เที่ยวปีนัง มาเลเซีย 4 วัน 3 คืน ขึ้นเขา Penang Hill ไปท้าทายความกล้าที่ The Top รับรองว่าครบในทริปเดียว
ในที่สุดเราก็ได้มาปีนัง เมืองที่มองไปทางไหนก็มีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปเต็มไปหมด ปีนังตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมาเลเซีย มีเมืองหลวงชื่อ “จอร์จทาวน์” (George Town) มีการผสมผสานหลายเชื้อชาติและศาสนา เราเที่ยวกัน4วัน3คืน บอกได้เลยว่าเป็นอีกเมืองที่น่ารักจนอยากกลับไปอีกเลยทีเดียว
สำหรับทริปนี้เราจะพาเพื่อนๆไปขึ้น Penang hill ไปดูวัดที่สวยงาม ไปเล่นเครื่องเล่นที่ชวนหวาดเสียวที่ The Top กิจกรรมมากมายที่นี่ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีอะไรทำระหว่างมาพักผ่อนที่นี่ สนุกแน่นอนครับทริปนี้ การเดินทางส่วนใหญ่แนะนำให้ใช้ Grab car เพราะสะดวกมาก ราคาไม่แพง เรื่องอาหารการกินไม่ต้องห่วงเลยครับอาหารที่นี่รับรองว่าถูกปากแน่นอน อร่อยมาก ไม่ต่างจากบ้านเราเลย มีหลากหลายมาก ราคาไม่แพงด้วยครับ ในช่วงเวลา 4วัน3คืน ตั้งแต่วันที่ 2-5 ก.ย. 2562 ซึ่งช่วงที่ไปเที่ยวเป็นช่วงฤดูฝน อาจจะมีฝนตกเป็นบางวัน แต่ก็สามารถเที่ยวได้สบายๆครับ ค่าเงินในช่วงที่เราไป 1 ริงกิต จะประมาณ 7.3 บาท เวลาที่เมืองปีนังจะเร็วกว่าที่ไทย 1 ชั่วโมงนะครับ
#ปีนังฉันรักเธอจัง #รักนี้ที่ปีนัง เที่ยวปีนัง
-
วันเดินทาง 2-5 September 2019
DAY 1 (2 September)
- Chew Jetty
- Street Art
- 2f+ Coffee Roastery Georgetown
- Yong Pin Restaurant
Day 2 (3 September)
- Paranakan Mansion
- วัดเจ้าแม่กวนอิม
- China House
- Ton Soon Cafe
- Thai Pak Koong Temple Tanjung Tokong
Day 3 (4 September)
- Penang Hill
- The Top @Komtar Tower
- Auto mall
Day 4 (5 September)
- Kek Lok Si Temple
*** สรุปค่าใช้จ่ายอยู่ตอนท้ายของรีวิวนะครับ
สำหรับการเดินทางจากไทยไปปีนัง เราเลือกบินกับสายการบิน แอร์เอเชีย บินตรง ดอนเมือง-ปีนัง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.50 น.
