่ควรพลาด สำหรับข้าวหน้าปลาไหลย่างของที่นี่ครับ ที่มีความกรอบพิเศษเฉพาะ ซอสที่หอมเป็นเอกลักษณ์ มีหลายขนาดให้เลือกทั้ง เซทเล็ก และเซทใหญ่ ผมกับเพื่อนเลือกเซทเล็กกัน จะบอกว่า แค่เซทเล็กของเค๊า ก็จุกแล้วครับ อิ่มมากกก ร้านที่เราเลือกทานคือ Horaiken ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว และมีหลายสาขาอีกด้วยครับ เราเลือกทานที่สาขาใกล้ที่พักเลย คือที่ห้าง Matsuzakaya ตึก South ร้านจะอยู่ที่ชั้น 10 ครับ
แต่เดี๋ยวก่อน จะตักกินเฉย ๆ เลยก็ไม่ได้นะครับ เพราะข้าวหน้าปลาไหลของที่นี่มีวิธีการกินอยู่ 4 แบบ ดังนี้ครับ
เริ่มต้นให้แบ่งเป็น 4 ส่วน ตักใส่ถ้วยก่อน
ส่วนที่ 1 กินแบบปกติ แค่ข้าว กับปลาไหลพอ
ส่วนที่ 2 เพิ่มเครื่องเคียงเข้าไป ให้หมด แล้วคลุกให้เข้ากัน แล้วลองทาน เปรียเทียบรสชาติไปในตัวด้วย
ส่วนที่ 3 ทำเหมือนส่วนที่ 2 แต่เพิ่มน้ำซุปเข้าไป แล้วลองเปรียบเทียบรสชาติ ระหว่าง 1-3
ส่วนที่ 4 ให้เลือก ส่วนที่ชอบที่สุด แล้วให้ทานแบบที่เราชอบครับ ของผมจะชอบแบบที่ 2 มากกว่าครับ
ข้าวหน้าปลาไหลย่าง ห้าง Matsuzakaya ตึก South ชั้น 10
Location: https://goo.gl/maps/H25fQNQH8zz
Website: http://www.houraiken.com/sp/english/matsuzakaya_menu.html
การเดินทาง : รถไฟใต้ดินนั้น ใช้เส้นทาง Meijo Line สายสีม่วงมาลงที่สถานี Yaba-cho จากสถานี มีทางเชื่อมไปยังห้าง Matsuzakaya ตึก South ร้านจะอยู่ที่ชั้น 10 ครับ แต่ถ้าพักอยู่ย่าน Sakae อยู่แล้ว เดินแป๊บเดียวครับ เพราะแต่ละที่ใกล้ ๆ กัน
เวลาเปิด-ปิด : 11:00 – 22:00 (แต่สั่งอาหารได้ถึงเวลา 21:00 ครับ)
ราคาอาหาร : มี 2 ขนาดครับ เล็ก 3600 Yen และ ใหญ่ 5100 Yen
Yamachan (ปีกไก่ทอดนาโกย่า)
Yamachan เป็นอีก 1 ร้านที่เดินไปไหน ก็จะเจอ ครับ มีหลายสาขามาก ๆ ครับ ที่นาโกย่า และมีชื่อเสียงในเรื่องของเจ้าไก่ทอดที่มีความกรอบในแบบฉบับของทางร้าน มีความกรอบ แห้ง และอมเค็มนิด ๆ ถ้ามาแล้วแนะนำให้มาลองครับ ราคาก็ไม่แพงมากประมาณ 430 Yen ได้ ไก่5ชิ้น
Yamachan
Location : https://goo.gl/maps/E961mhVxTQo
Website : https://yamachan-sakae.business.site/
ราคา : เริ่มต้นที่ 430 Yen ต่อ 5 ชิ้น และเพิ่มขึ้นตามจำนวนครับ
Yamamotoya
มิโซะนิโคมิอุด้ง (Misonikomiudon) หรือ อุด้งในซุปมิโซะ ซึ่งอาจจะหาทานได้แทบทุกที่ในญี่ปุ่น แต่ร้านที่จะพาไปนี้ถือเป็นต้นตำรับของนาโกย่าเลยก็ว่าได้ เพราะเค้าบอกกันมาว่าสูตรน้ำซุปของที่นี่ถูกสืบทอดต่อกันมาอย่างลับๆ ร้านนี้มีชื่อว่า Yamamotoya Sohonke ครับ
