AIRASIA สวัสดีครับหลังจากที่แอดทำวีซ่าผ่านแล้ว ก็ไม่รีรอครับจองตั๋วกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ เดินทางไปออสฯกันทันทีฮ่าาา สำหรับใครที่มีแผนเดินทางไปเที่ยวออส แถวบริสเบน โกลด์โคสท์ ทางแอร์เอเชีย เค๊าก็มีบริการ บินสู่ออสฯนะครับ และเร็ว ๆ จะมีบินตรงจากดอนเมืองไปบริสเบนอีกด้วย รอติดตามเร็วๆ นี้ครับ สายการบินนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของราคาถูก และคุ้มค่าอยู่แล้ว ไม่ทำให้เราผิดหวังแน่นอนครับ ที่นี้การไปออสเตรเลียก็ใกล้แค่เอื้อมแล้วนะครับ 🙂
REVIEW AIRASIA : ไป Gold Coast ออสเตรเลีย โดยต่อเครื่องที่กัวลาฯ (DMK>KUL>OOL)
♥♥♥
รีวิวนี้จะอธิบายถึงการเดินทางไปเมืองโกลด์โคสต์แบบง่าย ๆ และสามารถเดินทางด้วยตัวเองครับ
สำหรับใครที่กังวล เกี่ยวกับวีซ่า หรือยังไม่ทำวีซ่า แอดก็ได้ทำรีวิวไว้ก่อนหน้าเรียบร้อยครับ ตามไปอ่านกันได้เลย
Link : [รีวิวการขอวีซ่าออสเตรเลีย ด้วยเงินในบัญชี 5 หมื่น “ขอครั้งแรก” ได้มา 3 ปี]
หลังจากที่ขอวีซ่ากันแล้วจองตั๋วกันเรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินทางไปกระทบไหล่เจ้าโคอาล่า และจิงโจ้กันแล้ววว
สำหรับรีวิวนี้จะเป็นการเดินทางไปเมืองโกลด์โคสต์ รัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลียครับ เดินทางจาก สนามบินดอนเมือง (DMK) >>> สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL) >>> สนามบินโกลด์โคสต์ (OOL) สำหรับใครที่ยังไม่เคยต่อเครื่องที่มาเลเซีย สามารถนำไปประกอบการเดินทางได้ครับ
หัวข้อหลัก ๆ สำหรับการเดินทางที่แอดจะมารีวิวดังนี้ครับ
การเดินทางขาไป
- สนามบินดอนเมือง (DMK) >>> สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL)
- สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL)>>> สนามบินโกลด์โคสต์ (OOL)
การเดินทางขากลับ
- สนามบินโกลด์โคสต์ (OOL) >>>สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL)
- สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL)>>>สนามบินดอนเมือง (DMK)
ตัวอย่างข้อมูลเที่ยวบิน ครับ
ตามตารางเราออกเดินทางกันช่วงเย็นเลยครับ รอบ เกือบ 6 โมงเย็น กะว่าไปเช้าที่นู่น จะได้หลับสบาย เพราะรวมระยะเวลาการเดินทางก็ร่วม ๆ 10 ชั่วโมงเลยทีเดียวครับ
การเดินทางขาไป
เดินทางจากสนามบินดอนเมือง (DMK) >>> สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL)
