GREAT OCEAN ROAD เมืองเมลเบิร์น ออสเตรเลีย แบบ One day trip
“บันทึกการเดินทางสุดประทับใจ เปิดประสบการณ์เมื่อเพื่อนต่างชาติ พาขับรถเที่ยวแบบ road trip มิตรภาพดี ๆ มีทุกที่บนโลกใบนี้ แค่ลองเปิดใจครับ”
สวัสดีครับ รอบนี้ออกไปไกลนิดหน่อยแอดขอริวิวพาไปเที่ยวไกลกันถึง เมืองเมลเบิร์น ออสเตรเลียกันเลย ทีเดียว แต่ขอยกทริปไฮไลท์เอามาเล่ากันก่อน นั่นก็คือ เที่ยวแบบ Road Trip ไปGreat Ocean Roadนั่นเองครับใครที่มาเมลเบิร์นก็ไม่ควรพลาดเพราะถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของที่นี่เลยทีเดียวและเหมาะกับการขับรถเที่ยวมากๆเพราะวิวข้างทางจะทำให้คุณต้องว้าววตลอดทาง
ทริปนี้จะพิเศษนิดหน่อย พอดีผมรู้จักเพื่อนที่เป็นชาวต่างชาติที่นู่น และเค๊าก็อาสาพาขับรถเที่ยว แบบ Road Trip ก่อนอื่นขอแนะนำเพื่อนก่อนนะครับ เพื่อนชื่อ เควิน แฟนชื่ออลิสาครับ เป็นชาวเยอรมัน เรารู้จักกันได้ สี่ปีกว่าก็นานพอสมควร เพราะตอนที่เพื่อมาไทยเราก็อาสาเป็นโฮสต์และพาเที่ยว เราไปเยอรมันเค๊าก็อาสาพาขับรับเที่ยว และก็เป็นโฮสท์ และรอบนี้เป็นความบังเอิญที่เพื่อนย้ายมาทำงานที่ออสเตรเลีย ก็เลยถือโอกาสนัดเจอ และเที่ยวกันครับ เคยพูดเปรย ๆ ว่าอยากลอง Road Trip กันซักครั้งที่ออสเตรเลียแต่วันนี้มันเป็นจริงแล้วซึ้งมั๊ยครับน้ำตาแอบคลอเบ้าเมื่อเราพูดคำนี้ก่อนออกเดินทาง ไปดูกันครับว่าสนุกแค่ไหน และแตกต่างจากเที่ยวทั่วไปยังไง เมื่อให้เพื่อนต่างชาติพาเที่ยว ตามไปดูกันเล้ยยย
ว่าแล้วหลายคนอาจจะไม่รู้จักว่า Great Ocean Road คืออะไร ผมขออธิบายคร่าว ๆ ดังนี้ครับ
ที่มาของรูป: Wikipidia เส้นทางเส้นสีแดงคือเส้นทางของ Great Ocean Road ทั้งหมดครับ
Great Ocean Road เป็นถนนเลียบชายฝั่งที่มีระยะทางประมาณ 200 กว่ากิโลเมตร ไล่มาตั้งแต่เมืองวอนัมบูล (Warrnambool) ลากยาวจนถึงเมืองทอร์คีย์ (Torquay) ใกล้ๆเมืองจีลอง (Geelong) ซึ่งอยู่ไม่ห่างจาก เมลเบิร์นเท่าไหร่ ระหว่างทาง ก็จะมีที่เที่ยวมากมาย ซึ่งที่เที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นการดูหน้าผาและเสาหินที่ตั้งอยู่เลียบชายฝั่งของถนน Great Ocean Road สวยงามเกินบรรยายครับต้องมาเห็นด้วยตา
สำหรับการเดินทางนั้น มีได้หลายวิธีครับ คือ สามารถซื้อทัวร์ได้ ราคาอยู่ที่ประมาณ $80-$120 หรือจะเช่ารถเองก็อยู่ประมาณ $30-$60 หรือถ้ามีเพื่อนอยู่นี้ก็ดีเลย ให้เพื่อนพาขับรถเที่ยวและก็หารค่าน้ำมันกัน ก็ยิ่งคุ้มไปใหญ่
