รีวิวพาเที่ยวเซนได (Sendai) ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) ประเทศญี่ปุ่น และรอบ ๆ


รีวิวพาเที่ยวเซนได ภูมิภาคโทโฮคุ ประเทศญี่ปุ่น และรอบ ๆ

สวัสดีครับรอบนี้แอดขอพาเที่ยวญี่ปุ่น เมืองเซนไดกันบ้างนะครับ หลายคนที่ยังไม่เคยมา หรือมีแผนจะมาเที่ยวอยู่แล้วแอดขอแนะนำเลยครับว่า ควรมาซักครั้งครับแล้วจะไม่ผิดหวัง จะได้สัมผัสกับความเป็นญี่ปุ่นแบบชาวบ้าน ๆ ล้อมรอบด้วยธรรมชาติ หุบเขา ป่าไม้ใหญ่ ภูเขาไฟ Azuma-kofuji สวยงามระดับน้อง ๆ ฟูจิ ออนเซนที่มีประวัติยาวนานกว่า 1500 ปี  และอาหารที่หลายคนหลงไหล ไม่ว่าจะเป็นลิ้นย่าง เนื้อวัวคุณภาพ A5 อาหารพื้นบ้านอื่น ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ และรสชาติพิเศษเฉพาะ เช่นบะหมี่ใช้หอมแทนตะเกียบ เทศกาลที่เป็นที่รู้จัก คือ เทศกาลแห่โคมไฟที่กล่าวมานี้ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ครับเดี๋ยวมีต่อในรีวิวครับผม

 

เมืองเซนได จะอยู่ในภูมิภาค โทโฮคุ จังหวัดมิยะงิ และอยู่ทางตอนเหนือของ โตเกียว เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ครับ หลายคนที่ชื่นชอบในการเที่ยวญี่ปุ่นก็จะรู้ดีว่า ภูมิภาค โทโฮคุ ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภูมิภาคแห่งต้นไม้นั่นเองครับ เพราะ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำเกษตร ทำไร่ทำนา จะเห็นตามข้างทาง ทุ่งข้าวสีเหลือง สลับกับหุบเขาอันสวยงาม และปกคลุมไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี มันก็จะฟินอีกแบบครับ

ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) จะอยู่อยู่ทางเหนือของเกาะฮอนชู (Honshu) ประกอบด้วย 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอะโอโมริ (Aomori), จังหวัดอะคิตะ (Akita), จังหวัดอิวะเตะ (Iwate), จังหวัดมิยะงิ (Miyagi), จังหวัดยะมะงะตะ (Yamagata) และจังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima) 

ด้วยเหตุนี้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยว จังหวัดดังกล่าว ก็จะเดินทางมาตั้งหลักกันที่เมืองเซนไดก่อน แล้วค่อยนั่งรถ หรือเช่ารถขับเที่ยวกันต่อ และอยู่ใกล้โตเกียวด้วย นั่งชิงคันเซ็นมาได้สบายเลยครับ แต่ข่าวดีที่จะบอกคือ เร็ว ๆ นี้ การบินไทยจะมีเปิดบินสู่เซนได 29 ตุลาคมนี้ครับก็เท่ากับว่าใครที่จะมีแผนจะไปเที่ยวเมืองเซนไดหรือรอบๆก็สามารถบินตรงลงเซนไดได้เลยไม่ต้องต่อรถไฟหลายต่อถือว่าสะดวกมากๆครับ

ข้อมูลการเดินทาง (ส้นทางกรุงเทพฯเซนได)

การบินไทยทำการบิน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ตามตารางการบิน ดังนี้

•      ✈️ เส้นทางกรุงเทพฯเซนได เที่ยวบินที่ TG 626 ทำการบินทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์

ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลา 23.59 . เดินทางถึงเซนได เวลา 07.40 . ของวันรุ่งขึ้น (เวลาท้องถิ่น)

•       ✈️เส้นทางเซนไดกรุงเทพฯ เที่ยวบินที่ TG 627 ทำการบินทุกวันพุธ ศุกร์ และอาทิตย์

ออกเดินทางจากเซนได เวลา 11.15 . (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึงกรุงเทพฯ เวลา 16.05 .

ทั้งนี้ ผู้โดยสารสามารถสำรองที่นั่ง และตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ http://www.thaiairways.com  

สำนักงานขายการบินไทย หรือตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือ THAI Contact Center โทร 0-2356-1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง)


 

หลังจากแจ้งข่าวดีแล้ว เรามาเริ่มสำรวจเมืองนี้กันครับ

โดยรีวิวนี้จะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก ๆ นะครับดังนี้

  1. การเดินทาง
  2. สถานที่ท่องเที่ยว
  3. ร้านอาหาร
  4. ที่พัก

เรามาเริ่มต้นที่การเดินทางกันเลยครับ

การเดินทาง

ก่อนที่จะมีบินตรงกรุงเทพ เซนได ผมก็ได้ทำรีวิวการเดินทาง จากกรุงเทพ ไปเซนได ไว้ตามลิงค์แนบครับ

รีวิวการนั่ง Business Class การบินไทย ไปญี่ปุ่น (สุวรรณภูมิ-นาริตะ)


 

