เที่ยวเมลเบิร์น Melbourne ออสเตรเลีย 7 วัน 6 คืน เที่ยวครบ ทั้งในเมือง และนอกเมือง
เที่ยวเมลเบิร์น Melbourne Australia… สวัสดีครับ หลังจากที่ได้ปล่อยรีวิวตัวแรกของทริปของไแล้วก็คือ รีวิวขับรถเที่ยว Great Ocean Road รอบนี้มาดูสถานที่อื่น ๆ ที่น่าสนใจของเมืองนี้กันบ้างนะครับ เมืองเมลเบิร์น ออสเตรเลีย ได้ยินชื่อเมืองนี้แล้วหลายคนต้องรูจักเป็นอย่างดี ทั้งที่เคยมา หรือไม่เคยมาก็แล้วแต่ แต่ต้องบอกว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่น่าอยู่มาก ๆ ครับ สมแล้วครับที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก 7 ปีซ้อน
เป็นเมืองที่ผสมผสานศิลปะ วัฒนะธรรมทั้งสมัยเก่า และสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว อีกทั้งการคมนาคมที่สะดวก ผู้คนเป็นมิตร บ้านเมืองสะอาด เมืองใหญ่แต่ไร้มลพิษ มันเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก ๆ ครับ อย่างที่ผมชอบมาก ๆ คือการได้เห็นโคอาล่า และเจ้านกเพนกวิ้น ตามธรรมชาติ มันจะคนละอารมณ์กับที่เห็นในสวนสัตว์แน่ ๆรู้สึกประทับใจครับ อีกทั้งยังกาแฟรสชาติดีที่สุดของออสเตรเลียก็อยู่ที่เมืองนี้ครับ ดีงามทุกร้านลองมาแล้วว ไม่ต้องเติมน้ำตาล หรือเติม ก็ละมุลทุกแก้วครับ คอกาแฟต้องลอง ขนมหวานเอย ผลไม้สด ๆ อโวคาโด สตอเบอรรี่ เชอรี่ ที่สดและถูกมาก ๆ ครัวซอง Lune ที่อร่อยที่สุดในออสเตรเลีย และอื่น ๆ อีกมากมายครับ ถ้าใครมีโอกาส หรือมีแผนจะมาเที่ยวออสเตรเลีย ผมแนะนำว่า เมลเบิร์นคือเมืองที่ควรมาอย่างยิ่งครับ
แพลนการเดินทางครั้งนี้เราเดินทางกัน ตั้งแต่วันที่ 1-8 สิงหาคม 2019 ที่ผ่านมาครับ ถ้าไม่รวมวันเดินทางก็ 7 วัน 6 คืนครับ โดยเดินทางกัน 2 คน และอีก 1 คนเดินทางไปก่อนล่วงหน้า มีบางทริปมีนัดเจอ และไปเที่ยวด้วยกันบ้าง
อากาศช่วงที่ไปถือว่าหนาวเลยครับ เป็นช่วง Winter ของที่นั่นพอดี ช่วงที่ไปก็อยู่ประมาณ 10-13 องศา เพราะฉะนั้นเสื้อผ้าที่เตรียมไปก็เป็นเสื้อกันหนาวซะส่วนใหญ่ สนุกแต่งตัวกันเลยทีนี้อิอิ
การเตรียมตัว
การขอวีซ่า
อย่างแรกเลยแน่นอนครับต้องขอวีซ่า พวกเรามีวีซ่ากันอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ได้ไปเมืองบริสเบน และได้ทำรีวิวการขอวีซ่า ซึ่งได้มาแบบ Multiple 3 ปีเลย ใครยังไม่มีวีซ่า สามารถอ่านรีวิวได้ตามลิงค์แนบครับ >>คลิก<<
จองตั๋วเครื่องบิน
เป็นความโชคดีที่พี่ที่มาด้วยกันเจอตั๋วโปรแรงมาก ๆ ของสายการบิน Jetstar บินตรงสู่ออสเตรเลียโปร 0 บาท ไปกลับรวมภาษีสนามบินเพียง 3600 บาทเท่านั้น จะรออะไรหละจองมาเมลเบิร์น 2 รอบเลยฮ่าาา
แต่ในความโชคดี โชคชะตาก็ยังทดสอบความอดทนเราเพราะก่อนวันเดินทาง สายการบินดันยกเลิกไฟล์ทขาไปกระทันหัน เนื่องจากต้องนำเครื่องเข้าบำรุงด่วน ให้เลื่อนเป็นวันอื่นแทน ตอนนั้นคือเหมือนฝันสลายคิดว่าไม่ได้ไปซะแล้ว เพราะตั๋วที่มีให้เลื่อนก็เป็นวันที่ 4-5 แล้ว ถ้าไปคือได้เที่ยวแค่ 2 วัน มีแบบต่อเครื่อง 3 รอบด้วย เอาตรง ๆ คือไม่คุ้มเลย
พี่เค๊าคุยกับเจ้าหน้าที่สายการบิน เกือบครึ่งวัน ไม่ลดความพยายาม ขอให้เช็คอีกรอบจนได้เที่ยวบินในวันเดียวกัน และต่อเครื่องเพียงรอบเดียว ที่สิงค์โปร บอกตรง ๆ ตอนนั้นดีใจยิ่งกว่าได้วีซ่าซะอีก ฮ่าาา แต่ทางสายการบินก็แสดงความรับผิดชอบในส่วนของให้เลื่อนตั๋วได้ ให้ค่าโรงแรมคืนละ 4200 และค่าอาหาร 1000 ในระหว่างที่เลื่อนตั๋ว ก็ถือว่าโอเคนะครับ