เริ่มต้นด้วยการเช็คอินก่อน ระบบเช็คอินของสายการบินแอร์เอเชียก็มีหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเช็คอินที่เคาน์เตอร์ ออนไลน์ หรือที่ตู้ self check in ก็ได้นะครับ แต่ถ้าให้แนะนำ ก็เช็คอิน ออนไลน์มาก่อนก็ดีครับ พอถึงสนามบินก็แค่ มาโหลดกระเป๋าที่ช่อง Bag Drop คิวจะน้อยกว่าเยอะเลย
หลังจากที่โหลดกระเป๋าเสร็จ เจ้าหน้าที่จะติด Tag Fly-Thru ให้นั่นหมายถึงว่าเราสามารถรับกระเป๋าได้ที่ปลายทางโกลด์โคสต์ได้เลย และก็จะได้ Borading pass มา 2 ใบเลย คือ จาก DMK-KUL และจาก KUL-OOL ครับ
หลังจากโหลดกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาไปรอที่ Gate แล้วนะครับ ปัจจุบันคนไทยก็ผ่าน ตม. โดยตู้อัตโนมัติกันแบบง่ายมาก ๆ ครับ แค่สแกนพาสปอร์ต กรอกหมายเลขเที่ยวบิน จากนั้นถ่ายรูป สแกนลายนิ้วมือ ก็เป็นอันจบครับ
จากนั้นก็เดินทางตามลายแทงได้เลย ให้ดูว่าเราอยู่ Gate ไหนและดูจากป้ายเป็นหลักครับ แต่บางที Gate ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงฉุกเฉินก็ได้ ตรวจสอบ update จากหน้าจอเรื่อย ๆ นะครับ
พอถึงหน้า Gate แล้ว เวลาเหลือเฟือก็ ทำธุระส่วนตัวก่อนได้ หน้า Gate ก็จะมีร้านอาหาร ร้านกาแฟเล็ก ๆไว้รองรับลูกค้า และพอถึงเวลาเจ้าหน้าที่ก็จะประกาศเรียกขึ้นเครื่องครับ ขอดีของผมคือผมมีบัตรเครดิต Air Asia พกไปด้วย ก็จะได้รับสิทธิ์ขึ้นเครื่องได้ก่อนใครครับ และได้รับเครื่องดื่มฟรีอีกด้วยถ้าเดินทางภายในประเทศ ว่าง ๆ ถ้าใครสนใจลองทำไว้ก็ดีนะครับ
ไฟลท์AK887 ที่เราเดินทาง จาก DMK-KUL จะเป็นเครื่องลำเล็ก ที่นั่งก็จะเป็นแบบ 3 3 ครับ
หลังจากที่เครื่อง Take off ได้ซักพัก เจ้าหน้าที่ก็จะแจกอาหาร พร้อมรับประทาน สำหรับใครที่มีแผนจะทานอาหารบนเครื่องอยู่แล้ว แนะนำให้จองล่วงหน้าดีกว่าจะครับ ราคาจะถูกมากกว่าสั่งบนเครื่อง แต่ตั้งสั่งก่อนเดินทาง 24 ชั่วโมงนะครับ
ก่อนออกทริป จองที่พัก ออสเตรเลีย และที่พักทั่วโลก
Booking.com ร่วมกับ เพจ เที่ยวแบบมนุษย์เงินเดือน
แจกส่วนลด 1,000 บาท (เครดิตเงินคืนเข้าบัตรเครดิต)
โดยต้องคลิกจองผ่านลิงค์นี้เท่านั้น >>คลิก จองที่พักทั่วโลก กับ Booking.com<<
Booking.com มีที่พักหลากหลายรูปแบบ จองง่าย ยกเลิกฟรี
เงื่อนไข
*ที่พักที่ทำการจองจะต้องราคายอดรวม 2,000 บาท ขึ้นไปเท่านั้น
*จำกัด 1 สิทธิ์ต่อ 1 ท่านเท่านั้น ผู้จองสามารถใช้สิทธิ์จองผ่านลิงค์ของบล็อกเกอร์ได้เพียงแค่ครั้งเดียว
*เครเดิตเงินคืนจะเข้าบัตรเครดิตระยะเวลาประมาณ 1 รอบบิล หลังจากผู้จองมีการจอง จ่ายเงิน และเข้าพักจริงเรียบร้อยแล้วเท่านั้น
สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL) >>> สนามบินโกลด์โคสต์ (OOL)