โดยแพลนเที่ยวจะเริ่มตั้งหลักที่เซนได และเที่ยวรอบ ๆ จังหวัดอื่น ๆ ของภูมิภาคนี้ เพื่อให้เข้าใจง่ายผมขอแยกเป็นแหล่งท่องเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ  ร้านอาหาร แหล่งชอปปิ้ง และโรงแรมที่พักครับ ว่าเราไปเที่ยวไหนมากันบ้าง ทานอะไร และพักที่ไหนครับ

สถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำ

เรามาเริ่มกันที่แรกเลยครับ

 

ล่องเรือ ชมอ่าวมัตสึชิมะ

Locationคลิก

วันเวลาเปิดปิด: เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 09:00-16:00 ตามเส้นทางที่เรือวิ่ง

การเดินทาง: เริ่มจากสถานี Sendai นั่งรถไฟสายเจอาร์เซนเซะกิ (senseki) มาลงที่สถานีมัตสึชิมะไคคัง (Matsushima kaigan) ใช้เวลา 35 นาที

ที่แรกที่พาเที่ยวคือ ล่องเรือ ชมอ่าวมัตสึชิมะครับ ที่นี่ติด 1 ใน 3 ทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น เลยนะครับ มีเกาะน้อยใหญ่ให้ชมหลากหลายประมาณ 260 เกาะเลยทีเดียว บริเวณในอ่าวก็จะมีฟาร์มเลี้ยงหอยนางรม  และสาหร่ายซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังดของที่นี่ รสชาติก็จะสดและหวานมาก ๆ เพราะยกมาจากฟาร์มให้ทานเลย

โดยเส้นทางเดินเรือท่องเที่ยวชมเกาะ ก็จะมี 4 เส้นทางให้เลือกตามใจชอบเลย และจะมีตามรอบเวลาให้เลือก สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ตามเว็บไซต์นี้เลย https://www.marubun-kisen.com/

ระหว่างเดินเรือ ก็จะมีเสียงบรรยายพาเที่ยวและให้ข้อมูลเป็นภาษาไทยให้ด้วย ดีงามครับ

ลักษณะ เกาะแต่ละเกาะ ก็จะมีความสวยงามแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่จะเป็นหินที่โดนน้ำเซาะ เจ้าหน้าที่บรรยายบอกว่าก่อนที่จะโดนสึนามิเมื่อปี 2011 จะพบเกาะใหญ่และมากกว่านี้ ชาวบ้านก็จะอยู่อาศัยแถวนี้เยอะ แต่หลังจากสึนามิ แล้วก็โดนทำลายไปบางส่วนผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวก็ย้ายออกไปอาศัยที่อื่นกัน

ถัดมาตรงก่อนถึงท่าเรือ ก็จะมีวัดที่ตั้งอยู่คือ วัดโกไดโด (Godaido) เป็นวัดที่ที่เก่าแก่หลายร้อยปี ซึ่งตัววิหารตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ เชื่อมกับฝั่งด้วยสะพานไม้สีแดง จุดถ่ายรูปยอดฮิตอีกแห่งที่ใครไปก็ต้องแวะครับ ยิ่งเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็ยิ่งเข้ากัน

บริเวณรอบ ๆท่าเรือ ก็จะเจอเมืองเล็ก ๆ ร้านอาหาร คาเฟ่ ไว้สำหรับพักก่อนเดินทางต่อครับ

อันนี้คือลูกชิ้นปลานะครับ หอมกลมกล่อมมาก

ตัวนี้รสชาติคล้าย ๆ ขนม เดนโซะบ้านเราเลย แต่อันใหญ่กว่าเยอะ


หมู่บ้านหัตถกรรมเมืองอะคิอุ(Akiu Kogei no Sato)

Location: คลิก

วันเวลาเปิด ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 8:30–17:00 น.

การเดินทาง : ขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 8 มาทาง Akiu Onsen/Akiu Otaki แล้วลงที่ Akiu Onsen Yumoto และเดินอีกประมาณ 20 นาที *แต่แนะนำเช่ารถ สะดวกสุดครับ

หมู่บ้านหัตถกรรมเมืองอะคิอุ(Akiu Kogei no Sato) ถือเป็นอีกหนึ่งที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของเมืองเซนได โดยหมู่บ้านแห่งนี้ถือว่าเป็นหมู่บ้านรวมช่างฝีมือท้องถิ่นมาไว้ที่เดียวกันเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น  เช่น ตุ๊กตาโคเคชิ หรือเจ้ารูปตุ๊กตารูปอื่น ๆ ลูกข่าง ตู้ลิ้นชักเซนได งานฝีมือไม้แบบอื่น ๆ  งานทอผ้าย้อมสีธรรมชาติ แต่ละบ้านก็จะมีสิค้าขาย และมีสตูให้ถ่ายภาพ และลองวาดรูป เป็นของตัวเองไว้เป็นที่ระลึกกลับบ้านครับ

วันนี้ที่มาผมก็ได้ลองวาดเจ้าตัวตุ๊กตา ตุ๊กตาโคเคชิ  ด้วยเจ้าหน้าที่ก็สอน และมีรูปตัวอย่างให้วาด หรือผมจะวาดเองที่เป็นสไตล์ตัวเองก็ได้  จริง ๆ ผมก็เป็นคนที่วาดรูป หรืองานศิลป์ก็พอได้นะ แต่พอวาดออกมามันก็จะประมาณนี้ครับ ฮ่าาา