ตั๋วใหม่ที่ทางสายการบินออกให้ครับ ออกเวลาเดิมแต่ไปต่อเครื่องที่สิงค์โปร ก็รอที่สนามบิน 5 ชั่วโมง ถือว่านานอยู่นะ 555 แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ไป หรือดีกว่าเลื่อน ครับ
ที่พัก
แนะนำให้จองที่พักในโซนเมือง Free Tram Zone นะครับ จะได้เดินทางง่ายและประหยัดค่าเดินทาง
แลกเงิน
จะบอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ได้เปรียบของนักท่องเที่ยว เพราะเงินไทยแข็งตัวมาก ๆ เงินสกุลต่าง ๆ ลงแบบฮวบ ๆ จนน่าตกใจ เพราะฉะนั้นใครที่เที่ยวช่วงนี้ถือว่าได้เปรียบครับ เพราะ เงินสกุลออสเตรเลียตอนนี้ลดลงถึง 1 AUD= 21 บาท แล้วครับพี่น้องง ถือว่าประหยัดได้อีกเยอะ
แนะนำแลกเงินตามร้านแลกเงินที่ไทยไปก่อนได้เลย
ค่าใช้จ่าย สรุปไว้ท้ายรีวิว
หลังจากที่เตรียมตัวเรียบร้อยแล้วก็พร้อมได้เวลาออกเดินทางแล้วครับ
การเดินทาง
การเดินทางของเราค่อนข้างยาวนานครับ เนื่องจากต้องมาต่อเครื่องที่สิงค์โปร รอประมาณ 5 ชั่วโมง บวกดีเลย์ อีก 2 ชั่วโมง จ้าา รวม ๆ ก็เกือบ 1 วันเต็ม ๆ แต่ก็อย่างว่าครับ ดีกว่าโดนเลื่อนไปวันอื่น
ช่วงที่ต่อเครื่องที่สนามบินสิงค์โปร ก็เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่สายการบิน ของ Jetstar เค๊าก็ให้ Voucher มา คนละ $20 เพื่อเป็นค่าเสียเวลา ใช้ได้เฉพาะที่ Burger King นี่ก็สั่งมาเยอะเลยครับ เอาให้คุ้ม ห่อขึ้นเครื่องด้วยฮ่าาา
ได้เวลาออกเดินทางกันแล้วครับ จะว่าไปแล้ว สายการบินนี้ เครื่องถือว่าโอเคเลยครับเครื่องใหญ่ B787 Dreamliner ที่นั่งแบบ 3 4 3 เบาะกว้างนั่งสบาย มีหน้าจอให้ดูหนังฟังเพลง แต่ต้องจ่ายเงินนะครับฮ่าา หน้าต่างเป็นระบบใหม่ ที่ไม่ต้องเลื่อนปิดเปิด สามารถปรับให้มืด สว่างได้เจ้าหน้า ที่บริการดีด้วย โดยรวมโอเคครับ
นี่คือหน้าตาของบัตรที่ใช้กรอกเข้าประเทศครับ ให้กรอกให้ครบนะครับ เดี๋ยวโดนด่า ฮ่าาา
หลังจากผ่าน ตม. มาแล้วยังมีอีกจุดหนึ่งที่เจ้าหน้าที่จะค่อนข้างเข้มนิดหน่อย คือ อาหารที่นำเข้าประเทศครับ พวกเนื้อสัตว์ หรือเมล็ดพันธ์พืชนั่นเอง ผมกับพี่ นำอาหารสำเร็จรูปมาจำพวก บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารสำเร็จรูป ข้าวพร้อมหุงสำเร็จ ก็แจ้งเค๊าโดยตรงว่าเรานำอะไรมาบ้าง เจ้าหน้าที่ก็ไม่เปิดกระเป๋าครับ โล่งไป แต่ต้อง ลงในบัตรนำเข้านะครับ ข้อ 6 และ 7 เป็น Yes
การเดินทางเข้าเมือง
เราเลือกเดินทางเข้าเมืองโดย Skybus โดยที่ขึ้นได้ที่ หน้าอาคาร 1 หรือ 3 แล้วก็อาคารบินในประเทศครับ ส่วนใหญ่ไฟล์ทจากไทยจะไปลง ที่ อาคาร 2 เราต้องเดินมาอาคารที่มี Skybus มีป้ายบอกชัดเจนหาง่ายครับ
ราคาตั๋วเที่ยวเดียว 19 AUD ไปกลับ 38 AUD โดย Skybus จะไปจอดที่สถานีรถไฟ Southern Cross ใช้เวลาจากสนามบินประมาณ 30-40 นาที บนรถมี Free wifi ให้ใช้ด้วยครับ
เดินทางมาถึงสถานี Southern Cross เป็นสถานีใหญ่ครับรวมหลายๆ การเดินทางไว้ที่นี่ มาถึงก็จัดแจงซื้อบัตร บัตร Myki ก่อน บัตร Myki ก็คือบัตรเติมเงินที่เอาไว้ใช้ขึ้นขนส่งสาธารณะในเมลเบิร์นและในรัฐ Victoria หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป หรือที่สถานีรถไฟครับ ราคาบัตรจะอยู่ที่ $6 ครับ แล้วก็เติมเงินเพิ่มเอา แบบรายเดือนราย 7 วันก็มีลองหาข้อมูลเพิ่มเอานะครับ ส่วนผมใช้แบบเติมเงินปกติครับ แตะบัตรเป็นรอบๆเอา
