เที่ยวบริสเบน Brisbane, Australia
G’ Day Mate! ขอทักทายกันแบบชาวออสซี่กันก่อนนะครับ 🙂
วันนี้แอดจะพาทุกคนไปเที่ยว Brisbane หรือที่ชาวบริสเบเนี่ยนบางคนเรียกกันแบบน่ารักๆว่า ‘Brissie’
บริสเบน Brisbane เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของออสเตรเลีย ตั้งอยู่ในรัฐควีนส์แลนด์ Queensland มีอากาศค่อนข้างอุ่นตลอดทั้งปี มีตึกสไตล์โคโลเนียลสวยๆ มิวเซียมต่างๆและ street art ให้เห็นอยู่ทั่วเมือง แม่น้ำบริสเบนและทะเลกับหาดทรายที่สวยเป็นไฮไลต์ของที่นี่ รวมถึงกาแฟคุณภาพดีที่สาย cafe hopping ไม่ควรพลาด
ทริปนี้ค่อนข้างตื่นเต้น เพราะออสเตรเลียเป็นประเทศที่อยากไปมานาน ประกอบกับขอวีซ่ามาได้ 1 ปีพอดี ก็เลยวางแผนสำหรับเที่ยวเมืองนี้เป็นเวลา 5 วัน 4 คืน แล้วยังไปกัน 5 คนอีก! ก็เลยมีเรื่องสนุกสนานเฮฮาเกิดขึ้นระหว่างทริปมากมาย
Visa Australia
สำหรับวีซ่าออสเตรเลีย…ขอไม่ยาก มีทั้งยื่นปกติ และยื่นแบบออนไลน์ ทริปนี้พวกเราไปกัน 5 คน ขอวีซ่าได้แบบยาวๆ กันมาทุกคน
ได้ทั้ง 1 ปี และ 3 ปี ได้ทำรีวิวพร้อมเทคนิคการขออย่างไรให้ผ่านและได้วีซ่ายาวๆ ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครอยากรู้คลิกดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย
คลิก >>> รีวิวการขอวีซ่าออสเตรเลีย ด้วยเงินในบัญชี 5 หมื่น “ขอครั้งแรก” ได้มา 3 ปี
การเดินทางสู่…ออสเตรเลีย
พวกเราเดินทางไปออสเตรเลียด้วยสายการบิน Air Asia โดยเริ่มต้นที่ดอนเมืองแล้วมาต่อเครื่องที่สนามบิน KLIA2 ( Kuala Lumpur) โดยสายการบิน Air Asia X ที่มีเที่ยวบินไปลงเมือง Gold Coast ซึ่งตั้งอยู่ห่างจาก Brisbane ประมาณ 1 ชั่วโมงเศษๆ โดยรถบัสและต่อรถไฟ วิธีการเดินทางแบบละเอียดอ่านได้ที่ลิงค์นี้เลย
แต่ข่าวดี…สำหรับคนที่จะไปเที่ยวบริสเบน ตอนนี้มี Thai AirasiaX เปิดบินตรงจากดอนเมือง – บริสเบน เริ่มบิน มิ.ย. 2562 นี้ ต่อไปการเดินทางไปบริสเบน ก็จะง่าย สะดวก และประหยัดเวลาการเดินทางมากขึ้นแล้ว สามารถเข้าไปจองตั๋วกันได้เลยที่ www.airasia.com
Travellers’ Tip แอดและเพื่อนๆ พกอาหารกล่องพร้อมเวฟทานกันไปด้วย และกรอกในใบต.ม.เลยว่ามีอาหารเข้ามา (อยู่หน้าหลัง ข้อ 6 ซึ่งรวมอาหารประเภทเนื้อสัตว์ นม ซีฟู้ดและผัก ซึ่งใกล้เคียงกับสิ่งที่เราขนไปที่สุด) ถ้าอาหารมีฉลากกำกับอยู่บนแพคเกจเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็จะอนุญาตให้นำเข้าได้ ไม่มีปัญหาอะไรครับ
