ทริปนี้ขอพาทุกคนไปเที่ยวเมือง อาห์เมดาบัด Ahmedabad ประเทศอินเดีย กัน 5 วัน 5 คืน เป็นการเดินทางไปครั้งแรกของสมาชิกร่วมทริปทั้ง 5 คน ก่อนไปเราไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่พอได้ไปแล้วต้องบอกว่า ว้าววว ที่เที่ยวสวยอลังการมาก
มาเที่ยวเมืองนี้ต้องบอกเลยว่าเที่ยวง่ายๆ มาถึงก็เหมารถเที่ยวเลยสะดวกสุด 🚗 เราแค่เตรียมชุดสวยๆ มาถ่ายรูปก็พอ รับรองว่าได้รูปสวยๆ กลับไปเพียบแน่นอน สถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ แปลกตาหลายที่ เรื่องอาหารการกินก็ง่าย มีร้านอาหาร คาเฟ่ให้เลือก และที่สำคัญเนี่ย อินเดียคือราคาถือว่าถูกมากสำหรับคนไทย สถานที่ท่องเที่ยวก็จ่ายค่าเข้าได้ในราคาเท่ากับคนอินเดีย
อาห์เมดาบัด Ahmedabad เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในรัฐ “คุชราต” (Gujarat) เป็นรัฐหนึ่งของอินเดีย เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่สุดของรัฐ โดดเด่นในด้านการผสมผสานของวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมอันมีเอกลักษณ์ จนได้ขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกอีกด้วย เมืองแรกในประเทศอินเดียอีกด้วย
อาห์เมดาบัด Ahmedabad ยังเป็นบ้านเกิดของมหาตมะคานธี (Mohandas Gandhi) นักเคลื่อนไหวผู้ทรงอิทธิพลของอินเดียและของโลก
💲ค่าเงิน 100 INR รูปี = 43 บาท แนะนำแลกเงินจากไทยให้เรียบร้อย
🕙อินเดียเวลาช้ากว่าไทย 1.30 ชั่วโมง
♦️Internet แนะนำซื้อซิมเน็ตจากไทยใช้ง่ายสะดวก

การเตรียมตัว และข้อแนะนำก่อนเดินทาง
1.การขอวีซ่า ขอแบบออนไลน์ได้ง่ายๆ มีแบบ 3 เดือน 1 ปี และ 5 ปี ใช้เวลาพิจรณาประมาณ 3 วันทำการ
📍ดูรายละเอียดและขั้นตอนการกรอกได้ตามลิงค์นี้เลย https://www.paitamnam.com/visa-india-online/
***ต้อง Print Visa ใส่กระดาษไปด้วยในวันเดินทาง
2.ประกันการเดินทาง จำเป็นมาก เค้าไม่ได้บังคับ แต่แนะนำว่า ***ต้องทำ เพราะการจราจรค่อนข้างวุ่นวาย
3.พกอาหารจากไทยไปด้วย เช่นอาหารกึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋องต่างๆ แต่ไม่ต้องพกไปเยอะ เพราะอาห์เมดาบัด มีร้านอาหารคาเฟ่ดีๆ ให้เลือกเยอะ
4.ทิชชู่ และ ทิชชู่เปียก ผู้หญิงควรพกไปไว้ใช้ ค่อนข้างจำเป็น
5.Mask ปิดปาก จำเป็นมาก ทั้งป้องกันฝุ่น ในบางสถานที่
6.ยาสามัญประจำบ้าน เน้นหนักไปที่โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ และทางเดินอาหาร เช่นหวัด แพ้อากาศ อาหารเป็นพิษ ท้องเสีย เป็นต้น
7.การแต่งตัวควรรัดกุม ผู้หญิงไม่ใส่โป้
👉คร่าวๆ ก็ประมาณนี้ จริงๆ เมืองอาห์เมดาบัด ค่อนข้างเจริญพอสมควร ถนนก็ดี โดยรวมไม่มีอะไรให้น่ากังวล (เที่ยว อาห์เมดาบัด ahmedabad)