การเดินทางใน Melbourne
หลักๆ ก็จะใช้รถราง และรถไฟ ครับ Tram & Train และในโซนเมืองดีมากๆ โดยในเมืองจะมีโซน Free Tram ครับ สามารถขึ้นรถรางได้ฟรีทุกสายเลยในเขต โซนสีเขียว ไม่ต้องแตะบัตรหรือซื้อตั๋ว แต่ถ้าจะนั่งออกนอกโซน ก่อนออกประมาณ 2 สถานีจะมีประกาศบอกครับ ว่าให้แตะบัตร Myki นะจ๊ะ
ที่พัก Melbourne Central YHA
เราจองที่พักผ่าน Booking.com ครับ เป็น Hostel ชื่อ Melbourne Central YHA ครับ แต่ห้องเป็น Private คือห้องเดียวอยู่แค่ 2 คน ราคาสำหรับ 6 คืนก็ตกคนละ 5 พันนิด ๆ ถือว่าถูกมากครับเพราะอยู่ในย่านใจกลางเมืองด้วย เดินทางสะดวกมาก ๆ เป็น Hostel ที่ผมประทับใจมาก ๆ เพราะสะอาดกว่าที่คิด และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครับ
Locaiton: >>คลิก<<
หลังจากที่เดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ก็ได้เวลาถึงที่พักกันซักที ที่พักใกล้กับสถานี Southern Cross มาก ๆ ประมาณ 500 เมตร เดินแป๊บเดียวครับ จากที่ผมได้เกริ่นขึ้นต้นคือผมประทับใจที่นี่มาก ๆ ถึงจะเป็นห้องน้ำรวมแต่ก็สะอาด มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นห้องครัวที่ใหญ่มาก ๆ ทำกิจกรรมอาหารได้อย่างเต็มที่ ชวนเพื่อนมาทำอาหารกินกันยังได้เลย มีบาร์ให้นั่ง ชิว หรือจะนั่งทำงานก็ได้ โปรเบียร์ ถูก ๆ เครื่องดื่มอื่น ๆ รวมถึงห้องดูหนัง และดาดฟ้า ไว้สำหรับทำบาร์บีคิว หรือนั่งเล่นคุยเม้ากับเพื่อน แต่ดาดฟ้าช่วงนี้หนาวมาก คนไม่ค่อยขึ้นไปกัน ส่วนใหญ่จะอยู่ข้างล่าง ห้องนอนก็สะอาด มีผ้าขนหนูให้ด้วย บางที่ไม่มีนะครับต้องเตรียมมาเองตามนั้นครับ สำหรับใครที่อยากหาที่พักดี ๆ ทำเลใจกลางเมือง แนะนำที่นี่เลยครับ คิดว่าถ้าไปอีกคงจะไปพักที่เดิมครับ
สถานที่ท่องเที่ยวใน Melbourne
หลังจากที่บรรยายมาซะยาว ได้เวลามาเริ่มกันซักทีแล้วครับ มาดูกันครับว่าถ้ามาเมลเบิร์นแล้วมีที่ไหนที่ไม่ควรพลาดบ้าง ตามมาดูกันเลยครับ
Great Ocean Road
แน่นอนครับ Hightlight ของทริปนี้คือที่นี่เลย แต่เนื่องจากรายละเอียดของ Greate Ocean Road ค่อนข้างเยอะ ผมจึงได้แยกเป็นรีวิวเฉพาะของสถานที่ดังกล่าวไว้ตามลิงค์ครับ >>คลิก<<
Flinders Street Railway Station
Location : >>คลิก<<
การเดินทาง นั่ง รถไฟหรือรถรางก็ได้ครับไปลงที่ Flinders Street Railway Station
เป็นอีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์ค ของเมืองเมลเบิร์น เป็นสถานีรถไฟใหญ่เลยทีเดียวครับ
สถานีรถไฟ Flinders Street สถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดและคึกคักที่สุดและเก่าแก่ที่สุด อาคารย้อนยุคนั้นสวยสะดุดตามาก เดินผ่านเห็นมาแต่ไกล เป็นสถานีรถไฟแห่งแรกของเมลเบิร์นและสถานีรถไฟสายท้องถิ่น
ตรงข้ามจัตุรัส Federation Square คือ St. Paul’s Church เป็นหนึ่งในอาคารที่สง่างามบน Swanston Street และเป็นสถานที่สำหรับคนในเมลเบิร์นที่จะมาพบปะกัน สถานีทั้งหมดเป็นอาคารหินสีเหลืองและสำริดเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น สวยงามทั้งกลาวงวันกลางคืนเลยครับ ยิ่งกลางคืนจะเห็นแสงไฟเป็นสีเหลืองทองอล่ามสวยงามมาก ๆ