มันก็จะดูน่ากลัวหน่อย ๆ ครับฮ่าาา แต่ก็แปลก ๆผมใส่ให้ผมดกไว้ก่อน กลัวตัวเองหัวล้านฮ่าาาา

 

อันนี้ของแต่ละคนที่มา และวาดครับ ดูไปดูมาของผมนี่ขี้เหร่สุดฮ่าาา

อันนี้หน้าร้านที่เค๊าขายครับ สวย ๆ ทั้งนั้น

ไอ้เจ้าตัวนี้รู้จักเคยดูหนังตัวอย่างที่มันฆ่าคนเป็นว่าเล่นเลย เห็นแล้วสยอง

 

 


 

ไร่ผลไม้ Marusei Orchard

Location: คลิก

วันเวลาเปิด ปิด: ทุกวัน เวลา : 8:00–17:30 น.

การเดินทาง รถบัส จากทางออกฝั่ง East Exit ของสถานี Fukushima ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ถ้าต้องการจะไป Peach Line ให้ขึ้นที่แพลตฟอร์มหมายเลข 8 มุ่งหน้าไป Nakamoniwa ลงที่ป้าย Higashi-ishido และเดินต่อไปอีกประมาณ 15 นาที ส่วนใครที่ต้องการไป Fruit Line ให้ขึ้นที่แพลตฟอร์มหมายเลข 12 มุ่งหน้าไป Nakano (Kayaba) ลงที่ป้าย Zatou-Machi และเดินต่อไปอีกประมาณ 15 นาที

แต่ถ้าแนะนำ ถ้าไปหลายคนเช่ารถขับดีกว่าครับ  หรือแท็กซี่ก็สะดวกครับ

ตอนนี้ก็จะเริ่มออกนอกเมืองมาฝั่ง จังหวัด ฟุคุชิมะ แล้วครับ ทางผ่านก็จะเจอ “เส้นทางสายผลไม้” หรือว่า Fruit Line นั่นเอง ที่นี่ถือเป็นไฮไลท์ของการเที่ยวจังหวัดฟุคุชิมะอย่างหนึ่งที่เป็นกิจกรรมที่ขึ้นชื่อมากๆ ก็คือการเที่ยวสวนผลไม้นั่นเองครับ ซึ่งบนถนนเส้นนี้จะมีสวนผลไม้ตั้งเรียงรายแบบติดๆ กันเลย และสวนที่เราแวะกันคือ สวน Marusei Orchard นั่นเองครับ

ที่นี่จะมีผลไม้ตามฤดูกาลครับ แล้วแต่ช่วงเวลาที่มา ตามข้อมูลคร่าว ๆ ดังนี้ครับ

สตรอเบอร์รี่ – มกราคม ถึง พฤษภาคม
เชอรี่ – มิถุนายน ถึง กรกฎาคม
พีช – กรกฎาคม ถึง กันยายน
แพร – สิงหาคม ถึง ตุลาคม
องุ่น – สิงหาคม ถึง ตุลาคม
แอปเปิ้ล – ตุลาคม ถึง ธันวาคม

ที่มา http://www.f-kankou.jp/kudamono

และช่วงที่ผมไปก็เป็นช่วงตุลาคม คือองุ่น กับ แอปเปิ้ลพอดี

องุ่นคือลูกโตมากครับ ใหญ่โตเต็มปากเต็มคำ

สื่งที่ผมชอบมาก ๆ คือ ที่นี่จะมีบุฟเฟ่ผลไม้ ให้ทานด้วยนะครับ หัวละ 800 yen เลือกได้ว่าจะกินอะไร ให้กินจนอิ่มจนพอ แต่ห้ามเหลือกลับนะ เหลือคิดเงิน พี่เค๊าบอกองุ่นพวงนี้ที่พารากอนขาย 3000 บาทผมนี่ตกใจเลย กะว่าจะขอลองชิมซัก 4-5 พวง สรุปพวงเดียวจอดครับ อิ่มกันถ้วนหน้าฮ่าาา

แอปเปิ้ลก็มีหลายสายพันธ์ จริง ๆ นี่คือครั้งแรกของผมที่ได้เห็นเจ้าลูกแอปเปิ้ลบนต้นแบบนี้ครับ ก็จะตื่นเต้นหน่อย ๆ

หากทานแล้วไม่จุใจ ก็มีขายหน้าร้านด้วย พี่ๆ ที่มาด้วยกันเหมากันไปเยอะมากครับ คือทั้งอร่อย และถูกแบบนี้ มาทั้งทีก็ต้องขนกลับกันหน่อย

 

นอกจากนี้ภายในสวนก็มีคาเฟ่ ไอติมอร่อย ๆ ผลไม้อร่อย ๆ ให้ทานต่อ เอาตรง ๆ นะ เมื่อกี้ยังอิ่มกับบุฟเฟ่ผลไม้ อยู่เลย ตอนนี้คือจุกแล้วครับ ฮ่าาา

 

 


 