จาก DMK-KUL ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการเดินทางครับ จากนั้นเมื่อถึงสนามบิน สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL) เครื่องก็จะมาจอดที่อาคาร Klia2 ซึ่งอาคารนี้ถือว่าเป็นฐานบัญชาการใหญ่ของแอร์เอเชียเลยก็ว่าได้
พอเดินเข้ามาในอาคารก็ให้มองหาป้าย International Transfer และ International Departures จากนั้นก็จะเจอจุดตรวจกระเป๋าและความปลอดภัยภายในอาคาร ด่านแรกก่อน
พอเข้ามาด่านแรกก็จะเจออาคารหลักก่อนก็คล้าย ๆ กับสนามบินอื่น ๆ ทั่ว ๆ ไป มีสินค้า ศูนย์อาหาร ของที่ระลึก มากมาย และมีห้องรองรับผู้โดยสาร หรือที่เรียกว่า Lounge นั่นเองครับ เวลาต่อเครื่องก็ขึ้นอยู่กับรอบบินที่เราได้นะครับ จะไม่เหมือนกันซะทีเดียว ของแอด มีเวลา Transit 2 ชั่วโมง ก็ได้นั่งพักหาไรทานก่อนนิดหน่อยครับ
จากนั้นก็ให้เดินตามป้าย Gate ตัวเอง เกทที่เราไปคือ P12 ครับ
ก่อนถึง Gate ก็จะมีด่านตรวจอีกรอบนะครับ รอบสองนี้ค่อนข้างซีเรียสกว่ารอบแรกนะครับน้ำดื่ม และของเหลวที่เกินปริมาณจะเข้าไม่ได้นะครับ
ต่อเครื่อง จาก KUL ไป OOL Flight D7200 จะเป็นที่นั่งเครื่องใหญ่แบบ 3 3 3 รูปนี้ถ่ายตอนลงแล้วนะครับ แต่ตอนขาขึ้นคนค่อนข้างเยอะ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็แจกอาหารเครื่องดื่ม ตามที่เราสั่งไว้ครับ
และนี่เป็นตัวอย่างใบผ่าน ตม. ของ แอดครับกรอกข้อมูลให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษตัวใหญ่ให้หมดนะครับ แนะนำเขียนไว้ตั้งแต่บนเครื่องดีกว่าตอนถึงแล้วจะได้ยื่นเลย
นี่ก็เป็นบริการใหม่ของทาง Air Asia ที่เรียกว่า Xcite InFlight Entertainment ที่สามารถดูหนัง ฟังเพลง ตลอดเที่ยวบิน สูงสุด 6 ชั่วโมง บน Tablet และหูฟังแบบบลูทูธ สามารถสั่งจองล่วงหน้าได้ ที่ www.airasia.com และบนเที่ยวบิน แต่ราคาก็จะต่างกันออกไปครับ
ใครที่โชคดีนั่งริมหน้าต่างระหว่างทางอย่าลืมสังเกตุนะครับ เพราะที่ออสเตรีเลีย พื้นที่ตรงกลางก็จะเว้งว้างประมาณนี้ ผมเห็นครั้งแรกยังตกใจ จากที่ได้สอบถามคนออสเตรเลียเค๊าบอกว่ามันคือ พื้นที่ที่ไม่มีผู้อาศัย มันคือทะเลหิน และทรายที่มีขนาดกว้างขวางสุดลูกหูลูกตาครับ
พอเริ่มเห็นสีเขียวและหมู่บ้านผู้คนก็เริ่มโล่งใจละครับ ฮ่าาา
วิวที่เห็นนี้เป็นเป็นเมือง โกลด์โคสต์ครับ ถึงล้าววว สวยงามสมคำร่ำลือว่าเป็นเมืองแห่งทะเลจริงๆ
ก่อนเครื่องลงจอด ก็ชมวิวยั่ว ๆ ไปก่อนนะครับ อิอิ
และแล้วก็ถึงซะทีครับ หลังจากที่นั่งมาอย่างยาวนาน หลังขดหลังแข็งถึง 8 ชั่วโมง ไม่น้อยเลยครับ ดีนะที่มีแอบงีบไปบ้าง