รายละเอียดไฟล์ทเดินทาง
- ไฟล์ทขาไป ดอนเมือง-ปีนัง : FD403 10.50-13.35
- ไฟล์ทขากลับ ปีนัง-ดอนเมือง : FD404 14.00-14.45
Sim Net สำหรับทริปนี้
เดินออกมาจากจุดรับกระเป๋าเราก็จะเจอShop ขายSim Net เราเลือกใช้บริการซิมเน็ตของ Hot Link ราคาจะอยู่ที่ 25ริงกิต ในราคานี้เราจะสามารถเลือกได้ระหว่างจะใช้โซเชียลแบบ Unlimited หรือ จะใช้ Chat แบบ Unlimited และมีให้อีก 1.8 GB สำหรับใช้นอกเหนือจากนี้ แต่ต้องบอกเลยว่าอย่าคาดหวังว่าเน็ตที่นี่จะแรงมากนะครับ เพราะจากที่สอบถามเพื่อนๆ เน็ตจะไม่ต่างกันมากในแต่ละเครือข่าย ให้เราดูที่แพ็คเกจที่คุ้มที่สุดดีกว่า เอาเป็นว่าใช้ในการเดินทางของทริปนี้ได้สบายๆ
การเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองแนะนำให้ใช้บริการรถบัสเข้าตัวเมือง ราคา 2.7 ริงกิต แต่ต้องเตรียมเงินให้พอดีนะครับเพราะเค้าจะไม่ทอน นั่งประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงตัวเมือง รถจะมาจอดสุดสายที่ Prangin Mall จากนั้นให้เรียก Grab เพื่อไปโรงแรมนะครับ ไม่แนะนำให้เรียกแท็กซี่บริเวณนั้นเพราะราคาแพงกว่ามาก หรือใครสะดวกจะเรียก Grab จากสนามบินไปที่โรงแรมเลยก็ได้ครับ ที่นี่ค่า Grab ไม่แพงมาก
ROYAL PENANG HOTEL
เราพักที่โรงแรม Royal Penang Hotel เป็นเวลา 3 คืน นะครับ เป็นห้องพักสำหรับสองคน รวมอาหารเช้า ตั้งอยู่ใกล้กับจอร์จทาวน์ด้วย สิ่งที่โรงแรมนี้เด็ดคือลิฟท์ครับ ฮ่าๆ เราพักอยู่ชั้น10 จากชั้น 1 มาถึงชั้นที่เราพัก นับ 1 ถึง 3 ก็ถึงเลยครับ ไวมากจริงๆ ตกใจทุกครั้งที่ขึ้นลิฟท์ที่นี่เพราะไวมาก ฮ่าๆ
ในห้องพัก มีเตารีดให้ด้วยนะครับ อุปกรณ์เครื่องใช้เพรียบพร้อมเลย ทริปนี้ไม่กลัวเสื้อยับ
*** สำหรับที่มาเลเซีย เราต้องจ่ายภาษีนักท่องเที่ยวที่โรงแรมเพิ่มอีก เพราะจะไม่รวมมาในราคาห้องที่จองมานะครับ ซึ่งโรงแรมนี้เราจ่ายเพิ่มอีก 39 RM สำหรับ 2 คน 3 คืน
หมู่บ้านชาวประมง Chew Jetty
หลังจากเช็คอินเก็บของเรียบร้อยแล้ว เราออกมานั่งเล่นเดินชมวิวกันที่ หมู่บ้านชาวประมง ซึ่งที่นี่จะมีร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนน้ำ บรรยากาศตอนเย็นดีมาก ท้องฟ้าสวยตัดกับน้ำใส มานั่งเล่นได้ชิลล์ๆเลย กิจกรรมส่วนใหญ่ก็มานั่งเล่นคุยกัน มาถ่ายรูปครับ
City of Art
ต้องบอกเลยว่าเมืองนี้มองไปทางไหนก็มีแต่ศิลปะให้ได้เห็นตามตึกมุมต่างๆมากมาย เราพกแผนที่มาด้วย เดินไล่ล่าหา Street Art กันสนุกเลย แต่ละจุดเราสามารถเดินถึงกันได้เลย เพราะไม่ไกลกันมาก สมกับเป็นเมืองแห่งศิลปะจริงๆครับ มุมถ่ายรูปเต็มไปหมด