หมายเหตุ :ใบขับขี่ไทยที่มีภาษาอังกฤษ สามารถใช้ขับในออสเตรเลียได้นะครับ
ทริปนี้เราเดินทางกัน 5 คนครับ ด้วยรถยนต์คันเดียว อบอุ่นกันเลยทีเดียว แพลนตอนแรกเราเลือกเดินทางกันวันอาทิตย์ แต่ลองเช็คสภาพอากาศแล้ว วันจันทร์วันเดียวที่มีแดดจ้า ฟ้าเปิด ก็ไม่ต้องคิดอะไรมากครับ เราก็เลื่อนเป็นวันจันทร์แบบไม่รีรอ
สภาพอากาศ ช่วงนี้อากาศที่นี่ หนาวเย็น เลยแหละ ประมาณ 6-14 องศาถือเป็นช่วงสนุกสนานในการแต่งตัวพกเสื้อกันหนาวมากันหลายตัวมีฝนบ้างเล็กน้อยลองจินตนาการดูนะครับอากาศหนาวบวกกับฝนที่เม็ดฝนตกกระทบผิวมันจะเย็นซักแค่ไหนวันสองวันแรกก็ต้องปรับตัวนิดหน่อยครับเริ่มเข้าสู่วันสองก็เริ่มปรับตัวได้แล้วครับ
ว่าแล้วก็กลับมาที่ทริปของเรากันก่อนครับ ฮ่าาา GREAT OCEAN ROAD
เรานัดกันออกเดินทางจากตัวเมืองเมลเบิร์นเป็น 08:30 โดยเรานั่งแทรมหรือรถรางไปที่พักเพื่อนที่อยู่แถวรอบเมืองก่อนเพราะเพื่อนขับรถเข้ามารับในเมืองลำบากรถค่อนข้างติด
โดยแพลนที่เราออกเดินทาง ขาไป คือเราจะยังไม่วิ่งถนนเลียบชายหาด แต่เราเลือกที่จะเดินทางโดยทางลัดก่อน เพื่อไปหยุดที่จุดท่องเที่ยวจุดแรกเลย แล้วขากลับค่อยขับเลียบถนนชายหาดเข้ามา
ตัวช่วยสำคัญคือ GPS ครับ Google Map เปิดตั้งเลยง่ายดี
บริเวณข้างทางที่เรานั่งคือดีงามมากๆครับส่วนใหญ่เราจะเห็นแกะวัวตามทุ่งหญ้าสีเขียวดูไปก็แอบเหมือนฝั่งยุโรปเลยนะเนี่ยเพื่อนบอกถ้าโชคดีก็จะเจอเจ้าจิงโจ้วิ่งตามป่าและข้ามถนนแต่เราไม่โชคดีกันเลยไม่เห็น
Loch Ard Gorge
Location: https://goo.gl/maps/UFhtTstNPfQEdfCn9
มาเริ่มกันที่ท่องเที่ยวที่แรกกันครับ ก่อนที่จะถึง Highlight ที่นี่เรียกว่า Loch Ard Gorge ตั้งชื่อตามซากเรืออับปางที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1849 มีเพียงสองคนเท่านั้นที่รอดชีวิต จากการถูกน้ำซัดมาที่จุดดังกล่าว และได้ร้องขอความช่วยเหลือ จนมีคนมาพบเข้า จริงๆ ประวัติยาวกว่านี้ครับอันนี้ผมสรุปให้ฟังคร่าว ๆ ถึงที่มาที่ไปกันนิดหน่อยครับ อิอิ
ลักษณะก็จะเป็นเหมือนหินที่โดนกัดเซาะ และเป็นแอ่งของชายหาดเล็กๆสามารถเดินลงไปได้แต่ต้องระวังกันนิดหน่อยนะครับหากมีคลื่นสูงมากๆไม่แนะนำให้ลงไปเดี๋ยวอาจจะโดนคลื่นซัดเอาได้ครับ
ที่นี่เป็นที่แรกที่ผมได้เห็น ขนลุกยังไม่หายครับ มันสวยมาก ๆ สวยเป็นบ้าเลย GREAT OCEAN ROAD