รูปตัวอย่างอาหารที่เราพกมาที่ออส แบบนี้สามารถนำเข้ามาได้
การเดินทางใน Brisbane
ง่ายๆ ด้วย Go Card บัตรเดียวครบ จบทั้งรถบัส รถไฟ และเรือเฟอรี่ เพียงแตะบัตรที่เครื่องแตะบัตรทุกครั้งที่ขึ้นและลง แถมยังเติมเงินได้เองง่ายๆ ทั้งที่สถานีรถไฟและรถบัส จะเติมด้วยตัวเองกับเครื่องหรือให้เจ้าหน้าที่ในสถานีเติมให้ก็ได้เหมือนกัน สะดวกสบาย ไม่ยุ่งยากเลยครับ
การเดินทางด้วยรถไฟและรถบัส สามารถใช้บริการได้สะดวกมากๆ ในเมืองนี้ แค่หาโลเคชั่นที่เราจะไปใน Google Map แล้วเลือก ออพชั่นที่ดีที่สุด ราคาก็ไม่แพงด้วยครับ (การเดินทางด้วยเฟอรี่ จะแนะนำอยู่ด้านล่างตอนไป Story bridge และ Eat Street นะครับ)
**แนะนำให้ทุกคนที่เดินทางไปบริสเบนและโกลด์โคสต์ซื้อบัตร Go Card ไว้ตั้งแต่ไปถึงเลยนะครับ เพราะถูกกว่าจ่ายเป็นเงินสด แถมยังประหยัดและสะดวกกว่าด้วย**
ที่พักในบริสเบน
พวกเราจองที่พักชื่อ Aabon Apartments&Motel อยู่ห่างจากสถานี Wooloowin เพียง 5 นาที ราคา 4 คืน (ตกคืนละ 3,438 บาท หรือเพียงคนละ 688 บาทต่อคืนเท่านั้น) มีสองห้องนอน 5 เตียง และที่สำคัญมีห้องครัวทำอาหารได้ด้วย ใครมาเป็นกลุ่มก็แนะนำที่นี่นะครับ พนักงานที่เจอน่ารัก ใจดีทุกคนครับ
Lone Pine Koala Sanctuary
ที่เที่ยวแห่งแรกของทริปซึ่งถือเป็น a must แห่งหนึ่งของคนที่มาออสเตรเลียครั้งแรกแบบแอด ก็ต้องไม่พลาดมาดูจิงโจ้และโคอาล่าตัวเป็นๆ ในระยะประชิดตัว กอดได้ (โคอาล่า) จับได้ ให้อาหารได้ (จิงโจ้)
การเดินทาง : รถบัสสาย 430 ขึ้นจาก Queen Street Bus Station มาลงที่สถานี Lone Pine (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที)
เวลา ปิด-เปิด : ตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 ตั๋วค่าเข้าชม คนละ 38 เหรียญ สามารถซื้อได้ด้วยบัตรเครดิตที่เครื่องด้านหน้า หรือเงินสดที่เคาน์เตอร์ด้านใน
ที่นี่มีน้องหมีโคอาล่าจำนวนมากที่สุดในโลก (มากกว่า 130 ตัว) ให้เข้าชมแบบใกล้ชิด หากใครต้องการถ่ายรูปคู่ก็สามารถทำได้ โดยแต่ละวันจะแบ่งเป็นรอบๆ ซึ่งต้องเช็คตารางให้ดี เพราะน้องหมีฮอตมาก อาจจะไม่ได้คิวถ่ายด้วย ถ่ายแบบกอดเสียเงินเพิ่มคนละ 25 เหรียญ ถ่ายแบบยืนข้างๆ เจ้าหน้าที่ที่อุ้มหมีและให้อาหารอยู่ ฟรี ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มนะครับ
