รีวิวการนั่ง Business Class การบินไทย ไปญี่ปุ่น (สุวรรณภูมิ-นาริตะ)

 


รีวิวการนั่ง Business Class การบินไทย ✈️ไปญี่ปุ่น (สุวรรณภูมินาริตะ )

 

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะขอรีวิวการนั่ง Business Class การบินไทยไปญี่ปุ่นครั้งแรกของผมเลยนะครับ

Business Class การบินไทยจะใช้คำว่า Thai Royal Silk นะครับ โดยไฟล์บินที่ผมบินไปครั้งนี้คือ ไฟล์ทจากสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯนาริตะประเทศญี่ปุ่น แต่ไม่ได้เที่ยวแถวนาริตะ และโตเกียวนะครับ เพราะรอบนี้มีแผนไปเที่ยวเมืองเซนได ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) ซึ่งภูมิภาคนี้ก็ขึ้นชื่อในเรื่องของธรรมชาติที่สวยงาม จนได้ขนานนามว่าเป็นภูมิภาคแห่งต้นไม้นั่นเองครับ 

แต่เร็ว ๆ นี้ การบินไทยจะมีเปิดบินสู่เซนได 29 ตุลาคมนี้ครับก็เท่ากับว่าใครที่จะมีแผนจะไปเที่ยวเมืองเซนไดหรือรอบๆก็สามารถบินตรงลงเซนไดได้เลยไม่ต้องต่อรถไฟหลายต่อถือว่าสะดวกมากๆครับ

ข้อมูลการเดินทาง (ส้นทางกรุงเทพฯเซนได)

การบินไทยทำการบิน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ตามตารางการบิน ดังนี้

      ✈️ เส้นทางกรุงเทพฯเซนได เที่ยวบินที่ ทีจี 626 ทำการบินทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์

ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลา 23.59 . เดินทางถึงเซนได เวลา 07.40 . ของวันรุ่งขึ้น (เวลาท้องถิ่น)

       ✈️เส้นทางเซนไดกรุงเทพฯ เที่ยวบินที่ ทีจี 627 ทำการบินทุกวันพุธ ศุกร์ และอาทิตย์

ออกเดินทางจากเซนได เวลา 11.15 . (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึงกรุงเทพฯ เวลา 16.05 .

ทั้งนี้ ผู้โดยสารสามารถสำรองที่นั่ง และตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ http://www.thaiairways.com  

สำนักงานขายการบินไทย หรือตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือ THAI Contact Center โทร 0-2356-1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง)


 หลังจากบอกข่าวดีก็กลับมาที่รีวิวของเรากันต่อครับฮ่าาา 

รีวิวการนั่ง Business Class การบินไทย ✈️ไปญี่ปุ่น (สุวรรณภูมินาริตะ )

ครั้งแรกก็ประทับใจมาก ๆ ครับ คือ Full service มากครับ สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์เสริมต่างๆ หมอน ผ้าห่ม รองเท้ารำลอง เซทล้างหน้าแปรงฟัน ของ Mandarina duck , จอสำหรับ ดูหนัง ฟังเพลง หูฟัง ที่ชาร์ทแบต ที่นั่ง กว้างมาก สามารถปรับนอนได้ และปรับได้หลากหลายมากครับปรับเฉพาส่วนหัว หรือส่วนขา หรือจะส่วนเฉาะหลัง ให้นวดก็ได้ ดีงามมากครับนอกจากนี้ยังมีอาหาร เครื่องดื่ม ที่สั่งได้ตลอด และอาหารเช้าที่จัดให้เซทใหญ่ไฟกระพริบมากๆ  รสชาติอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว

สิทธิพิเศษที่ผู้โดยสารชั้น Business class ของการบินไทยที่จะได้รับมีดังนี้ครับ

  1. ที่นั่งมีความกว้างสบายมากขึ้น ได้รับบริการที่เหนือระดับตลอดการเดินทาง
  2. น้ำหนักกระเป๋า 40-50 kg. 
  3. สามารถเข้าเลาจน์ได้
  4. สามารถขึ้นเครื่องได้ก่อน
  5. รับไมล์สะสม 125%
  6. สิทธิพิเศษต่างๆในเครือStarAlliance เช่นเข้าเลาจน์ในเครือได้  ฯลฯ