ภูเขาไฟ  Azuma-kofuji

Location: คลิก

ภูเขาไฟ Azuma-kofuji เป็นภูเขาไฟที่มีความสวยงามระดับน้องๆ ขอ Fuji ที่ยังประทุอยู่ สูงจากระดับน้ำทะเล 1707 m บอกตรงๆ ว่าเสียดายมากเพราะไปไม่ถึงปล่อง เกิดพายุรุนแรง เกือบเอาชีวิตไม่รอดกัน เดินขึ้นไป คือแทบจะปลิว กลัวตกปล่องภูเขาไฟกัน เพราะช่วงที่ไป เกิดลมแรงมาก ถ้ามีโอกาสอยากจะมาแก้ตัวใหม่ครับ

แต่จะบอกว่าบริเวณ รอบๆ ทางขึ้นก็สวยไม่แพ้กันเลย ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคือ สวยมากก เหมือนฟิล อยู่แถบยุโรปยังไงอย่างนั้น. ปล รูปไม่ค่อยชัด เพราะลมตีแบบแรงมาก ครั้งหน้าขอแก้ตัวใหม่ครับ

อันนี้จะเป็นตัวอย่างภูเขาไฟนะครับ เพราะวันที่ไป ถ่ายไม่ได้ พายุเข้าพอดี ก๊อปจากเน็ตมาให้ดูก่อนครับ ฮ่าา Credit ตามรูปครับ

 

 

ทางผ่าน ก่อนจะถึง ภูเขาไฟ  Azuma-kofuji ก็จะเจอจุดถ่ายรูปที่ไม่ควรพลาดครับ คือ สะพาน  Fudosawa ห่างจากจุดภูเขาไฟเพียงแค่ 6 km สะพานมีสีแดง โดดเด่น บวกกับวิวหุบเขาแบบพรีเมี่ยม สามารถเดินไปถ่ายรูปได้ครับ ช่างที่ผมไป ก็จะเจอหมอก กับฝนเล็กน้อย และเป็นช่วงที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีซะด้วย สวยงามตามท้องเรื่องครับ


ปราสาทสึรุกะ(Tsuruga Castle)

Location: คลิก

วันเวลาเปิดปิด: ทุกวัน เวลา 08:30 -17:00 น.

ค่าเข้าชม:

  • เฉพาะเข้าชมปราสาท 410 เยน
  • ค่าเข้าชมปราสาท + Rinkaku Tea House 510 เยน

การเดินทาง นั่งรถไฟชินคันเซ็น 13 นาที จากสถานี Fukushima หรือรถไฟ JR TOHOKU LINE 50 นาที ลงที่สถานี Koriyama แล้วจึงต่อรถไฟสาย JR BAN-ETSU-WEST LINE อีก 80 นาที ลงสถานี Aizu-Wakamatsu จากนั้นต่อด้วยรถบัส Aizu Loop Bus อีกประมาณ 15 นาทีเพื่อเดินทางมายังปราสาท

ตัวปราสาทสึรุกะนั้นมีสีขาวสะอาดตาและคงความเป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่เอาไว้ และมีหลังคาสีแดงเป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำกับปราสาทแห่งอื่นในญี่ปุ่น สามารถเข้าชมภายในปราสาทและขึ้นไปชมพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของปราสาท และวิถีชีวิตของเหล่าซามูไรในยุคก่อน และชั้นบนสุดเพื่อชมวิวของเมืองเบื้องได้   ในฤดูใบไม้ผลิตัวบริเวณปราสาทจะล้อมรอบด้วยซากุระเป็นพันต้น และในฤดูหนาวจะมีหิมะเกาะตามหลังคา ซึ่งทำให้ตัวปราสาทเป็นสีขาวทั้งหลัง อีกทั้งในตอนกลางคืนก็ยังมีการจัดแสดงไฟอย่างสวยงามอีกด้วย

ชั้นบนของปราสาทก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของปราสาท และวิถีชีวิตของเหล่าซามูไรในยุคก่อน บางจุดสามารถถ่ายรูปได้ และไม่สามารถถ่ายรูปได้ ดูสัญลักษณ์ให้ดีนะครับ

พอขึ้นไปบนชั้นสูงสุดก็จะเห็นวิวเมืองรอบ ๆ360 องศา ด้านหลังเป็น Background ก็จะสวยประมาณนี้ครับ

 

ส่วนพื้นที่ใกล้เคียงปราสาทยังมี โรงน้ำชารินคาคุ ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่ทำพิธีชงชาของขุนนางศักดินา รอบๆเป็นสวนหย่อมขนาดเล็ก นักท่องเที่ยวสามารถจิบชา รับประทานของว่างและเพลิดเพลินไปกับสวนสวยเพื่อผ่อนคลาย

ถัดจากสวนสาธารณะไปไม่ไกล เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์จังหวัดฟูกุชิมะ(Fukushima Prefectural Museum) และพิพิธภัณฑ์สาเกอาอิซุ(Aizu Sake Musuem)

และบริเวณใกล้เคียงก็จะมีร้านขายของที่ระลึก ของฝาก มีกาแฟ ไอศครีม ไว้บริการด้วยครับ


 

หมู่บ้านโออุจิ จูคุ (Ouchi-Juku)

Location: คลิก

วันเวลาเปิดปิด: ทุกวัน เวลา 9:00–17:00 น.