ฝั่งตรงข้ามของสถานีก็จะเป็น MELBOURNE VISITOR CENTRE ลานตรงนี้คนอาบมานั่งตากแดด กันนะครับ บางทีก็จะมีคนมาแสดงเปิดหมวกนั่นนี่
นอกจากนี้บริเวณใกล้ ๆกันยังมี สะพาน Princes ที่เป็นที่เชื่อมต่อแม่น้ำยาร์ราในบริเวณใกล้เคียง มีร้านอาหารมากมาย อาคารมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานสวยงามและทันสมัย สามารถเดินได้รอบ ๆ เลยครับ บริเวณนี้
Hosier Lane
หากใครเป็นคนชื่นชอบศิลปะแนว Street Art แล้วละก็ ที่เมืองเมลเบิร์นนั้นถือว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะแห่งนึงของโลกเลยทีเดียว และถนน Hosier Lane แห่งนี้ก็เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเที่ยวกัน และการเดินทางก็ง่ายและสะดวกมาก อยู่ในเมืองสามารถเดินจากสถานีรถไฟ Flinnder Station ได้เลย ภายในถนนแห่งนี้จะเต็มไปด้วยภาพศิลปะบนผนังทั้งเส้น แทบไม่มีที่ว่างให้เห็นเลย สามารถเดินถ่ายรูปได้ตลอดทาง ผมกับพี่ ๆ ที่มาด้วยกันก็ไม่พลาดที่จะเก็บรูปไว้เป็นที่ระลึกครับ
Location: >>คลิก<<
วันเวลาเปิดปิด : ทุกวัน 24 ชั่วโมง
ตั๋วค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง นั่ง รถไฟหรือรถรางก็ได้ครับไปลงที่ Flinders Street Railway Station จากนั้นเดินไปทางโบสถ์เซนต์พอล ซึ่งจะอยู่ถัดจากไปโบสถ์เซนต์พอล 1 บล็อกครับ ตรงชื่อซอย Hosier Ln
State Library of Victoria
ถือเป็นอีกหนึงแลนด์มาร์ค ของเมืองเมลเบิร์นเลยก็ว่าได้ครับ เพราะที่นี่คือ ห้องสมุดที่เก่าแก่มาก ๆ และสวยงามมาก ๆเช่นกัน เสียดายด้านนอกเค๊ากำลังปรับปรุงอยู่ แต่ไม่เป็นไรครับ Highlight ของเราอยู่ด้านใน อิอิ
Location: >>คลิก<<
วันเวลาเปิดปิด : จันทร์-พฤหัส 10:00–21:00 ศุกร์- อาทิตย์ 10:00–18:00
ตั๋วค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Melbourne Central Station หรือจะนั่งรถราง สาย 1 3/3a 5 6 8 16 64 67 72 ถ้าใครนั่ง City Circle Tram (สาย 35) มาลงที่ ป้าย La Trobe St/Swanston St ครับ
วันไหนที่แดดออก อากาศดีๆ ก็จะเห็นคนมานั่งด้านหน้ากันเยอะเลย ทั้งกลางวันและกลางคืน พอมาอยู่นี่รู้เลยว่าทำไมฝรั่งเค้าถึงชอบนั่งการแดด กัน เพราะว่าอากาศหนาวๆ มานั่งตากแดด แล้วมันอุ่นครับ ชิลล์ๆ
เข้าไปด้านในได้ฟรีนะครับ เดินเข้าไปถ่ายรูป จุดไฮไลท์ของที่นี่ครับ ประมาณชั้น 6 ให้สามารถ่ายรูปและเห็นความสวยงามของห้องสมุดนั่นเอง แต่เข้าไปที่นี่ต้องเงียบนิดนึงนะครับ เพราะที่นี่คือห้องสมุดไง อิอิ
Shrine of Remembrance อนุสรณ์ทหารผ่านศึก
ที่นี่ก็เป็นสถานที่เที่ยวหลักที่ต้องมานะครับ เพราะถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมลเบิร์นเลยก็ว่าได้ เป็นสถานที่ที่สร้างขึ้น เพื่อรำลึกถึงทหารที่สู้รบในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 รอบ ๆ สวนสาธารณะเป็นสถานที่ที่เงียบสงบเหมาะสำหรับมาพักผ่อน หย่อนใจมาก ๆ ครับ
Location: >>คลิก<<
วันเวลาเปิดปิด : ทุกวัน เวลา 10:00–17:00
ตั๋วค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง นั่งรถราง 3/3a 6 8 16 64 67 72 จาก Flinders Street Station – Stop 13 ไปลง ที่ Shrine of Remembrance – Stop 19 แล้วก็จะเจอเลยครับ เดินไปอีกนิด