เดินเลยเข้ามาด้านในจะเจอกับลานหญ้าขนาดกว้างใหญ่ มีจิงโจ้หลากพันธุ์จำนวนมาก อยู่กันแบบอิสระ เราสามารถเข้าไปเล่น ให้อาหาร ถ่ายรูป selfie กับจิงโจ้ได้ ไม่มีเจ้าหน้าที่มาคอยคุมเหมือนจุดโชว์โคอาล่า
โชว์ Free Flight Raptor อย่าเข้าใจผิดว่ามันคือโชว์ไดโนเสาร์เหมือนแอดนะครับ เพราะมันคือโชว์นกพันธุ์พื้นเมืองหลากหลายชนิดของออสเตรเลียที่ผ่านการเทรนมาแล้วอย่างดี เจ้าหน้าที่จะเล่าถึงลักษณะและวิธีหากิน พร้อมกับให้นกบินผ่านหน้า ผ่านหลัง และผ่านหัวเราขณะนั่งชม สนุกดีครับ เพราะยังไม่เคยชมโชว์ลักษณะนี้ที่บ้านเราเลย
โชว์สุนัขไล่แกะ นอกจากที่นิวซีแลนด์แล้ว ที่นี่ก็มีโชว์แบบนี้เหมือนกันครับ
ตัวอักษร BRISBANE ยักษ์
พิกัดตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ South Brisbane เป็นอีกจุดแลนด์มาร์คของเมืองที่ใครๆก็ต้องมาถ่ายรูป ด้านหลังเป็นวิวตึกและแม่น้ำบริสเบน สวยมากครับ
Brisbane Wheel
เดินมาจากตัวอักษรยักษ์ชื่อเมืองนิดนึง จะเจอกับชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ ก็แวะถ่ายรูปกันอีกจุดละกัน
SOUTH BANK
ทะเลและหาดที่ถูกสร้างขึ้นใจกลางเมืองบริสเบน กลายเป็นที่พักผ่อนของชาวบริสเบเนี่ยนและนักท่องเที่ยว เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างของเมืองที่ต้องมาดูให้ได้ จะเห็นได้ว่าที่นี่เป็นที่นิยมของผู้คนทุกเพศทุกวัย เพราะมีทั้งสวนน้ำสำหรับเด็กเล็ก รวมไปถึงชายหาดที่คนนิยมมาอาบแดดกันในวันอากาศดีๆ รอบบริเวณนั้นก็มีทั้งร้านอาหารนานาชาติ ห้องน้ำและห้องอาบน้ำอีกหลายจุดไว้รองรับ สถานที่สะอาดและการบริหารจัดการเจ๋งมากๆ
More fun at ‘Moreton Island’
เกาะมอร์ตั้นเป็นเกาะแห่งการท่องเที่ยวและพักผ่อนอย่างแท้จริง ด้วยความที่เกาะแห่งนี้ได้รับการดูแลรักษาทรัพยากรทางธรรมชาติไว้เป็นอย่างดี ฝั่งที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกันเรียกว่า Tangalooma Island Resort มีทั้งที่พักและกิจกรรมหลากหลายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกทำตามความชอบ ตั้งแต่ snorkeling ชมปะการังและซากเรือ Tangalooma Wrecks ที่จมอยู่ไม่ไกลจากเกาะมากนัก พายเรือแคนู, stand up paddle boarding ไปจนถึงกิจกรรม adventure อย่าง Parasailing, ATV Quad Bike หรือขึ้นเฮลิคอปเตอร์ชมวิวรอบเกาะ