ก่อนออกก็ต้องผ่าน ตม. ก่อนนะครับ เดินตามทางเรื่อย ๆ ก็จะเจอป้ายทางออก หาไม่ยากครับ เพราะสนามบินที่นี่ค่อนข้างเล็กครับ สำหรับใครที่พกอาหารไทยมา ผมแนะนำให้สำแดงต่อเจ้าหน้าที่นะครับ เพื่อความโปร่งใสต่อตัวเราเอง หากโดนปรับทีหลังจะหนักกว่าเดิมครับ
*** อาหารที่พวกเราพกไปจะค่อนข้างหลากหลาย จากที่อ่าน ๆ มาว่าที่ออสเตรเลียจะค่อนข้างซีเรียสในเรื่องของพืชผัก หมูไก่ เนื้อ อาหาร ข้าว แป้ง น้ำตาล นู่นนี่นั่น เยอะแยะ แต่พวกเราขนกันไปเยอะมากก ที่ขนไปก็จะเป็น จำพวก มาม่า ปลากะป๋อง ข้าวสวย ข้าวสารแพ็คอย่างดี อาหารสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว แต่ก็ผ่านนะครับ โดยผมมองว่าอาหารที่ปรุงเสร็จ และมีแพ็กเกจ ห่ออย่างดี ผ่านแน่นอนครับ ถ้าพวกเมล็ดพื้น หมู เนื้อ ไก่ สด ผักผลไม้ สด นี้ไม่แนะนำครับ
และแล้วก็ผ่านเข้ามาในพื้นที่ของผืนแผ่นดิน ออสเตรีเลียครั้งแรกเป็นที่เรียบร้อยครับผม อากาศไม่ต่างจากบ้านเราเลยครับ
ก่อนออกเดินทางเข้าเมือง เราก็แวะมาสอบถามข้อมูลนิดหน่อยครับ ที่ตรง Visitor Information นะครับ เจ้าหน้าที่่ใจดี เป็นกันเองมากครับ
การเดินทางที่นี่ก็แสนสะดวกครับ เดินทางง่าย ไม่ว่าจะเป็นรถบัส รถไฟ แท็กซี่ แต่เราเลือกรถบัสกันครับเพราะถูกสุด ฮ่าาา
เมืองแรกที่เราไปจะเป็นเมือง Brisband ครับ โดยการเดินทางจะเริ่มจาก ต่อรถบัสที่สนามบิน สาย 760 ค่าตั๋วประมาณ 5.8 AUD ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที เพื่อต่อไป ที่สถานี Varsity Lakes ค่ารถไฟ 19.6 AUD และ สถานีปลายทางที่พักของเราคือ สถานีปลายทาง Wooloowin
บรรยากาศโดยรอบสองข้างทางจะเป็นป่าซะส่วนใหญ่ ร่มรื่น ไปอีกแบบครับ
ถึงแล้วครับสถานี Varsity Lakes เพื่อที่จะต่อรถไฟไปที่เมือง Brisband สถานีปลายทาง Wooloowin
ทางเข้า ก็จะเจอจุดซื้อตั๋ว มีทั้งแบบ ตู้ และซื้อกับเจ้าหน้าที่ได้ครับ แค่แจ้งสถานีที่เราจะไปเค๊าก็จะบอกราคามาครับ
บนตั๋วจะไม่บอกว่า platfrom ไหนแอดก็เลยใช้ Google map เป็นตัวช่วย ถือว่าช่วยได้เยอะมากครับ ถ้าไปบริสเบนให้ขึ้น platform 2 นะครับ
ทีนี้ก็ได้เวลาขึ้นรถออกเดินทางต่อแล้วว…รถไฟที่นี่ค่อนข้างตรงเวลานะครับ ขบวนนี้ใหม่เอี่ยมเลย
ช่วงเวลาที่เราเดินทางรถจะค่อนข้างโล่งนิดหน่อย แทบจะวิ่งเล่นได้ เพราะไม่ได้เป็นช่วงเวลา Busy time ของที่นี่
ถึงแล้วครับ สถานี Wooloowin โชคดีที่ที่พักเราเดินไปไม่ถึง 500 เมตร จากสถานีรถไฟ สามารถเดินเท้าไปถึงที่พักได้เลย
ขอจบรีวิวในส่วนขาไปแต่เพียงเท่านี้นะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เดินทางไม่มากก็น้อยครับผม