เดินจากจุดที่ลงรถราง เดินมาเรื่อยๆ ขึ้นมาเดินรอบๆ อนุสรณ์ มองย้อนกลับไปจะเห็นวิวเมืองเมลเบิร์น สวยไปอีกแบบครับ น่ามานะครับตรงนี้ ออกมาจากในตัวเมืองแป๊ปเดียว
เปลวไฟที่เห็นด้านหน้าเค๊าบอกว่าไม่มีวันดับ และเสาที่อยู่ตรงหน้าเป็นอนุสรน์แด่ทหารผู้เสียสละเพื่อชาติ
ด้านในก็จะเป็นอนุสรน์สำหรับรำลึกผู้ล่วงลับในช่วงสงครามโลกเช่นกัน
ขึ้นมาชั้นบนของอาคาร ก็จะเห็นวิวของเมือง เมลเบิร์น ที่สวยงาม แบบ 360 องศาเลยทีเดียว ที่สำคัญ ที่นี่ไม่เสียค่าเข้าด้วยครับ มีเจ้าหน้าที่ให้ความรู้และความช่วยเหลือ น่ารักมาก ๆ ครับ
บริเวณรอบ ๆก็เป็นสวนพฤกษศาสตร์แหล่งพักผ่อนหย่อนใจ และมีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติศาตร์ของเมลเบิร์นและหอดูดาวอีกด้วย
Puffing Billy Railway รถไฟห้อยขา
ที่นี่ถือเป็นอีก 1 สถานที่ที่ผมประทับใจมาก ๆ และยังติดใจไม่หาย มาเมลเบิร์นก็ต้องมาย้อนวัย สมัยแฮรี่พอตเตอร์ นั่งรถไฟ ไปฮอกวอตส์ กับ Puffing Billy Railway หรือรถไฟห้อยขานั่นเอง อายุเก่าแก่ร้อยกว่าปีเลยครับ เหมือนหลุดเข้าไปในยุคนั้นจริงๆฟินมากๆ สำหรับใครที่ชอบรถไฟสมัยก่อน พร้อมกับชมวิวป่าเขา ข้างทาง และชาวบ้านก็โบกมือตลอดทาง น่ารักมากๆครับ
แต่เดี๋ยวนี้เค้าไม่ให้ห้อยขาแล้วนะครับ เห็นว่าก่อนหน้านี้มีอุบัติเหตุ
Location: >>คลิก<<
วันเวลาเปิดปิด : ทุกวัน เวลา 9:00–17:00
ตั๋วค่าเข้าชม : มี 2 เส้นทางให้เลือก ราคาเท่ากันคือ ผู้ใหญ่ $61 เด็ก $ 31.5 ทั้งขาไปและกลับ
การเดินทาง : สามารถนั่งรถไฟจากตัวเมือง จากสถานี Flinders Street Railway Station หรือจะขึ้นที่สถานีSouthern Cross ก็ได้แล้วแต่ว่าใกล้สถานีไหน ปลายทางที่สถานี Belgrave Station สุดสายปลายทางเลยครับ
St Kilda Pier
(ชมวิวพระอาทิตย์ตก และชมเจ้านกเพนกวิ้นที่ออกมาตามธรรมชาติแบบใกล้ชิด)
จุดนี้ถือเป็น Highlight ที่แปลกใหม่ สำหรับผมก็คือที่นี่ละครับ เพราะว่านอกจากจะมาชมพระอาทิตย์ตกแล้ว ก็ยังสามารถมาชมเจ้านกเพนกวิ้น ที่อาศัยอยู่ตามธรรมมชาติตามโขดหินที่สร้างขึ้นตรงท่าเรือ อีกด้วย ปกติเคยเห็นแต่ในสวยสัตว์ แต่นี่คืออยู่ตามธรรมชาติเลยครับ
วันเวลาเปิดปิด : ทุกวัน 24 ชม
Location: >>คลิก<<
เพื่อนที่เป็นชาวต่างชาติก็แนะนำและพามา เพราะใกล้ที่พักเค๊าด้วยเลยถือโอกาสแวะมาครับ
พอมาถึงก็เจอกับพระอาทิตย์ที่กำลังตก สวยงามาก ๆ พร้อมกับวิวทะเล ท่าเรือ หันไปอีกมุมเป็นฝั่งของเมือง คือมันคือภาพที่เหมือนฝัน เอาตรง ๆ บรรยายไม่ถูกเลยฮ่าาา
เจ้านกเพนกวิ้นก็จะเริ่มออกมาช่วงพระอาทิตย์ตกดินครับ คนก็เริ่มทะยอยมารอชม มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำต่าง ๆ เกี่ยวกับเจ้านกเพนกวิ้น น่ารักมาก ๆ ครับ
แต่มีข้อห้ามสำครับคนที่เข้ามาชม คือห้ามเปิดแฟลช หรือเปิดเสียงเวลาถ่ายรูปนะครับ ตอนกลางคืนก็จะถ่ายรูปยากหน่อย แต่ก็ยังได้อยู่ครับ
Brighton Bathing Boxes
สำหรับใครที่ชอบถ่ายรูปกับสีสัน สดใจ ก็ไม่ควรพลาดครับ สำหรับที่นี่ Brighton Bathing Boxes ถือเป็นอีกไฮไลท์ที่ต้องมานะครับ นั่งรถไฟออกมานอกเมืองแป๊บเดียวไม่นาน เพราะคุณจะได้รูปสวย ๆ กลับไปแน่นอน
Location: >>คลิก<<
วันเวลาเปิดปิด : ทุกวัน 24 ชม