การเดินทาง : ท่าเรือไปเกาะมอร์ตั้นตั้งอยู่ที่ 220 Holt Street Pinkenba เดินทางจากตัวเมือง เรียก Uber จะสะดวกสุด (ประมาณ 15 นาที) ถ้ามากันหลายคน หารกันก็ไม่แพงเลย
หรืออีกหนึ่งทางเลือก คือใช้บริการ Shuttle Service
สามารถทำได้เช่นกัน หากคุณพักในโรงแรมบริเวณ CBD ของบริสเบน โกลด์โคสต์หรือ Southbank ซึ่งจะต้องติดต่อสอบถามข้อมูลทั้งเรื่องราคาและเวลารถมารับได้ที่เบอร์โทร 1300 652 250 (หรือโทรจากนอกประเทศออสเตรเลียได้ที่เบอร์ +61 7 3637 2000)
อย่าลืมแจ้งหมายเลขการจองแพคเกจทัวร์ก่อนทำการจองรถ Shuttle ด้วย
…ในวันที่แอดไปเที่ยว เกิดเหตุการณ์ที่เกือบทำให้ไม่ได้ไปเกาะนี้ ด้วยความที่ไม่ทราบว่าต้องซื้อตั๋วออนไลน์ผ่านทางเวปไซต์มาก่อน แถมยังเป็นวันอาทิตย์ที่อากาศดี (แดดจัด) แต่ยังโชคดีที่เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือและแนะนำให้เราจองออนไลน์ในเช้าวันนั้น แล้วลงเรือไปเกาะในรอบ 10 โมงเช้าได้พอดิบพอดี
***สามารถจองตั๋วล่วงหน้าออนไลน์ที่ www.tangalooma.com อย่างน้อย 1 วันก่อนวันที่จะมา จะได้ไม่ต้องมาลุ้นเกือบไม่ได้ลงเรือกันแบบแอดและเพื่อนๆ ส่วนใครที่ต้องการพักค้างคืนที่รีสอร์ทบนเกาะก็สามารถจองห้องพักผ่านทางเวปไซต์ของทางรีสอร์ทได้เช่นกัน***
…เมื่อมาถึงที่ท่าเรือที่ Pinkenba ก็เดินตรงไปที่ Ticket Booth เพื่อแสดงบุคกิ้งของเรากับเจ้าหน้าที่ เราจะได้รับโบรชัวร์ตารางกิจกรรมต่างๆ และแผนที่บนเกาะ โดยทัวร์ทั้ง 4 แบบจะแถม voucher เพื่อแลกเครื่องดื่มบนเรือได้ 1 ดริงค์ และมื้อเที่ยงมูลค่า 20$ สำหรับใช้ที่ร้านอาหารบนเกาะ แอดแลกพิซว่าฮาวายเอี้ยน ได้มาทั้งถาด แบ่งกันทานได้ทั้งกลุ่มเลยครับ อร่อยด้วยนะ!
*เรือเฟอรี่จากท่าเรือไปเกาะ ใช้เวลา 75 นาที และมีวันละสองรอบคือ 7.00 และ 10.00
แพคเกจทัวร์มี 4 แบบให้เลือก แตกต่างกันที่กิจกรรมตามนี้
- 1. ฺBeach Day Cruise แพคเกจประหยัด ราคาผู้ใหญ่ 129$ เด็ก 89$ (ราคาครอบครัว 395$ รวมเด็ก 2 และผู้ใหญ่ 2) รวมค่าเรือเฟอรี่ไป-กลับ (บังคับกลับรอบ 4 โมงเย็น)