The Twelve Apostles
Location: https://goo.gl/maps/jgpszvcN8Gp4yRkM7
หลังจากนั้นห่างกันไม่เกินสามนาทีก็ถึง Hight Light ของทริปแล้วครับ ที่นี่เรียกว่า The Twelve Apostles.ถ้าแปลเป็นไทยก็เป็น อัครสาวกทั้งสิบสองหรือเสาหินสาวกทั้งสิบสองนั่นเอง
แต่ก่อนนี้จะมีตั้ง 12 เสา แต่ปัจจุบันโดนน้ำกัดเซาะถล่มเหลือแค่ 7 เสาครับ
สิ่งที่ผมชอบมากๆคือที่นี่ไม่ต้องเสียค่าเข้าครับนักท่องเที่ยวสามาถเข้าชมได้ฟรี แต่ต้องระวังสัตว์แปลกๆหรืองูพิษด้วยนะครับเพราะมีป้ายเตือนอยู่ แต่คนเยอะทุกวันก็ไม่น่ามีอะไรครับอันนี้คิดเอาเอง
พอจอดรถแล้วก็จะมีป้ายทางเข้า ลองสังเกตุป้ายหรือจะเดินตามหลังนักท่องเที่ยวคนอื่นก็ได้ครับ
ที่นี่เค๊าก็มี บริการ เฮลิคอปเตอร์ให้นั่งชมวิวด้วยนะครับ สำหรับใครที่อยากเห็นวิวจากมุมสูง แต่ราคาก็สูงพอสมควรครับ น่าจะอยู่ที่ $250-$300 หรืออาจจะแพงกว่านั้นครับ
มาถึงแล้วครับจุดที่สะกดจิตที่สุด ทำให้ผมหยุดชะงักและอึ้งไปชั่วขณะ คุณเคยเป็นมั๊ย ขนลุกกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า จนน้ำตาไหล เพราะมันสวยงามจนเกินบรรยาย ภาพที่เห็นในที่ต่างๆ กับของจริง มันต่างกันโดยสิ้นเชิง และ ยิ่งได้ออกเดินทางกับเพื่อนๆที่รู้ใจ ก็ยิ่งทำให้ทริป นั้นสมบูรณ์แบบ โดยอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้เลย นั่นคือสิ่งที่หยุด และคิดได้ตอนนั้น แล้วผมก็มองหน้าเพื่อน น้ำตาคลอเบา ๆ พร้อมพูดคำว่า “You always show me the best”
ดราม่าไปนิดแต่ถ้าได้ลองไปสัมผัสก็จะเป็นเหมือนกันครับฮ่าาา
ต่อจากจุดแรกเดินต่อไปอีกนิดก็จะเป็นจุดชมวิวอีกมุมที่สูงขึ้นและเห็นวิวได้มากกว่าแต่ผมมองว่าจุดแรกสะกดจิตที่สุดแล้วครับ
Gibson Steps
Location: https://goo.gl/maps/GfY64yktDRbRHxcu8
ถัดมากับอีกจุดคือ บันไดกิบสันครับ เป็นพื้นที่หน้าผาที่มีบันไดสามารถเดินลงไปเล่นชายหาดได้ แต่เราแค่ถ่ายรูปกะชมวิวพอ ลองสอบถามเพื่อน ๆ พี่ ๆ ไม่มีใครลงกัน เพราะต้องไปให้ทัน Highligt อีก 1 ที่ครับแต่แค่วิวก็สวยงามแล้วครับ
ตรงข้ามก็มีฟาร์มแกะเป็นทุ่งหญ้ากว้างพร้อมวิวสวยๆน่าถ่ายรูปอีกเช่นกันครับ
หลังจากนั้นก็ก็มาถึง Highlight อีก 1 ที่ครับ
Kennett River
Location: https://goo.gl/maps/n3qpzFPxXwPUFrj76