ตึกรามบ้านช่อง สวยงามเดินเล่นเพลินๆเลยครับ
เดินมาหน่อยเราเจอร้านกาแฟบรรยากาศดี 2f+ Coffee Roastery Georgetown กาแฟที่นี่รสชาตดีมากเลยครับ เหมาะจะมานั่งทำงานนั่งพักให้หายเหนื่อย แล้วออกไปเที่ยวกันต่อได้เลยครับ
Yong Pin Restaurant
มื้อค่ำวันแรกเรามาฝากท้องกันที่ Yong Pin Restaurant เราเดินเข้ามาในเมืองเลยมาเจอกับร้านนี้เข้า เห็นคนเยอะเลยคิดว่าต้องอร่อยแน่ๆ ซึ่งร้านนี้จะเปิดให้บริการตอนดึกๆเท่านั้น ติ่มซำที่นี่อร่อยมากเลย แล้วก็ราดหน้าด้วย เหมือนที่ไทยเลยครับ ไม่ต้องปรุงเลย เรากินกันไปเยอะมาก หมดไป 48 RM
DAY 2 (3 September)
เราเริ่มต้นวันนี้ที่ทานอาหารเช้าที่โรงแรมโยเกิร์ตที่โรงแรมอร่อยมากครับ ผมไม่เคยพลาดสักวัน ส่วนอาหารอื่นๆก็แล้วแต่ชอบครับ ก่อนออกจากโรงแรมเราเช็คแล้วว่าวันนี้ฝนตกแน่ๆ แต่ตอนออกจากโรงแรมมีแสงแดดแต่ก็สบายใจได้แปปเดียว เราเรียก Grab ไปที่ Paranakan Mansion พอไปถึงฝนตกลงมาหนักเลยครับ เราเลยได้ใช้เวลาที่นี่นานพอสมควร
Paranakan Mansion
เป็นบ้านเก่าที่นำมารีโนเวทใหม่ เคยใช้เป็นที่รับแขกบ้านแขกเมืองด้วยนะครับ ที่นี่มีไกด์คอยให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติต่างๆตลอดเวลา มีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน เรายู่ที่นี่กันค่อนข้างนานเลยเพราะข้างนอกฝนตกด้วย เลยได้ถ่ายรูปที่นี่เพียบเลย สวยทุกมุมเลย
พอฝนหยุดตก เราจึงเริ่มเดินเที่ยวกันต่อ จนไปเจอกับ วัดเจ้าแม่กวนอิม เดินมาไหว้ขอพรเป็นศิริมงคลกันได้เลยครับ วัดนี้มีนกพิราบเต็มไปหมด มาสบัดกระโปรงถ่ายรูปกับนกที่นี่ได้เลยครับ
ขอให้รวย ขอให้มีงานเข้ามาเยอะๆ ขอให้มีความรักที่ดี ขอให้สุขภาพแข็งแรง ขอให้มีความสุข ขอให้โพสต์ปังๆ คนชอบเยอะๆ สาธุ
คาเฟ่ China House
เราเลือกคาเฟ่นี้เป็นที่ฝากท้องสำหรับมื้อเที่ยงของวันนี้ ร้านนี้มีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ขนมเค้ก ครบเลย บรรยากาศน่ารัก อบอุ่น เหมาะกับการหลบแดดหลบฝนพักร้อน คนเข้าออกตลอดเวลา ถึงว่าเค้าถึงแนะนำให้มาร้านนี้กัน แต่ราคาก็ใช้ได้เหมือนกันครับ มื้อนี้เราสั่ง สลัดผัก ขนมเค้กสองชิ้น กาแฟสองแก้ว หมดไป 97 RM ฮ่าๆๆ แต่อร่อยทุกอย่างครับ
Ton Soon Cafe
เดินกันสักพักเราก็ไปต่อกันที่ร้านกาแฟโบราณ อยู่ในตรอกเล็กๆ แต่คนเข้าออกตลอดเวลา ถือว่าเป็นร้านดังเหมือนกันนะครับร้านนี้ กาแฟก็คือโอเลี้ยงเลยครับ หวานเจี๊ยบ เราสั่งขนมปังปิ้งทาสังขยา กับขนมปังไข่ลวก มาทานด้วย เพิ่มพลังหลังจากเดินมาทั้งวัน เสร็จแล้วเราก็เรียก Grab กลับโรงแรมไปพักกันสักพัก