- 2. Classic Day Cruise ราคาผู้ใหญ่ 129$ เด็ก 89$ (ราคาครอบครัว 395$ รวมเด็ก 2 และผู้ใหญ่ 2) กิจกรรมต่างๆ ก็คือ เลือกได้จาก 1 ใน 3 กิจกรรมเหล่านี้
⦁ Sand Tabogganing เล่นเซิร์ฟบนทะเลทราย
⦁ Marine Discovery Cruise ล่องเรือชมบริเวณรอบๆเกาะ
⦁ ล่องเรือชมปลาวาฬ ซึ่งมีเฉพาะเดือน มิถุนายน ถึง ตุลาคมเท่านั้น
แพคเกจนี้จะต้องเดินทางกลับจาก Tangalooma ด้วยเฟอรี่รอบ 4 โมงเย็น
- 3. Dolphin Viewing Day Cruise ราคาผู้ใหญ่ 149$ เด็ก 109$ (ราคาครอบครัว 475$ รวมเด็ก 2 และผู้ใหญ่ 2)
แพคเกจนี้มีกิจกรรมเพิ่มเติมจากแพคเกจแรก ก็คือได้ชมการให้อาหารฝูงโลมาธรรมชาติ ซึ่งจะมาตรงท่าเรือ Jetty ที่เฟอรี่มาจอดทุกวัน ในเวลาประมาณ 1 ทุ่มตรง และต้องกลับฝั่งด้วยเฟอรี่รอบสุดท้าย หลังจากให้อาหารโลมาเสร็จแล้ว (ประมาณ 2 ทุ่มนิดๆ-สามทุ่ม) เป็นแพคเกจที่แอดและเพื่อนๆ เลือกกัน - 4. Premuim Dolphin Viewing Day Cruise ราคาผู้ใหญ่ 149$ เด็ก 109$ (ราคาครอบครัว 475$ รวมเด็ก 2 และผู้ใหญ่ 2)
แพคเกจนี้มีความพิเศษเพิ่มจากแพคเกจอื่นๆ ก็คือได้ให้อาหารโลมาธรรมชาติด้วยตัวเอง รวมถึงได้รูปถ่ายจากตากล้องทีมงานของทางรีสอร์ท ก็ถือว่าคุ้มอยู่นะครับ สำหรับประสบการณ์แบบ 0nce in a lifetime แบบนี้ มีนักท่องเที่ยวเลือกแพคเกจนี้เยอะพอสมควร จึงทำให้ระยะเวลาให้อาหารแต่ละคิวค่อนข้างน้อย (ทุกคนที่เลือกแพคเกจนี้ต้องไปรายงานตัวเพื่อฟังคำแนะนำและข้อปฎิบัติที่ศูนย์โลมา ใกล้ๆ ท่าเรือกันก่อน 4 โมงเย็น รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องการเข้าร่วม ก็ต้องลงทะเบียนหรือรายงานตัวกันที่จุดต่างๆ ตามแผนที่กันก่อน)
Traveller’ Tip สำหรับใครที่ต้องการพักค้างคืนที่รีสอร์ทบนเกาะก็สามารถจองห้องพักผ่านทางเวปไซต์ของทางรีสอร์ทได้เช่นกัน
Desert Safari Tour
สายแอดเวนเจ้อร์ ต้องชอบประสบการณ์ sand tabogganing หรือการไต่เนินสูงกลางทะเลทรายเพื่อสไลด์ตัวบนแผ่นไม้ลงมาด้านล่างด้วยความเร็วสูง จุดนี้แดดแรงแต่สนุกและถ่ายรูปสวยครับ
Dolphins viewing/feeding experience