การเดินทาง :

  1. นั่งรถไฟชินคันเซ็น 13 นาที จากสถานี Fukushima หรือรถไฟ JR TOHOKU LINE 50 นาที ลงที่สถานี Koriyama แล้วจึงต่อรถไฟสาย JR BAN-ETSU-WEST LINE อีก 80 นาที ลงสถานี Aizu-Wakamatsu
  2. จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟสาย Aizu Railway Line ลงที่สถานี Yunokami Onsen
  3. หลังจากลงรถไฟแล้วก็ต่อแท็กซี่ประมาณ 8 – 15 นาที ค่าแท็กซี่ประมาณ 2,300 – 2,500 เยน/เที่ยว หรือเดินประมาณ 30 นาที

※ใช้ JR Pass (All area), JR East Pass (Tohoku area), JR East-South Hokkaido Rail Pass จนถึงสถานี Aizu-Wakamatsu

ที่มาและข้อมูลเพิ่มเติม คลิก

หมู่บ้านโออุจิ จูคุ (Ouchi-Juku)  เป็นหมู่บ้านโบราณ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัย เอโดะ ประมาณเกือบ 400 กว่าปี ที่ใช้เป็นแหล่งพักพิงของเหล่านักเดินทางสมัยก่อนครับ เพราะเป็นทางเชื่อมต่อระหว่าง จ.ฟุคุชิมะ และ นางีตะ ห่างกันประมาณ 130 กม. จึงต้องมีหมู่บ้านสำหรับพักแรมระหว่างทาง นั่นเองครับ  

ที่นี่มีความสวยงามและสงบ อารมณ์เหมือนหมู่บ้าน Kawaguchiko แต่ที่นี่จะดูเล็กกว่า และมีความโบราณมากกว่า บริเวณภายในส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหาร คาเฟ่ เดินตรงไปอีกจะมีทางขึ้นเขาให้ถ่ายรูปวิว เห็นวิวหมู่บ้านสวยงามกันเลยทีเดียว

 

ในหมู่บ้านก็จะมีร้านบะมีโซบะชื่อดัง แต่โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เครับ ฮ่าา เพราะมันมีกลิมต้นหอมใหญ่ อันนี้แล้วแต่คนชอบนะครับแต่โซบะที่นี่จะมีลักษณะพิเศษคือ จะใช้ต้นหอมญี่ปุ่น (เนหงิ) คีบเส้นโซบะแทนตะเกียบแล้วก็ทานไปด้วย จะใส่โชยุนิดหน่อย ถ้ามาแล้วก็ไม่ควรพลาดนะที่จะทานนะครับ ฮ่าาา

ภายในหมู่บ้านก็มีของที่ระลึกมากมายให้เลือกครับ

เดินมาจนสุดก็จะเห็นทางขึ้นเพื่อไปชมวิวหมู่บ้านจากด้านบนครับ

บ้านหลังนี่ดูสวยงามกลมกลืนกับป่ามาก ๆ

หลังจากขึ้นมาด้านบนแล้วก็จะเห็นวิวประมาณนี้ครับ สวยงามเลยทีเดียว ส่วนใหญ่ก็จะขึ้นม่ายรูปวิวกัน

 

 

เดินเลยมาอีกหน่อยก็จะเป็นป่าสน ต้นใหญ่มาก ๆ ครับ


โรงกลั่นเหล้าสาเก ญี่ปุ่น (Homare Sake Brewery)

Location:  คลิก

วันเวลา เปิด ปิด: ทุกวัน เวลา 9:00–16:30 น.

สำหรับ สาย L ผมต้องแนะนำที่นี่เลยครับ โรงกลั่นเหล้าสาเก Homare Sake Brewery เพราะที่นี่ขึ้นชื่อโดงดังในเรื่องของสาเก และมีคุณภาพมาก ๆ ได้รับรางวัลระดับประเทศด้วยครับ 

ก่อนซื้อก็มีให้ชิมก่อนด้วย ส่วนตัวผมชอบสาเกบ๊วยครับอร่อยมาก ก็จัดมา 1 ขวด ฝากเพื่อนครับ

สามารถเดินรอบ ๆ ชมกระบวนการผลิตเหล้าได้นะครับ แต่เข้าไปด้านในไม่ได้ โรงงานจะทำเป็นกระจกใสให้ภายนอนสามารถดูได้ครับ

ด้านข้างของโรงงานก็จะมีสวนสวย ๆ ให้ได้พักผ่อน หย่อนใจ สวยงามมาก ๆ ครับ


 

พักเบรคมาชมวิวข้างทางก่อนครับ  เดี๋ยวผมจะพาชมข้างทางรอบ ๆ วีดีชาวบ้านและวิวสวย ๆ

 

ทุ่งนาบ้านเค๊าทำไมสวยจังฮ่าาา เป็นช่วงเก็บเกี่ยว ข้าวเหลือเต็มทุ่ง สลับกับเขาสีเขียวมันช่างสวยงามเหลือเกินครับ


ศาลเจ้าคุมะโนะ (Kumano Shrine) 

จังหวัด ยะมะงะตะ (Yamagata)

Location:  คลิก

วันเวลา เปิด ปิด: ทุกวัน เวลา 8:30–17:00 น.