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Meijo Line เส้นสีน้ำเงิน ลงสถานี Yabacho ออกทางออกที่ 6 ทางไปสวน Nadya Park แล้วเดินอีกประมาณ 8 นาที
เวลาเปิด-ปิด : วันธรรมดา ช่วงเที่ยง : 11.00-15.00 น. , ช่วงเย็น : 17.00-22.00 น. / วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดเทศกาล 11.00-22.00 น. (ปิดทุกวันพุธ)
ราคา : ประมาณ 1,500 Yen
Komeda’s Coffee
“Komeda’s Coffee “ มานาโกย่า ก็ไม่ควรพลาดนะครับ สำหรับร้านกาแฟร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ และชื่อดังของเมืองนาโกย่า ถ้าเปรียบก็เป็นสตาร์บัคญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ยิ่งถ้ามาเช้าๆ ก่อน 11 โมง ก็จะมีเซ็ท สำหรับมื้อเช้าให้ทานฟรีๆ ฟินไปอี๊กก!! ร้าน Komeda’s Coffee ก็มีหลายสาขา เช่นกันครับ
Komeda’s Coffee
Location: https://goo.gl/maps/LnzPnSFotnQ2
Website: http://www.komeda.co.jp/
Shopping & Night life in Nagoya
ปิดท้ายกันด้วยแหล่ง ช็อปปิ้ง และบรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองนาโกย่ากันนะครับ
เรามาเริ่มกันที่นี่เลยครับ
Donki Sakae Japan
Donki Sakae Japan มานาโกย่า ถ้าไม่พูดถึงแหล่งช็อปปิ้งก็ไม่ได้ เพราะย่านนี้ก็มีแหล่งช็อปปิ้งที่เอาใจลูกค้าทุกเพศ ทุกวัย สินค้าตั้งแต่สากะเบือ ยันเรือรบจริง ๆ ครับ ราคาไม่ต้องพูดถึง ถูกมาก ๆ ครับ โปรโมชั่น ลด แลก แจก แถมก็เยอะ ถ้าได้หลวมตัวเข้าไปแล้ว ยากที่จะออกมาได้ครับ ผมก็เช่นกันฮ่าาา ที่สำคัญที่นี่เค๊ามี Counter สำหรับคืนภาษีแบบ one stop service ให้ด้วย ไม่ต้องเสียเวลาไปทำที่สนามบินครับ ที่เด็ดไปกว่านั้น ที่นี่เค๊าเปิดตลอด 24 ชั่วโมงครับ
Don Quijote Nagoya Sakae
Location: https://goo.gl/maps/nis3HmqMcSL2
นอกจากนี้ก็ยังมีแหล่งช็อปปิ้งอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งตามห้างต่าง ๆ ที่มีให้เลือกช็อปกันแบบจุใจกันเลยทีเดียวครับ
ขอปิดรีวิวด้วยภาพการท่องราตรี ยามค่ำคืนก่อนนะครับไว้เจอกันทริปหน้าครับผม
ถ้ามีโอกาสอยากให้แวะมาที่นาโกย่าครับ มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะมากมาย ทั้งของกิน แหล่งช็อปปิ้ง ที่พักผ่อนหย่อนใจ ฯลฯ สำหรับใครที่ชอบความสงบ ที่ไม่วุ่นวายมาก ที่นี่คือคำตอบครับ เอาเป็นว่า มาที่นาโกย่า คือ จบ ครบ ที่เดียวครับ