ทุกวันเวลาทุ่มตรง ฝูงโลมาจำนวนมากจะมารวมตัวกันที่ท่าเรือ Jetty เพื่อรอให้นักท่องเที่ยวมาให้อาหาร เท่าที่สังเกตุดูการให้อาหารจะมีเวลาจำกัดคนละไม่ถึง 1 นาที เพราะวันที่ไปเป็นวันอาทิตย์และคิวค่อนข้างยาว แต่แพคเกจที่กลุ่มแอดซื้อไว้เป็นแค่ยืนดูจากท่าเรือ พอให้อาหารเสร็จก็ลงเรือกลับมาที่จุดเดิมที่ Pinkenba
จุดชมวิวเมืองบริสเบนที่สวยที่สุด Mount Coot-Tha
อีกจุดที่ไม่ควรพลาดเลยด้วยประการทั้งปวง การเดินทางไม่ยากและวิวสวยมากๆ แนะนำให้มาช่วงเช้าหรือก่อนพระอาทิตย์ตก บรรยากาศจะดีและถ่ายรูปได้สวยกว่าช่วงเที่ยงๆเพราะแดดค่อนข้างร้อน
การเดินทาง มีรถบัสสาย 471,430 ขึ้นจาก Queen Street Bus Station มาลงที่สถานี Mount Coot-Tha
Brisbane Botanical Garden
แหล่งฟอกปอดกลางเมือง อยู่ติดกับ Queensland University of Technology และ Parliament House บรรยากาศร่มรื่น มีนกนานาชนิดเต็มไปหมด ใครที่ชอบต้นไม้ก็แวะไปชมกันได้
King George Square
จตุรัสใจกลางเมืองบริสเบน มีอนุสาวรีย์ของ King George ตั้งอยู่หน้า Brisbane City Hall และมีโบสถ์เก่าแก่ชื่อ Albert Street Uniting Church ตั้งอยู่ใกล้ๆ
Casino
ในตึกทรงสวยคลาสสิคแห่งนี้ มีทั้งคาสิโนขนาดใหญ่ชื่อ Treasury และโรงแรมอยู่ด้านใน อย่าลืมไปแวะถ่ายรูปกันด้านหน้านะครับ
Queen Street Shopping Area
ชอปปิ้งๆๆ แน่นอนว่าเราต้องเผื่อเวลาอย่างน้อย 1 วันเพื่อการนี้ มาถึงบริสเบนทั้งทีก็ต้องไม่พลาดมาย่าน ถนควีนที่เป็นแหล่งชอปปิ้งขนาดแหล่งใหญ่ มีชอปแบรนด์เนมและร้านอาหารเยอะมาก ตั้งแต่ร้านหรูจนถึงฟู๊ดคอร์ทในห้างที่ Queens Plaza รวมไปถึง Supermarket และร้านขายของที่ระลึกของเมืองบริสเบน สามารถมาเลือกซื้อของฝากก่อนกลับบ้านได้ที่นี่ครับ
แนะนำสินค้าน่าชอป
- แอดได้ทำการบ้านโดยการสอบถามเพื่อนๆที่อยู่ออสเตรเลียและเป็นลูกเรือ แทบทุกคนบอกเหมือนกันว่าน้ำหอมที่ออสเตรเลียถูกมากกกกก พอเจอจริงๆ ก็เชื่อแล้วว่า อืมมม มันถูกมากจริงๆ (จนต้องเสียตังค์กันทั้งกลุ่ม) ราคาที่เจอมีตั้งแต่ 14$-70$ แล้วแต่รุ่นและยี่ห้อ
Tips ร้านที่แนะนำชื่อร้าน Chemist Warehouse (แบรนด์แม่) และ My Beauty Spot (แบรนด์ลูก)** - Nespresso เมล็ดกาแฟแบบแคปซูลและเครื่องชงกาแฟ ราคาถูกกว่าที่ไทยพอสมควร
- Cotton On แบรนด์ Fast Fashion ของชาวออสซี่เอง ช่วงที่่ไปของลดราคาพอดี เสื้อกล้ามเหลือแค่ 3$ กางเกงขาสั้น 5-10$ เสียตังค์กันทุกคนอีกเหมือนกัน!