ศาลเจ้า Kumano ของที่นี่ได้รับการยกให้เป็น 1ใน 3 ของ Kumano ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นครับและสถานที่แห่งนี้เป็นศาลเจ้าที่สักการะเทพเจ้าชายหญิงได้ผูกสัมพันธ์รักต่อกันเป็นคู่แรกในเทพปกรณัมญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวที่มาส่วนใหญ่จะขอพรในเรื่องความรัก นอกจากอีกอาคารด้านหลัง

ด้านหลังอาคารหลักจะมีกระต่ายแกะสลักซ่อนอยู่ 3 ตัว เชื่อกันว่าหากใครสามารถหากระต่ายดังกล่าวได้ครบทั้ง 3 ตัว สิ่งที่อธิษฐานไว้ก็จะประสบผลสำเร็จ  แต่ห้ามบอกใครนะครับ ว่าอยู่ตรงไหน เพราะถ้าบอกส่ิงที่ขอก็จะไม่เป็นจริงครับ

ก่อนจะเข้าศาลทุกครั้งต้องทำการล้างมือล้างปากทุกครั้ง เสมือนเป็นการชำระล้างร่างกายและจิตใจให้สะอาดบริสุทธ์ก่อนเข้าไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ครับ

วิธีการล้าง มีดังนี้

1.ใช้มือขวาจับกระบวยตักน้ำล้างมือซ้าย

2.ตามด้วยใช้มือซ้ายจับกระบวยตักน้ำล้างมือขวา

3.จากนั้นใช้มือขวาจับกระบวยตักน้ำเทลงบนมือซ้ายแล้วนำมาบ้วนปาก โดยมีข้อห้ามว่า ต้องระวังไม่ให้กระบวยตักน้ำโดนปากโดยเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เป็นการแพร่เชื้อโรคนั่นเอง

4.ขั้นตอนสุดท้าย คือ ตั้งกระบวยให้น้ำที่เหลือไหลลงมาล้างด้ามกระบวย แล้ววางไว้ที่เดิม

อีกอย่างทางเข้าก็จะเจอต้นแปะก๊วยยักษ์ที่มีอายุหลายร้อยปีมองหาง่ายมาก ๆ ครับ

ต้นสนที่นี่ใหญ่มาก ๆ ครับ ใหญ่แบบจริงๆ เรียนได้ว่าต้นไม้ยักษ์เลยก็ว่าได้

ที่นี้ก็มาถึงศาลหลักแล้วครับ ดูยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ  รอบ ๆ ก็จะมีกิจกรรม ดูดวงชะตา หรือซื้อของที่ระลึกเสริมดวงชะตาให้เลือกครับ

 

 

 

และนี่คือด้านหลังอาคาร ที่บอกว่ามีกระต่าย 3 ตัวซ่อนอยู่ อันนี้ผมขอไม่บอกนะครับ กลัวพรหาย ฮ่าาา ให้มาหาดูเอาเองครับ อิอิ


ซากปราสาทเซนได หรือ อาโอบะ(Aoba Castle)

Locationคลิก

เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 9:00-17:00 น.

ค่าเข้าชม: 700 Yen(ซื้อออนไลน์ 500 Yen)

การเดินทาง: จากสถานี JR Sendai ทางออก West Exit นั่งรถบัสรอบเมือง ไปยัง “Sendai-joseki”

ซากปราสาทอาโอบะ(Aoba Castle) เป็นปราสาทที่มีความสำคัญทางประวัติศาตร์ของเมืองเซนไดมา ๆ ที่ยังมีร่องรอยให้เห็นอยู่เหลีือแค่เสาหินเท่านั้นครับ ซึ่งปราสาทสร้างขึ้นในปี 1600 สำหรับป้องกันเมือง โดยเลือกสร้างป้อมปราการไว้บนภูเขาอาโอบะ ในช่วง 400 ปีหลังยุคศักดินาถูกต่อต้านในช่วงสมัยเมจิ เกิดไฟไหม้ในปี 1882 และโดนระเบิดในปี 1945 จึงทำให้ปัจจุบันเหลือเพียงเศษซากกำแพงหินครับ แต่ก็จะสามารถมองเห็นวิวอันสวยงามของเมืองเซนไดครับ

นอกจากนี้ยังอีก รูปปั้นของ ดาเตะ มาซามุเนะ เป็นสัญลักษณ์ของเมืองเซนไดและปราสาทอาโอบะ ถูกสร้างขึ้นในวันครบรอบ 300 ปีของการเสียชีวิตของดาเตะ มาซามุเนะ

รูปปั้นของ ดาเตะ มาซามุเนะ ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเซนได

ไม่ได้ค่าโฆษณานะครับ แต่ให้ดูว่าที่ขวดโค๊กก็มีรูปปั้นอยู่

ข้างบนก็จะเห็นวิวของเมืองเดนไซ ในมุทท็อปวิว สวยงามมากครับ

ที่นี่ก็จะมีไกด์ซามูไรด์ด้วยนะครับ คอยให้คำแนะนำ และพาเที่ยวพูดภาษาอังกฤษได้ด้วย

ตรงซากเสาหินก็จะมี App จำลอง 3 มิติให้ชมครับ เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นครับ

ถัดมาก็จะเป็นศาลเจ้า Miyagiken Gokoku Shrine ซึ่งเป็นแหล่งศักดิ์สิทธ์ิ ของที่นี่อีกเช่นกันครับ