 

ว่าแล้วก็มาเริ่มต้นการเดินทางไปพร้อม ๆ กันดีกว่าครับ

ผมเดินทางด้วยเที่ยวบินเที่ยวบิน TG642  (Airbus 330) เวลา 23:50-12:00(ตามเวลาท้องถิ่น ญี่ปุ่นเร็วกว่าบ้านเรา 2 ชั่วโมงครับ)

เมื่อมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ให้ขึ้นมาชั้น3 และเดินตรงมาที่ Counter A  จะอยู่ริมสุดซ้ายมือหลังจากก้าวเข้าประตูสนามบินชั้นเชคอิน  และไม่ต้องต่อคิวให้วุ่นวายครับ ที่นี่จะมีจุดเชคอินเฉพาะของชั้น ชั้น Frist Class กับBusiness Class และจะมีที่กันให้เป็นจุด Private เข้าได้เฉพาะผู้มีตั๋วดังกล่าวสะดวกมากๆครับ

สบายใจเลยครับไม่ต้องต่อคิวและไม่ต้องกลัวตกเครื่องด้วย

จากนั้นก็เดินไปช่องตรวจพาสปอร์ตช่องพิเศษ ที่มีไว้ให้เฉพาะผู้โดยสารชั้นBusiness class กับFirst class เท่านั้นนะจ๊ะ พิเศษไปอีกครับ

 

ในระหว่างที่รอขึ้นเครื่อง เราก็สามารถเข้าเลาจน์ ของสายการบินไทยได้ด้วย หาเจอได้ง่าย และสะดวกมากครับ เดินลงมาก็เจอเลย มองหาป้ายนี้ได้เลย THAI Royal Silk Lounge  

จากป้ายก็จะแบ่งออกเป็นเลาจน์ของ THAI Royal Silk Lounge  (Business class) กับ THAI Royal First Lounge (First class)  ครับ

 

พอเดินเข้ามาจะเจอกว่าเป็นเลาจน์ที่ใหญ่และยาวมากๆเดินแทบเมื่อยครับตามทางเดินก็จะมีอาหารของทานเล่นเครื่องดื่มมากมายไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลม แอลกอฮอร์ก็มีครับ อาหาร ขนมหวานก็อร่อยใช้ได้เลย ที่นี่ก็มีข้าวต้มมัดนะครับ ฮ่าาา

หลังจากนั้นพอใกล้เวลาก็ได้เวลาเดินทางไปเกทเพื่อรอขึ้นเครื่องนั่นเองครับโดยให้สังเกตุป้ายบอกทางตามทางเดิน

เมื่อมาถึงเกท พอได้เวลา  ผู้โดยสารชั้น First class  และ Business class ก็จะได้รับสิทธิ์ขึ้นเครื่องก่อน โดยไม่ต้องรอคิวครับ สะดวกสะบายมาก

ทีนี้ก็ได้เวลามาสัมผัสที่นั่งแบบ Business class  กันแล้วครับ

ที่นั่ง กว้างมาก สามารถปรับนอนได้ และปรับได้หลากหลายมากครับปรับเฉพาส่วนหัว หรือส่วนขา หรือจะส่วนเฉาะหลัง ให้นวดก็ได้

จริง ๆ สามารถปรับลงได้อีกนะครับ อันนี้ผมลองปรับให้ดูในเบื้องต้น

เห็นเค๊านอนแล้วง่วงแทนเลย

ที่นั่งกว้างขวางให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวมาก ๆ ครับ ด้านข้างก็จะมีฉากกันสามารถดึงออกมาได้ ก็จะยิ่งเพิ่มความเป็นส่วนตัวเข้าไปอีก ที่นั่งจะเป็นแบบ 2-2-2  ช่องว่างสามารถเหยียดขาได้สุดเลยครับ แต่สำหรับผมขาสั้นอยู่แล้ว ก็ยิ่งกว้างไปใหญ่ครับ ฮ่าาา

 อุปกรณ์เสริมต่างๆ หมอน ผ้าห่ม รองเท้ารำลอง เซทล้างหน้าแปรงฟัน ของ Mandarina duck , จอสำหรับ ดูหนัง ฟังเพลง หูฟัง ที่ชาร์ทแบต  ดีงามมากครับ