ตั๋วค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง นั่งรถไฟจาก Flinders Street Railway Station ไปลงที่ สถานี Brighton Beach Station (ก่อนถึงจะมีสถานี North Brighton และ Middle Brighton ยังไม่ใช่นะครับ)แล้วก็เดินขึ้นสะพานข้ามทางรถไฟมาอีกฝั่ง แล้วก็เดินตรงไปที่ชายหาดครับ พอถึงชายหาดให้มองไปทางขวามือ ก็จะเห็นบ้านเป็นสีๆ เรียงตัวกันอยู่ครับ มาลงตรงนี้อาจจะเดินไกลนิดหน่อย แต่ไม่หลงแน่นอนครับ
เริ่มต้นโดยนั่งรถไฟจาก Flinders Street Railway Station ไปลงที่ สถานี Brighton Beach Station ต้องข้ามสะพานและเดินอีกซักพักประมาณ 1 กิโลนิด ๆ ครับก็แอบไกล แต่คุ้มครับเชื่อสิ เห็นมีรถบัสมาจอดลงที่นั่นเลยแต่ยังไม่ลองเช็คครับ หรืออาจจะลองนั่งรถบัสมาก็ได้ ชิวเหมือนกัน
ถึงแล้วครับผม หาง่ายมาก สีเด่นมาแต่ไกล นี่ขนาดมาเช้าแล้วคนยังเยอะอยู่เลย
บ้านหลังนี้พี่ที่รู้จักที่อยู่ที่นี่เล่าว่าเป็นบ้านที่ชาวประมงเอาไว้เก็บของ ต่อมาก็เริ่มการแต่งแต้มเติมสี เพื่อให้จดจำง่าย หรือบ้างก็ว่าไว้เป็นที่อาบน้ำ หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่สุดท้ายแล้วกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของที่นี่ไปซะแล้ว เพราะนอกจากสีสันสดใสแล้ว รอบ ๆ บนชายหาดก็สวยงามน่ามาพักผ่อน อีกทั้งยังเห็นวิวเมืองเมลเบิร์นแบบระยะไกลอีกด้วยครับ
พี่ที่รู้จักที่อยู่ที่นี่บอกว่าถ้ามาช่วงเช้าแดดจะกระทบฝั่งด้านหน้าพอดี แต่ถ้าตอนบ่าย ๆ ค่อนเย็น มันจะย้อนแสง เผื่อใครไม่อยากได้ภาพย้อนแสงแนะนำไปช่วงเช้านะครับ
เสียดาย วันนี้ฟ้าครึ้มอีกแล้วครับ ถ้าฟ้าใส คงจะถ่ายรูปสวยครับ เพราะบ้านสีสันสดใสเลยทีเดียว วันนี้คนก็เยอะครับ แต่ตรงนี้อากาศหนาวมากๆ ทั้งลม และฝนจะตก
ท่าน่ารักกันเชียว บวกกับความสดใสของบ้านด้านหลัง เข้ากั๊น เข้ากันเนาะ อิอิ
แต่พี่ที่มาทีหลังช่วงสาย ๆ ฟ้าเปิดกว่า ก็ได้รูปสวย ๆ กว่าตามนี้เลย อิจฉาเบา ๆ
แหล่งชอป และศูนย์รวมความอร่อย
หลังจากเราดูสถานที่ท่องเที่ยวของเมลเบิร์นกันมาแล้ว ตอนนี้เรามีดูแหล่งชอปปิ้ง ความอร่อยและกันดีกว่า อาหารที่นี่ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางเอเชีย แต่มีของอร่อยขึ้นชื่อก็จะเป็น ครัวซอง ของ Lune ครับ อันนี้ต้องไปลอง และก็กาแฟก็ขึ้นชื่อว่ารสชาติดีที่สุดของออสเตรเลียก็อยู่ที่นี่ครับผมลองมาแล้วดีทุกร้าน ทั้งแบบไม่เติมน้ำตาลและเติมน้ำตาลครับ ว่าแล้วไม่รอช้าตามมาดูกันเลยครับ ตามมาดูกันเลยครับ
Queen Victoria Market
ที่นี่ถือเป็นตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดของเมลเบิร์นเลยก็ว่าได้ จะคล้ายๆ ตลาดสดบ้านเรานะครับ ตลาดใหญ่ของเยอะดีครับ สด สะอาด ของราคาถูกมาก ๆ ยิ่งจำพวกผลไม้ หรืออาหารสด ยิ่งถูกครับ ผมกับพี่ซื้อกลับไปตุนเยอะเลย เพราะที่พักเรามีห้องครัวใหญ่มาก ๆ สามารถทำอาหารได้อย่างเต็มที่ เราก็ซื้อไปหลายอย่างเลย
Location: >>คลิก<<
การเดินทาง นั่ง รถราง สาย 55 ไปลงที่ ป้าย Queen Victoria Market/Peel St
วันเวลาเปิดปิด : หยุดเฉพาะวันจันทร์ และวันพุธ
วันอังคาร 6:00–14:00 วันพฤหัสบดี 6:00–14:00 วันศุกร์ 6:00–17:00 วันเสาร์ 6:00–15:00
วันอาทิตย์ 9:00–16:00
ส่วนช่วงที่เป็น Winter time ช่วงเดือนมิถุนายน -สิงหาคม ก็จะเป็น เทศกาล Winter night market จะเปิดช่วงเวลา กลางคืนด้วยครับ โดยปกติจะเปิดทุกวันพุธ เปิดเวลา 17:00 -22:00