วันนี้เราได้เพื่อนใหม่ที่ปีนัง เค้าพามาทานอาหารมื้อค่ำ เพื่อนบอกว่าที่นี่เป็นร้านที่คนพื้นนี่ชอบมาทานกัน แต่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยรู้ โชคดีมากเลยที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่ได้ทานอาหารอร่อยๆ แล้วมื้อนี้เราได้ทานฟรีด้วยน่ะสิครับ ฮ่าๆๆ ดีตรงนี้แหละ นั่งคุยกันสอนภาษาไทยให้เค้าด้วยครับ แต่พูดออกสื่อไม่ได้จริงๆ ฮ่าๆ
อาหารที่นี่รสชาติดีครับ อันที่เหมือนผัดไทวางบนใบตองนั้น ที่นี่เรียกว่าก๋วยเตี๋ยว รสชาติเหมือนผัดไทเลยครับ ส่วนของNoodle นี้รสชาติเหมือนแกงส้มครับ คล้ายๆเลย มีสามชั้นให้มาเป็นแผงเลย ส่วนของหวานนี่ สดชื่นมาก หอมนมมาก มีกลิ่นหอมๆของอะไรสักอย่าง ผมอธิบายไม่ถูก ฮ่าๆๆ แต่เรียกว่าอร่อยมากครับ อยากให้ไปลอง
THAI PAK KOONG TEMPLE TANJUNG TOKONG
หลังจากมื้อค่ำ เพื่อนที่ปีนังพาเรามาที่วัดไทย ซึ่งขับมาถึงเหมือนมีงานวัดเลยครับ แต่พอลงจากรถเราถึงกับว้าวให้กับแสงไฟที่ประดับไปทั้งวัดเลย วัดนี้ติดกับทะเลเลย ได้ยินเสียงคลื่นซัดชายฝั่ง ยืนดูไฟเพลินเลยครับ นึกถึงหนังเรื่อง อวตาร เลย
หลังจากเดินชมเราก็กลับโรงแรมกันครับ
DAY 3 (4 September)
ตื่นแต่เช้า วันนี้เราจะไปกันที่ Penang Hill กันครับ โชคดีที่วันนี้ฝนไม่ตก แต่ว่าหมอกหนามากเลย ผมไม่แน่ใจว่าหมอกหรือควันที่ลอยมาเป็นประจำในช่วงนี้นะครับ ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำเป็นการเดินชมธรรมชาติ ชื่อว่า The Habitat ซึ่งอากาศข้างบนดีมาก ไม่ร้อนเลย เหมือนยืนอยู่บนก้อนเมฆเลยครับ
ค่าขึ้น ตั๋วไปกลับราคา 30 RM สำหรับแบบธรรมดา แต่ถ้าใครรอไม่ไหว มีแบบ Fast Lane ด้วยนะครับ ก็จะได้จองที่นั่งชมวิวสวยๆก่อนคนอื่นเลย
สำหรับการขึ้นไปบน Penang Hill จะมีบริการรถราง ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาขึ้นประมาณ 7 นาทีเท่านั้น ขับไวมากเลย วิวข้างทางสวย ชมเพลินเลยครับ
ขึ้นมาด้านบน สามารถชมวิวเมืองได้เลย แต่วันที่เรามาหมอกหนามากครับ ผมเลยไม่ได้ชมวิวเมืองเลย น่าเสียดายมาก แต่ธรรมชาติด้านบนนี่สมบูรณืมาก เย็นสบายเลยครับ
THE HABITAT @PENANG HILL
บนปีนั่งฮิลล์ จะมีอีกจุดที่น่าสนใจเลยครับ เดินชมธรรมชาติบนสะพานสลิง ยาวมากเลยครับ แต่ในส่วนนี้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะครับ อยู่ที่ 190RM แต่คุ้มกับราคามากเลยครับ เพราะสวยงามจริงๆ ในระหว่างที่เดินมีสัตว์ป่าตัวเล็กออกมาให้เห็นเป็นระยะ เราได้เห็นลิงหน้าตาแปลกๆด้วยครับ น่ารักมาก
Curtis Crest Treetop Walk