การเดินทางขากลับ
สนามบินโกลด์โคสต์ (OOL) >>>สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL)
ในส่วนขากลับ ขอเล่าเรื่องประทับใจนิดหน่อยนะครับ คนขับรถบัสเห็นว่าเราจะเดินทางไปสนามบินหิ้วกระเป๋าอย่างหนักหน่วง ก็ไม่คิดค่าเดินทางเลยครับ จะบอกว่าผู้คนทั้งสองเมือง Brisbend ,Gold Coast Nice มาก ๆ ครับ ขอบคุณความโชคดี ที่เจอแต่คนดี ๆ ทั้งทริปครับ
พอถึงสนามบินก็เหมือนเดิมตอนขามาเลยครับ แต่แอด กับพี่ ๆ ที่มาด้วยกัน ทำการเช็คอินไว้ล่วงหน้า ขั้นตอนก็จะเร็วกว่าปกติ
หลังจากเช็คน้ำหนักกระเป๋าเสร็จ เจ้าหน้าที่จะติด Tag Fly-Thru ให้เช่นเคยครับ จะบอกว่าเจ้าหน้าที่ที่นี่ ให้ความสำคัญกับน้ำหนักกระเป๋ามาก ๆ ครับ จะเกินไม่ได้นะครับ เพราะฉะนั้นต้องคำนวนและวางแผนดี ๆ และก็จะได้ Borading pass มา 2 ใบเลย คือ จาก OOL-KUL >>KUL- DMK ครับ
จากนั้นก็เดินตามทางเรื่อย ๆ ก็ผ่าน ตม. เพื่อเข้า Gate ต่อไปครับ แต่แอบเสียใจนิด ๆ เพราะเจ้าหน้าที่เค๊าไม่ Stamp ตราประทับให้เลย ทั้งขาไปขากลับ เหมือนข้อมูลทุกอย่างถูกเก็บไว้ในระบบออนไลน์ทั้งหมด
เนื่องจากสนามบินค่อนข้างเล็ก ผู้คนจึงหนาแน่นไปหน่อย จากรูปที่นั่งแทบจะไม่มีเลยครับ
ได้เวลาออกเดินทางแล้วครับ เราออกเดินทางด้วย Flight D7201 สนามบินโกลด์โคสต์ (OOL) >>>สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL) เครื่องลำใหญ่เหมือนเดิมครับ ที่นั่งจะเป็น 3 3 3
Bye Bye Cold Coast
สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL)>>>สนามบินดอนเมือง (DMK)
หลังจากที่ถึงสนามบิน กัวลาลัมเปอร์ ก็ Step เหมือนเดิมเลยครับ ก่อนเข้าอาคารก็ต้องตรวจกระเป๋า และความปลอดภัยก่อน จากนั้น เดินทางต่อไปตาม Gate ในใบ Boarding pass และต่อด้วย ตรวจกระเป๋า และความปลอดภัย รอบ 2 และขึ้นเครื่องเล็ก เหมือนเดิม คือ 3 3 จากนั้นก็ถึงเมืองไทยอย่างปลอดภัยครับ
ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับการรีวิว การเดินทางโดยการต่อเครื่อง step ไม่ยากเลยครับ หลัก ๆ ให้ดูป้าย ที่เราจะไป และหมายเลข Gate และที่นั่งจาก Boarding pass หรือหากสงสัยก็สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ที่สนามบินได้ตลาด เพราะฉะนั้นเดินทางไม่ยากเลยครับ สามารถเดินทางด้วยตัวเองได้ หากพร้อมแล้วเก็บกระเป๋าออกไปดูโลกกันครับ
.
ไปอ่านรีวิวเที่ยวบริสเบนกันได้ต่อเลย ที่ลิงค์ด้านล่าง
คลิก >>> รีวิวเที่ยวบริสเบน 5 วัน 4 คืน ครบทั้งในเมืองและเกาะมอร์ตั้น…Brisbane, Australia