ของสดถูกมาก ๆ ครับ ทั้งผักผลไม้ นี่ซื้อมาเยอะเลย ไม่รู้จะกินหมดหรือเปล่า ฮ่าาา
บริเวณในตลาดก็ จะมีรถขายโดนัท ชื่อดังจอดขายอยู่ที่ตลาดนี้ด้วยนะครับ แถวยาวเลย ก็เลยขอจัดซะหน่อย อร่อยดีครับ แต่ติดหวานไปนิด สำหรับคนที่ไม่ชอบหวานก็ผ่านเลยนะครับ ฮ่าาา ราคาก็ราว ๆ $2-$3 ต่อชิ้นครับ
ความโชคดีคือช่วงที่เรามาก็ตรงกับ ช่วง Winter time พอดีครับ เพราะตรงกับช่วงเทศกาล Winter night market จะเปิดเฉพาะปีละครั้งเท่านั้น สำหรับใครที่อยากมาซึมซับ และลองมาเดินตลาดกลางคืนที่นี่ไม่ควรพลาดครับ เพราะมีอาหารมากมาย สินค้าให้ชอปปิ้ง และมีดนตรีสด ดนตรีสนุกนานให้ชมกัน และแดนซ์กันอีกด้วย ผมนี่ก็อดใจไม่ไหว ขอเต้นไปยกนึงฮ่าาา
Chinatown Melbourne
ย่านนี้เป็นย่านที่ต้องมาครับ เพราะอาหารถูก ๆ จะอยู่แถวนี้ และก็ถูกปากคนไทยเป็นอย่างมาก ช่วงที่ผมไปก็มีแวะไปทานอยู่สองสามรอบครับ
เป็นเมืองที่อาหารถูกปากมากครับ อยากกินอาหารเอเชียประเทศไหนมีหมด ครับ บางทีก็หลงนึกว่าเดินอยู่ในเอเชีย ไม่เหมือนกับอยู่เมืองฝรั่งเลย หาของกินง่ายครับ ที่นี่ หลายร้าน ตามถนนเส้นหลักนี่เปิดกัน 24 ชั่วโมงเลยก็มี
Location: >>คลิก<<
ส่วนใหญ่เราก็จะเลือกกินแบบเป็นอาหารจานเดียว ตามร้านทั่วๆ ไปครับ ราคาจะอยู่ที่ 10-15 AUD วันหนึงซื้อกินอย่างมาก 2 มื้อครับ เพราะตอนเช้าก็กินอาหารที่พกมาจากเมืองไทยครับ ประหยัดไปอีกแบบ
ที่แนะนำก็มีสองร้านตามรูปครับ คือถูกและอร่อยมากครับ อย่างเช่นอาหารเวียดนามรสชาติถูกปากอย่างยิ่ง อร่อยยิ่งกว่าที่เวียดนามอีกครับฮ่าาา ถ้าเดินตามถนนในย่าน Chinatown ก็จะเจอครับ สองร้านนี้ หาไม่ยาก
ที่ร้านอื่น ๆก็จะมีร้านเกาหลี ที่ไปกินมา อยู่ใกล้ ๆ กับ ย่าน ตลาดควีนส์ วิกตอเรีย เหมือนกัน ร้านนี้ก็อร่อยครับ
ได้บรรยากาศเกาหลี ๆ อีกแบบ
เก็บตกอาหารอื่น ๆ ที่น่าสนใจ และโด่งดังของที่นี่
ย่านนี้ถือเป็นย่านร้านกาแฟที่โด่งดังมากๆ ครับ เป็นแหล่งรวมกาแฟนั่นเอง สำหรับใครที่คอกาแฟ ก็ไม่พลาดสำหรับย่านนี้นะครับ มีหลายร้านให้เลือกไปจนสุดซอยเลย Location เดินหาไม่ยากครับ แถว ๆ Flinders Street Railway Station เลย
อีกอย่างถ้ามาเมลเบิร์นแล้วต้องลอง คือ ครัวซอง Lune ครับ อร่อยมากชนะเลิส กรอบนอกนุ่มใน เครื่องแน่น ทั้งนอกและใน แอลมอนต์เรียงกันแน่นเป็นตับ
Location: >>คลิก<<
DFO Outlet
มานี่ก็ต้องมาช๊อปละนะครับ ผมว่าของถูกอยู่นะจากที่เดินดูหลายๆ ร้าน เจอเสื้อผ้าถูกใจเยอะ แต่ดันมีแต่ไซต์ใหญ่ๆ ซะงั้น สินค้าแบรนด์ เยอะมาก ๆ ครับ ราคาก็ถูกว่าหน้าร้านแน่นอน สำหรับขาชอป ก็ตามพิกัดมาได้เลยจ้าาา
Location: >>คลิก<<
วันเวลาเปิดปิด : ทุกวัน เวลา 10:00–18:00 เฉพาะวันศุกร์ เวลา วันพุธ 10:00–21:00
การเดินทาง นั่ง City Circle Tram ไปลงที่ ป้าย Spencer Street จากนั้นก็หันซ้ายเดินข้ามสะพานไปครับ แต่ Hostel เราอยู่ตรงหน้าป้ายเลยก็เลยชิวเลยครับอิอิ จากนั้น ข้ามสะพามแล้วจะเจอ Crown Casino อยู่ซ้ายมือ แต่ DFO จะเดินไปทางขวามือครับ เดินเรียบแม่น้ำ Yarra ไปเรื่อยๆ ก็จะเจอครับ มีป้ายบอกครับ หรือไม่ก็เดินตามคนไปได้เลย คนเดินเยอะครับ
เมื่อเดินข้ามสะพานมาเรื่อย ๆ ก็จะเจอนี่เลยครับ คาสิโน ใครที่ชอบเล่นก็ไม่ควรพลาดนะครับ