เราเดินมาจนถึงจุดไฮไลท์ของที่นี่ Curtis Crest Treetop Walk ที่เราสามารถเดินชมวิวด้านบนได้ จุดนี้แหละครับที่เหมือนเราได้เดินบนก้อนเมฆเลยครับ ฟินมาก อากาศบริสุทธิ์ หายใจเต็มปอดจริงๆ เราใช้เวลากันที่จุดนี้นานเลยครับ แต่สักพักเมฆก็มาใหญ่เลยครับ มาพร้อมฝนนี่สิ
เป็นอีกสถานที่ ที่อยากแนะนำให้มากันนะครับ ถ่ายรูปสวย อากาศดีด้วย แต่วันที่เรามาอากาศค่อนข้างปิด มองไม่ค่อยเห็นวิว แต่เดินบนเมฆฟินมากครับ ความฝันวัยเด็ก ฮ่าๆๆ เสร็จจากนี้เราก็นั่งรถรางกลับ แต่ขาลง จะมองเห็นวิวเมืองตอนที่เราอยู่บนรถรางด้วยครับ แต่อย่างที่ผมบอกคือ วันนี้อากาศปิดจริงๆ น่าเสียดายมากเลย
THE TOP @KOMTAR TOWER
หลังจากลงจากเข้าเราเรียก Grab เข้าเมืองมาที่ตึก The Top ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในปีนัง เป็นจุดชมวิวเมืองอีกจุดที่สวยงามมาก โดยที่นี่จะมีกิจกรรมให้เราได้เล่นมากมาย เริ่มกันเลยนะครับ
RAINBOW SKYWALK AND OBSERVATORY DECK
- ค่าขึ้น 68 RM
ในส่วนแรกเลยที่เราเข้ามาถึง จะต้องขึ้นมาที่ชั้น 65 เรียกว่า Observatory Deck เข้ามาถึงเจ้าหน้าที่จะเปิดหนังสั้นเกี่ยวกับประวัติให้เราดูก่อน หลังจากที่ฉายจบ จอภาพจะค่อยๆเปิดออกให้เห็นวิวของปีนัง สวยมาก พูดแล้วยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้อยู่เลยครับ มันว้าวมาก
เมื่อเดินออกมาจากห้องฉายหนัง ก็มีส่วนที่เป็นพื้นกระจกใสให้เราทดสอบความกล้าเล็กน้อยครับ ใครกลัวความสูงต้องมีใจสั่นบ้างแหละ เชื่อเลย
แล้วมาต่อกันที่ Rainbow Skywalk คือการเดินชมวิวบนพื้นกระจกใสเป็นรูปตัว U ยื่นออกจากตัวตึก มองลงไปแล้วใจเต้นแรงมากครับ ฮ่าๆๆ ในส่วนนี้จะอยู่ที่ชั้น 68
THE GRAVITYZ
มาต่อกันที่กิจกรรมที่ใครมาที่นี่ก็ควรที่จะลองเล่นกันครับ เพราะว่ามันท้าทายเรามาก ตื่นเต้นมากๆ โดยกิจกรรมนี้จะอยู่ที่ชั้น 65 เป็นการให้เราเดินภายนอกตัวอาคาร ที่ชั้น 65 แล้วยังมีกิจกรรมฐานให้เราพิสูจน์ความกล้าของเราด้วย ใครกลัวความสูงมาลองเอาชนะความกลัวที่นี่ได้เลยครับ เพราะปลอดภัยมีเทรนเนอร์คอยดูแลเราตลอดเวลา ราคาของเครื่องเล่นจะอยู่ที่ 149RM
หลังจากสวมอุปกรณ์จนพร้อมแล้ว เทรนเนอร์ก็จะพาเราไปเริ่มเล่นในแต่ละฐาน ซึ่งมีทั้งหมด 6 ฐานนะครับ
หลังจากเสร็จกิจกรรม เราไปทานมื้อค่ำกับเพื่อนชาวปีนัง โดยเพื่อนพาเราไปทาน Street food ความรู้สึกตอนไปถึง ผมนึกถึง เยาวราชบ้านเราเลยครับ แบบนั้นเลย ไปนั่งตามร้านที่เราอยากทาน แล้วสั่งร้านนั้นร้านนี้มาทาน อร่อยมากครับ มีทั้งบะหมี่แห้ง ก๋วยเตี๋ยวที่มีน้ำซุปรสชาติมีกลิ่นผงกะหรี่ด้วย ทุกอย่างมาแบบไม่ต้องปรุงเพิ่มเลยครับ ลูกชิ้นทอด น้ำจิ้มเค้าอร่อยดีครับ ผมอธิบายไม่ถูก ฮ่าๆ มีขนมตบท้ายเป็นเหมือนเครปแผ่นเล็กๆ เอาเป็นว่ามื้อนี้ อร่อยจังตังอยู่ครบเลยครับ คนปีนังใจดีน่ารักมาด้วย