เที่ยวในเมืองเซนได และรวมแหล่งชอปปิ้ง

หลังจากที่เที่ยวสถานที่หลัก ๆ มาครบแล้วทีนี้ก็ได้เวลาเที่ยวในเมืองกันบ้างครับ ในตัวเมืองเซนได้ก็เหมือนเมืองใหญ่ทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าจะเทียบเท่ากับโตเกียว เกียวโต หรือโอซาก้า ก็ยังไม่ถึงขนานนั้นครับ แต่ถึงยังไงก็ยังมีครบทุกอย่างที่เราต้องการสาธารณูปโภคครบครัน และที่สำคัญคือ ย่านชอปปิ้งครับ ที่นี่ก็มีครบเหมือนกันเมืองอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ดองกี้ ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีตั้งแต่สากกระเบือ ยันเรือรบครับ และถูกมาก ๆ   ห้างที่มีชื่อเสียง ก็จะเป็น Espal Sendai,Arcade Shopping District,Mitsui Outlet Park Sendai Port

แต่แค่วันเดียวผมก็ไม่ไปหมดนะครับ ฮ่าาา ก็มีไปหลัก ๆ คือ Arcade Shopping District กับ Espal Sendai Arcade Shopping District  ก็จะมีศูนย์การค้าภายในอีก ไม่ว่าจะเป็น อีออน ดองกี้ หรือร้านมือสอง Book off barsa ของถูกมากโดยเฉพาะของเล่น และอุปกรณ์ไอที ว่าแล้วไปดูภาพบรรยากาศของเมืองเซนไดกันครับ

 


ร้านอาหาร และอาหารจานเด็นของเซนได

พอพูดถึงเรื่องอาหารแล้วละก็ ที่นี่ก็ขึ้นชื่อในเรื่องอาหารที่อร่อยไม่แพ้เมืองอื่น ๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นลิ้นวัวย่างนื้อโยเนซาวะ 1ใน3เนื้อที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นนุ่มละลายในปาก  หอยนางรมที่ทั้งสดและหวาน โซบะที่ขึ้นชื่อ โดยเฉพาะคนไทย ที่ชอบมาญี่ปุ่น ก็เพราะอยากมาตลุยกินก็มี เลยจะขอยกอาหารจานเด็ดของที่นี่มาพอหอมปากหอมคอนะครับ เดี๋ยวจะมีรีวิวแยกแนะนำร้านอาหารแต่ละร้านที่ไปทานกันในลำดับต่อไปครับ ว่าแล้วไปดูกันเลยครับผม

ดึก ๆ ไม่ควรเปิดดูคนเดียวนะครับ เดี๋ยวจะหิวฮ่าาา

มื้อแรกเราทานกันที่โรงแรมครับ จะเป็นอาหารเย็นสั่งพิเศษ สไตล์ยุโรปรสชาติคืออร่อยติดล้ินมากครับ อร่อยทุกอย่าง แต่ ไม่อิ่มท้องครับ ฮ่าาา เอาตรง ๆ ดึก ๆ นี่คือหิวครับ

พอทานกับไวน์ของที่นี่ก็เข้ากันมาก ๆ

ตบท้ายด้วยของหวาน


 

 

 

มื้อที่ 2 ก็จะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแบบพื้นบ้านจริง ๆ ร้านนี้จะอยู่ในโรงแรม Izumiya ใน จ.ฟุคุชิมะ นะครับ

 

ในโรงแรมก็จะมีออนเซนแบบตามธรรมชาติด้วย ต้องไปลองครับ


 

ร้านนี้ชื่อ Takino

Location: คลิก

วันเวลาเปิดปิด : ทุกวัน เวลา 11:00-20:00น.

ก็เป็นร้านอาหารโบราณชื่อดังของเมืองนี้ครับ ด้วยกล่องข้าวจะมีเอกลักษณ์ ทำจากไม้ อบนึ่งเป็นหน้าปลาแซลมอน และเห็น อร่อยมาก ๆ ครับ และโต๊ะทานข้าวที่นี่ก็สีแดงเด่นเป็นเอกลักษณ์เลยทีเดียว

โต๊ะสีแดงโดดเด่นมาแต่ไกลเลยครับ

 

แต่ละอย่าง น่าทานมาก ๆ อิ่มมากเช่นกัน


 

ร้าน Shoukeikaku

Location: คลิก

วันเวลาเปิด ปิด: ทุกวัน แบ่งเป็น 2 ช่วงเวลาคือ 11:30-15:00 น. และ 17:00-20:00น.

ร้านนี้โดยส่วนตัวผมชอบมาก ๆ ซึ่งตอนแรกผมเดินเข้ามารู้สึกเหมือนร้านอาหารร้านนี้ไม่ได้เป็นแค่ร้านหาอาหารแน่ ๆ

เลยต้องถามเจ้าหน้าที่ที่พามา ได้บางอ้อว่า เคยเป็นบ้านของเจ้าเมืองหรือจรรคพรรดเซนได ห้องอาหารใหญ่ก็เคยเป็นห้องสำหรับรองรับแขกชั้นสูงต่างเมือง เพราะฉะนั้นบ้านจะไม่ได้มีการปรับปรุงตกแต่งมากนัก หน้าต่างผลิตในสมัย เมจิ มองดูข้างนอกก็เบี้ยวนิดหน่อย กระจก 100 ปีก่อน อาคารจะสร้างแบบสูงเพื่อให้สามารถฟาดฟันต่อสู้กับร้ายที่เข้ามาได้สะดวก (นินจาสมัยก่อน)  เพราะเป็นสมบัติของรัฐบาล ที่ปล่อยให้นายทุนมาเช่าเปิดร้านอาหาร เพราะฉะนั้นอาหารที่ได้รับประทานก็จะต้องเป็นนอาหารชั้นสูง และเป็นสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ไคเซกิ เป็นชุดอาหารที่บริการทีละคอร์ส ตามธรรมเนียมดั้งเดิมของญี่ปุ่น สร้างสรรค์การปรุงแต่ง และกรรมวิธีที่ใช้ในการปรุง จนกระทั่งการนำเสนออาหาร ซึ่งสามารถเทียบเคียงได้กับอาหารยุโรปชั้นสูง หรือ “โอตกุยซีน” (Haute Cuisine) ของชาติตะวันตกเลยทีเดียวครับ