พนักงานบนเครื่องที่นี่ก็ให้บริการดีมาก ๆ ครับ ดูแลตลอดตั้งแต่ขึ้นเครื่องยันลงเครื่องเลย ซึ่งจะต้อนรับด้วยผ้าอุ่นเช็ดตัว จะมาถามว่าต้องการรับอาหารเช้าหรือไม่ จะรับเป็นเซตไหน  รับเครื่องดื่มอะไรไหม และต้องการให้ปลุกหากนอนหลับหรือไม่ ถือว่าใส่ใจรายละเอียดมากๆครับ

อาหารเช้าที่จัดให้เซทใหญ่ไฟกระพริบมากๆ  รสชาติอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว ตอนผมสั่งนี้จะเป็นเมนูข้าวต้มเป็ดครับ  ตอนแรกก็นึกว่าจะมีแค่ข้าวต้มเป็ด กับน้ำดื่ม และของหวานนิดหน่อย  แต่นี่ไม่ใช่ละครับ เซทใหม่มาเต็ม ทานไม่หมดเลยฮ่าา 

เซทจานชาม กาแฟ หรือแม้แต่ถ้วยขนมหวาน นี่คือเหมือนทานข้าวที่ร้านอาหาร หรือที่บ้านเลยครับปกติ จะทานแต่แบบพลาสติก

และแล้วก็ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ยังไม่อยากลุกจากที่นั่งเลยฮ่าาา ก่อนเครื่องลงจอดเจ้าหน้าที่ก็แจกผ้าอุ่นให้ เพิ่มความสดชื่นก่อนการเดินทางต่อครับ

หลังจากผ่าน ตม รับกระเป๋าเรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินทางต่อแล้วครับ

ที่นี่ก็มีที่แลกเงินด้วยนะครับ หากลืม หรือว่าอยากแลกเพิ่มก็สามารถแลกได้เหมือนกัน เงินไทยก็สามารถแลกได้ครับ

หลังจากนั้นก็ได้เวลาต่อรถไฟเพื่อจะไปเซนไดกันแล้ว ตั๋วก็จะมีให้ 2 ใบคือ เดินทาง 2  ต่อนะครับคือ จากสนามบินนาริตะด้วยขบวนรถเร็วพิเศษ NEX  ไปลงสถานีรถไฟกลางโตเกียว และจากโตเกียว ก็นั่งรถไฟชินคันเซ็น ไปลงเซ็นได ใช้เวลา 1 ชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึงครับ สะดวกมาก  ตั๋วนี้ก็ให้สอด 2 ใบพร้อมกันนะครับ

 

เมื่อถึงสถานีโตเกียวก็ได้เวลาสนุกกับเจ้า ชิงคันเซนแล้วครับ

ภายในห้องโดยสารให้พื้นที่ได้กว้างมาก ที่นั่งก็กว้าง ช่องวางกระเป๋าก็ใหญ่สามารถใส่กระเป๋าใหญ่ ๆ ได้เลย ตรงที่นั่งก็มีที่ชาร์ทให้ด้วย

จบไปแล้วนะครับสำหรับการเดินทางด้วย Business Class การบินไทยไปญี่ปุ่น และเดินทางต่อไปเซนไดด้วย รถไฟซินคันเซน ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมครั้งนึงในชีิวิตครับ โดยส่วนตัวผมเองมองว่า ปกติก็สามารถนั่งแบบธรรมดาก็ได้ เก็บเงินไว้เที่ยวดีกว่า แต่ถ้ามองในเรื่องของความสะดวกสะบาย พร้อมทั้งการให้บริการนี้ถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ ครับ

แต่อย่าลืมนะครับ 29 ตุลาคมนี้ ไม่ต้องนั่งรถไฟต่อแล้ว สามารถบินตรง กรุงเทพฯ เซนได ได้เลยครับผม


ต่อเนื่องด้วย รีวิวพาเที่ยวเซนได (SENDAI) ภูมิภาคโทโฮคุ (TOHOKU) ประเทศญี่ปุ่น และรอบ ๆ ตามลิงค์แนบครับ 


รีวิวพาเที่ยวเซนได (Sendai) ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) ประเทศญี่ปุ่น และรอบ ๆ

Facebook Comments

Leave a Comment