- ขนมที่เป็นแบรนด์ของประเทศเค้า เช่น Tim Tam (made in Australia) ราคาถูกกว่าในซุปเปอร์บ้านเราพอสมควร ไอศกรีม Street Golden Gaytime ก็อร่อย และหาซื้อได้ตามซุปเปอร์ทั่วไป
- อาหารเสริม เช่น Blackmores ราคาไม่แพง แถมยังจัดโปรบ่อยๆด้วย ลองเช็คดูในร้าน Pharmacy ใหญ่ๆ (มีอีกหลายแบรนด์ให้เปรียบเทียบราคา)
- Aesop แบรนด์ Luxury Skincare ของออสเตรเลีย ใช้ดีและราคาถูกกว่าในไทย มี 2 ชอปในย่านควีนส์สตรีทเช่นกัน
- ผลไม้หลายชนิดที่มีราคาถูกกว่าเมืองไทยมากๆ เช่น องุ่น พีช
Tips ในวันธรรมดาร้านค้าจะปิดไวมาก ตั้งแต่ 6 โมง ถึง 1 ทุ่ม ฉะนั้นใครที่แพลนวันชอปเอาไว้ก็ต้องเผื่อเวลาไปให้ไวหน่อย ^^
แลนด์มาร์คอื่นๆในเมือง สามารถเดินไปจุดท่องเที่ยวต่างๆได้สะดวก เพราะอยู่ไม่ไกลกัน
Pancake House ร้านแพนเค้กเก่าแก่ชื่อดังแห่งบริสเบน น้องๆร่วมทริปอยากทานของหวานกันก่อนนอนเลยได้แวะมา ร้านนี้เปิด 24 ชั่วโมง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองด้วย ร้านกว้างขวางใหญ่โตและดูมีความขลังเพราะเป็นโบสถ์เก่า
Story Bridge
ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองนี้ สามารถขึ้นไปชมวิวเมืองและแม่น้ำบริสเบนได้ โดยนั่ง City Hopper สีแดงไปลงที่สถานี Holman Street แล้วหาจุดเดินขึ้นสะพานต่อ
ตอนกลางคืนสะพานแห่งนี้จะเปิดไฟ สลับสีในแต่ละวัน ถ้าใครมีขาตั้งกล้องไปด้วยรับรองว่าได้รูปสวยๆ จากมุมนี้แน่นอน
การเดินทางด้วยเรือเฟอรี่บนแม่น้ำบริสเบน มีเรือ 2 สีด้วยกันคือ
⦁ City Hopper สีแดง โดยสารฟรีตลอด สะดวก ผ่านจุดหลักๆ ใน Downtown และจุดท่องเที่ยวทั้ง Southbank, Eagle Street Pier เป็นต้น
⦁ City Cat สีน้ำเงิน เสียค่าโดยสารตามระยะทาง มีเส้นทางเดินเรือไกลกว่าสีแดง แอดได้ขึ้นตอนไปตลาด Eat Market
Eat Market
ที่นี่เป็นตลาดกลางคืนที่รวมของกินนานาชาติไว้เยอะมาก แต่ละร้านตกแต่งกันได้น่ารัก มีคอนเซ็ปต์ ทั้งร้านไอศกรีม ร้านสเต๊กสไตล์ออสซี่แท้ๆ อาหารเอเชีย อเมริกัน เม๊กซิกัน ฯลฯ เป็นอีกที่ที่ถ้ามีเวลาก็น่าแวะไปเดินเล่นและทานอาหารมื้อเย็นกัน
วิธีการเดินทาง
ลงเรือ City Cat สีน้ำเงินไปลงที่ท่าเรือ North Shore Hamilton
เปิดทุกวันศุกร์-เสาร์ เวลา 16.00-22.00 และวันอาทิตย์เวลา 12.00-20.00
จบทริปบริสเบนด้วยความรู้สึกเต็มอิ่ม ทั้งเที่ยว ชิล ชิม ชอป ครบ ตลอด 5 วัน 4 คืน
ใครที่คิดว่าออสเตรเลียค่าครองชีพสูงและเดินทางยุ่งยาก อยากบอกว่าตอนนี้สายการบิน Thai Airasia X เปิดให้จองแล้ว แถมราคาไม่แพง ไปกลับเริ่มต้นแค่หมื่นเดียวในช่วงโปรฯ เหลือตังค์ไว้ชอปสบายๆ เริ่มบินตรงจากดอนเมืองเดือนมิถุนายนนี้ ยิ่งตอนนี้ค่าเงินออสเตรเลียอ่อนตัวลงยิ่งเข้าทางนักท่องเที่ยวสายประหยัดแบบเราเลย
แล้วจะรออะไรล่ะ หาวันหยุดแล้วรีบไปจองตั๋วกันเลย!
Brisbane, If not now then When?!
รายงานโดยแอดตี๋ เที่ยวถี่แต่มีคุณภาพ #เที่ยวแบบมนุษย์เงินเดือน #Airasiatravels #เที่ยวบริสเบนกับแอร์เอเชีย