หน้าร้านก็จะมีสัญลักษณ์ของนินจาทั้งผู้ชาย และผู้หญิง ตั้งอยู่ บรรยากาศร้าน และสวนรอบ ๆ จัดตกแต่งได้เหมือนย้อนยุคไปไนสมัยก่อนมาก ๆ ครับ

ภายในร้านอาหารก็จะมีชุดนินจาให้ยืมถ่ายรูปได้นะครับ

ตรงนี้เป็นชั้น 2 ของร้าน จะเป็นห้องรองรับ และเป็นที่พักของของจรรคพรรดชั้นสูง

มาดูในส่วนของอาหารกันบ้างนะครับ อาหารที่นี่ก็จะเป็นสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ไคเซกิ เป็นชุดอาหารที่บริการทีละคอร์ส ตามธรรมเนียมดั้งเดิมของญี่ปุ่น และจุดเด่นของร้านนี้คือ จะมีจัดเซทอาหารเป็นหีบไม้ ตกแต่งส่วยงาม สวยไปอีกแบบครับ

 

 

และเซทอื่น ๆ ก็ตามมาครับ ถามว่าอิ่มมากมั๊ย มากครับ ฮ่าาา


มื้อนี้ถือว่าเด็ดสุดสำหรับผมครับ เพราะได้ทานเนื้อโยเนซาวะ 1ใน3เนื้อที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่น นั่นเอง  นุ่มละลายในปากเลยครับ

 


และก็ปิดท้ายกันที่ร้านนี้ครับ ร้านนี้จะอยู่ในย่าน Arcade Shopping District เดินเข้ามามองหาป้ายทางขึ้นตามรูป ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชั้น 3 ครับ

เดินเข้ามาก็จะเห็นเชฟทำให้เห็นสด ๆ เลยครับ

หอยนางรมคือหวานมาก ๆ

 

อันนี้หมูย่างเกลือ อร่อย ๆ ครับ

มาที่ไฮไลท์ของร้านแล้วครับ ที่ผมชอบมาก ๆนั่นก็คือ ลิ้นวัวย่างนั่นเองครับ รสชาติลงตัว ติดล้น และไม่เหนียว กรุปกริปติดปากมาก ๆ ครับ

 

 

และอาหารอื่น ๆก็จะประมาณนี้ครับ อร่อยทุกอย่าง


โรงแรมและที่พัก

มาถึงช่วงสุดท้ายแล้วครับ ในส่วนของที่พัก เดี๋ยวผมจะเปรียบเทียบให้เห็นแต่ละที่ แตะละโรงแรมลักษณะการตกแต่งจะแตกต่างกันออกไป แต่ห้องน้ำคือจะคล้าย ๆกันหมดครับ วัสดุ อุปกรณ์​แทบแยกไม่ออกว่าต่างกันตรงไหน  สไตล์ห้องก็จะจัดแบบเล็ก ๆกระทัดรัด แต่ะสิ่งอำนวยความสะดวกครบครับ ราคาก็อยู่ที่ 3000-4000 บาทต่อคืนครับ ว่าแล้วไปชมบรรยากาศห้องพร้อม ๆ กันครับ

Tokyo Daiichi Hotel Yonezawa

โรงแรมนี้ผมชอบมาก ๆ เพราะเห็นวิวด้านหลังเป็นเมือง และ background เป็นหุบเขา

Washington hotel

 Akiu Resort Hotel Crescent 

Hotel JAL City Sendai

 


จบไปแล้วนะครับสำหรับการริวิวท่องเที่ยวเซนได สำหรับใครที่มีแผนกำลังจะไปเที่ยว หรือกำลังคิดว่าจะไปไหนดี  เที่ยวเซนไดเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ควรพลาดครับ เพราะจะได้สัมผัสกับธรรมชาติแบบเต็ม ๆ หุบเขาต้นไม้ ยิ่งช่วงใบไม้เปลียนสีคือดีงามมาก ๆ ครับ อาหารจาดเด็ด และสถานที่ท่องเที่ยวเชิวประวัติศาสตร์วัฒนธรรมอันยาวนาน และเร็ว ๆ นี้ก็ไม่ต้องต่อรถไฟหลายรอบแล้วนะครับถ้าจะไปเที่ยวแถวนั้น เพราะ การบินไทยเค๊ามีบินตรง กรุงเทพฯ เซนไดแล้วนะครับ 29 ตุลาคมนี้ เข้าไปเช็ครอบบินได้เลยที่ www.thaiairways.com ครับ

ผมต้องขอลาไปก่อนไว้เจอกันทริปหน้านะครับ สวัสดีครับ

Facebook Comments

Leave a Comment