หลังจากอิ่มกันเป็นที่เรียบร้อย เราไปต่อกันที่ Auto mall เป็นย่านที่วัยรุ่นจะมาพบปะสังสรรค์กันยามค่ำคืน งานดีดีที่นี่เพียบ ใครชอบนอนดึกๆ มานั่งเล่นเพลินๆเลยครับ แล้วยังสามารถเดินเล่นริมหาดได้ด้วยซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นทะเลนั่นเองครับ ลมเย็น ไม่เหนียวตัวเลย
เที่ยววันที่ 4 วันสุดท้ายที่ปีนัง
วันนี้เราตื่นแต่เช้าหน่อย เพราะมีอีกที่ที่เราไม่ควรพลาด หลังจากทานมื้อเช้าที่ โรงแรมกันแล้ว เราเรียก Grab จากโรงแรมตรงไปยัง Kek Lok Si Temple
KEK LOK SI TEMPLE
วัดนี้ตั้งอยู่บนเขานั่งรถออกมาแปปเดียวก็ถึงแล้วครับ เป็นวัดสไตล์จีน สวยงามมากครับ บรรยากาศดี รู้สึกสบายใจตั้งแต่มาถึงเลย ไหว้พระขอพรกันไปครับ
บรรยากาศภายในวัด
หลังจากเราชมบรรยากาศกันจนอิ่มแล้ว เรากลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม เช็คเอาท์โรงแรม แล้วเรียก Grab เพื่อไปกันที่สนามบิน เพื่อบินกลับไทยกัน ไฟล์ทขากลับ เราบินของแอร์เอเชียเหมือนเดิมครับ
ทริปนี้ เป็นอีกทริปที่ผมประทับใจมาก การได้มาเมืองนี้มันทำให้ผมได้คิดถึงอดีตอะไรหลายๆอย่าง คนที่นี่น่ารักใจดีกับพวกเรามาก ค่าใช้จ่ายค่าเดินทางรวมๆแล้วไม่แพงมาก เมืองก็สวยงาม มองไปทางไหนก็น่ามองไปหมด วันนึงผมคงกลับไปที่ปีนังอีก ไม่ว่ายังไง ผมอยากชวนเพื่อนๆไปเที่ยวที่นี่กัน เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆเลยครับ คิดถึงมากเลย “ปีนัง”
สรุป ค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายทริปนี้ขอสรุปแบบไม่รวมราคาตั๋วเที่ยวบินนะครับ ลองดูช่วงที่มีโปรโมชั่นจะได้ในราคาที่คุ้มมาก ก็จองกันเลยนะครับ ค่าใช้จ่ายจริงๆจะหนักไปที่ค่าเครื่องเล่นและกิจกรรมซะส่วนใหญ่ ค่ากินค่ารถเดินทางอะไรไม่แพงเลย เราสามารถเลือกได้เลยว่าอยากเล่นกิจกรรมอะไรกันบ้าง อยากลองแบบเราก็ถือว่าจัดเต็มกันไปเลยครับ คุ้มค่าที่ได้มา
***ราคานี้ไม่รวมตั๋วเครื่องบินนะครับ
***ทริปนี้เราไปกันสองคนนะครับ ค่าใช้จ่ายที่คิดเป็นเงินไทยผมคิดเป็นต่อคนนะครับ
รีวิวอื่นๆ
1.รีวิวพาเที่ยวอินเดีย 3 เมือง ชัยปุระ, จูดห์ปุระ, อากรา 6 วัน 5 คืน
2.รีวิวเที่ยวญาจาง NHA TRANG เวียดนาม 5วัน 4คืน พาตะลุย VINPEARL LAND
3.รีวิวลุยเดี่ยว พาไปขึ้นบอลลูน ที่ตุรกี ณ เมืองคัปปาโดเกีย CAPPADOCIA