จุดนี้สำหรับใครที่อยากมาดูเจ้าโคอาล่าแบบธรรมชาติที่ไม่ได้อยู่ในสวนสัตว์ต้องที่นี่เลยครับและจะเห็นเจ้านกหลากหลายสายพันธุ์ที่เกาะกลุ่มรอนักท่องเที่ยวมาป้อนอาหารแบบไม่กลัวคนเลยทีเดียวทั้งเกาะไหล่เกาะหัวก็ว่ากันไป
ที่นี่เป็นทางผ่านขากลับเข้าเมืองพอดีที่นี่ชื่อเรียกรวมๆจะเรียกว่า Kennett River แต่ก็จะมีที่ท่องเที่ยวหลาย ๆ จุด ครับ แต่ถ้าบ้านไกล เวลาน้อย ก็แวะมาดูโคอาล่าก่อนเลย ต้องมาก่อนพระอาทิตย์ตกดินนะครับ
ขากลับก็ได้เวลาเพลิดเพลินกับ วิวริม Great Ocean Road กันแล้วว สวยงามมาก ๆ ครับ ทำให้หลับไม่ลงกันเลยทีเดียว แต่สำหรับใครที่เมารถง่าย ก็แนะนำให้ทานยามาก่อนนะครับ เพราะเส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยวไปมา อาจจะทำให้เมารถกันได้ครับ
และระหว่างทางขากลับ ก็แวะร้านอาหารเอเชียที่นี่ครับ เป็นจุดพักรถที่สามารถชมวิว และแวะทานข้าวจะดื่มหรือนั่งชิวก็ได้เช่นกัน แต่ราคาก็ค่อนข้างสูงครับ แต่ละอย่างก็ประมาณ $17-$20 กันเลยทีเดียว รสชาติก็พอใช้ได้ครับ แต่ที่นี่เค๊าให้มาเยอะ และชามใหญ่มาก กินกัน 5 คนนี่คืออิ่มพุงกางเลย
หมดแล้วครับสำหรับทริป 1 วัน แบบ Road trip ถือว่าได้แวะหลายที่เลยทีเดียว เพราะเราวางแผนออกเดินทางแต่เช้า เพื่อไม่ให้พลาดหลายจุดที่สำคัญ ๆ แต่ถ้าใครอยากเก็บให้ครบจริง ๆ ละก็ เพื่อนบอกต้องอยู่ ที่นี่เป็นอาทิตย์เลยครับ โอ้โหวว ฮ่าาา นั่นไม่ใช่เราแน่นอน แต่จริง ๆ ถามเส้นทาง Grete Ocean Road นี้มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมากจริงๆแต่ก็นั่นแหละครับบ้านไกลเวลาน้อยก็ต้องเก็บเฉพาะพี่ๆสำคัญๆกันไปก่อน
ถือเป็นอีกหนึ่งทริปที่ผมประทับใจมากๆเพราะนอกจากได้ชมธรรมชาติที่สวยงามแล้วพร้อมเดินทางกับเพื่อนๆพี่ๆที่เรารู้สึกเป็นเหมือนครอบครัวและเพื่อนต่างชาติที่ถือว่าเป็นเพื่อนรักอีกหนึ่งคนที่พาเรามาพบเจอส่ิงสวยงามแบบนี้ผมขออนุญาตบันทึกความทรงจำเล็กๆสุดประทับใจไว้ตรงนี้นะครับและขอแชร์ความสุขนี้ให้กับทุกท่านได้สัมผัสกันหากใครมีโอกาศก็ลองแวะกันไปนะครับแล้วคุณจะไม่เสียใจเลย ผมรับประกัน ไว้เจอกันสำหรับทริปหน้า และริวิวเมลเบิร์นสถานที่ท่องเที่ยวสุดประทับใจอื่นๆได้ที่นี่ครับ เที่ยวแบบมนุษย์เงินเดือน
รีวิวอื่นๆ
1.10 สถานที่ท่องเที่ยว”ซิดนีย์” ห้ามพลาด!!
2.รีวิวเที่ยวเมลเบิร์น (MELBOURNE) กับ 11 สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาด
3.รีวิวลุยเดี่ยว พาไปขึ้นบอลลูน ที่ตุรกี ณ เมืองคัปปาโดเกีย CAPPADOCIA