The City and Around
ย่านนี้ก็จะเป็น สถานีรถไฟกลาง Melbourne Central station ด้านบนก็จะเป็นโดมสวย ๆ ให้ถ่ายรูป และก็จะมีนาฬิกาที่มีเสียงดังกังวาล บริเวณดังกล่าว เห็นพี่เค๊าบอกว่าจะมีเจ้าตัวตุ๊กตาโผล่ออกมาด้วยเวลามีเสียง แต่เราไม่เจอเลย น่าจะรอบหน้ามั๊งครับ ฮ่าาา
เป็นห้าง H&M ที่ยิ่งใหญ่สวยงามมาก ๆ ว่าแล้วไปชมบรรยากาศในเมืองกันต่อครับ
เดินทางกลับเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ
ได้เวลากลับแล้ว บอกตรง ๆ ว่าอยากอยู่ต่ออีกซัก สองสามวัน ฮ่าาา แต่ก็ต้องกลับไปทำงานนะครับ กลับไปทำงานที่เรารักกัน อิอิ
เราเดินทางกลับรอบนี้ไม่โดนยกเลิก ในใจก็อยากให้โดนนะจะได้อยู่ต่อฮ่าาา ก็สบายหน่อยครับ บินตรง เมลเบิร์น >> กรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ ด้วยสายการบิน Jetstar เช่นเคยครับ แบบไม่ต้องต่อเครื่อง นั่งชิวยาวเลยครับ
เช่นเคยครับเราเดินทางจากกลับโดย Sky Bus จากสถานี Southern Cross ยิงยาวลงสนามบินเมลเบิร์นเลย ส่วนราคาขากลับเท่าเดิมครับ $19
จุดเช็คอินที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบออนไลน์นะครับ แต่ให้ชัวร์ ๆ ก็ควรจะเช็คอินกับเจ้าหน้าที่ดีกว่าครับ
ได้เวลากลับแล้วครับ สำหรับทริปนี้เป็นทริปที่ประทับใจมาก ๆ ตื่นตาตื่นใจกับสถานที่ท่องเที่ยวที่สวย ๆ แปลก ๆ ใหม่ ๆ หลากหลายที่ ที่พักที่ดีงาม สะอาด สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาหารที่มีหลากหลาย ถูกปากคนเอเชียอย่างเรามาก ๆ และได้เจอเพื่อนต่างชาติที่รู้จักกันพาขับรถเที่ยว ถือเป็นทริปที่ดีงามพระรามแปดอีกทริปครับ อีกอย่างยิ่งได้ตั๋วราคาถูก ๆ จ่ายเงินผ่านบัน TMB all Free แบบไม่เสียค่าธรรมเนียมก็ยิ่งทำให้ทริปนี้ประหยัดไปอีก
สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะมาเที่ยว หรือกำลังลังเล มาเถอะครับ เมืองนี้เป็นเมืองที่ต้องมาซักครั้งในชีวิต ได้เวลาอำลาไปแล้ว เจอกันใหม่ทริปหน้าครับ
สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้ จะบอกว่าเป็นทริปที่ประหยัดมาก ๆ ครับ ต่อคนอยู่ที่ 18,327 บาท รวมทุกอย่างแล้ว
-ค่าเครื่องบินไปกลับ Jetstar +ค่าตัดบัตร ต่อคน 3681 บาท (ได้โปรโมชั่น 0 บาท รวม VAT)
-ค่าซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม 20 กิโลกรัม ไปกลับต่อคน 2590 บาท
-ค่าเดินทางไปกลับ สนามบิน โดย Sky bus 859 บาทต่อคน
-ค่าบัตร Myki พร้อมเติมเงิน 645 บาทต่อคน
-ค่าที่พัก Melbourne Central YHA ห้องส่วนตัว 5282 บาทต่อคน
-ค่า Road trip Great Ocean road รวมค่าอาหาร และแชร์ค่าน้ำมัน 957 บาท ต่อคน
-ค่ารถไฟห้อยขา ต่อคน รวมทั้งขาไปและขากลับ 1313 บาท
-ค่าอาหาร ของกินเครื่องดื่มเฉลี่ยรวมต่อคน 3000 บาท
***ทริปนี้ค่อนข้างประหยัดค่ากินเพราะเราพกอาหารกึ่งสำเร็จรูป เวฟแล้วกินได้เลยจากไทยไปด้วย ซื้ออาหารมื้อหลักด้านนอกแค่วันละมื้อครับ มื้อเช้ามื้อเย็นเราก็ทำอาหารกันกินจากของที่เราพกมาจากไทย
รวมค่าใช้จ่าย 18,327 บาท
รีวิวอื่นๆ
1.รีวิวเที่ยวเกาะช้าง 3 วัน 2 คืน พักที่ Sea View Koh Chang
2.10 สถานที่ท่องเที่ยว”ซิดนีย์” ห้ามพลาด!!
3.Shanghai Disneyland พาเที่ยวจัดเต็ม 2 วัน พร้อมเทคนิค เล่นยังไงให้ไม่พลาด