แผนการเดินทาง
การวางแผนเที่ยวที่นี่ก็ไม่ยาก วันไหนที่จะเหมารถเที่ยวก็จัดตารางแน่นๆ ให้คุ้มกับค่าเหมารถ ซึ่งทริปนี้จริงๆ แล้วเราบินไปเที่ยวพาราณสีก่อนครับ แล้วค่อยบินมาอาห์เมดาบัดต่อคลิกดูรีวิวได้ตามลิงค์ด้านล่างเลยครับ
รีวิวตะลุยเที่ยวพาราณสี อินเดีย 4 วัน 3 คืน เมืองดิบๆ ที่มีเสน่ห์


สายการบินไทยสไมล์ เปิดบินตรง กรุงเทพ – อาห์เมดาบัด แล้ว

บริการแบบ Full Service
✈บิน 3 เที่ยวบิน / สัปดาห์ (ทุกวัน จันทร์ พฤหัสบดี และศุกร์)
📍📍รายละเอียดไฟล์ท
ขาไป WE341 BKK 20.30 – AMD 23.55
ขากลับ WE342 AMD 00.55 – BKK 06.55
👉ไปจองตั๋วบินไป อาห์เมดาบัด และเส้นทางอื่นๆ ได้เลยที่
www.thaismileair.com

✈โดยจากกรุงเทพ – อาห์เมดาบัด ใช้เวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมง จะมีเสิร์ฟ อาหารร้อน บนเครื่อง 1 มื้อ สำหรับเครื่องดื่มสามารถเรียกทานได้ตลอดไฟล์ทครับ เบาะที่นั่งก็กว้าง นั่งสบาย

การเดินทางในอาห์เมดาบัด
เมืองนี้ก็เป็นเมืองที่เดินทางท่องเที่ยวได้สบายๆ ถนนหนทางดี มาที่นี่ก็เหมารถเที่ยวได้เลยสบายๆ เลือกเหมาเฉพาะวันที่มีเดินทางเยอะๆ ก็ได้ ส่วนวันไหนเดินทางไม่เยอะก็เรียกรถเป็นรายเที่ยว
♦️เหมารถเที่ยว เรทจะอยู่ที่วันละ 3000 รูปี ใช้รถได้ประมาณ 8 ชั่วโมง ขับรถยะทางรวมไม่เกิน 300 กิโลเมตร เรทนี้เป็นเรทมาตรฐานเลยเพราะเราถามมาหลายคัน คนขับ Uber ส่วนใหญ่คือรับเป็นแบบเหมาครับแต่ถ้าวันไหนออกไปนอกเมืองแบบไกลมาก อาจจะมีการขอบวกเพิ่ม ก็แล้วแต่ตกลงกันนะครับ
📍Whatsapp สำหรับติดต่อ(ที่อินเดียใช้ whatsapp)
1.เบอร์ +917990441706 เจ้านี้รถใหม่ คนขับโอเค แต่อาจจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้ไม่มาก
2.เบอร์ เจ้านี้คนขับโอเค สื่อสารภาษาได้ดี แต่รถเก่าไปหน่อย แต่ก็พอได้
***ทั้ง 2 เจ้านี้เราไปเจอที่อาห์เมดาบัดเลย เค้าเป็นคนขับ Uber เราก็ถามเค้าว่าเค้ารับแบบเหมาไหม ซึ่งถูกใจคันไหนก็ลองดิวราคาและส่งแผนเที่ยวให้เค้าดู
♦️Uber สามารถใช้ได้ และราคาถูก โหลดแอ๊พก่อนมาให้เรียบร้อย
♦️รถสามล้อ สามารถนั่งได้หากไปที่ๆ ไม่ไกลมาก แต่ตกลงราคากันให้ดีก่อนขึ้น


เมืองนี้ด้วยความที่เป็นเมืองใหญ่ ทำให้มีโรงแรมให้เลือกเยอะ หลายปรถเภทหลายราคา
โดยรวมที่พักเมืองนี้ถือว่าถูก เลยครับ
📍📍และทริปนี้เราเลือกพักที่ Hotel Alka Inn ห้องสองคนราคาห้องละ 660 บาทต่อคืน
รวมอาหารเช้า แต่อาหารเช้าไม่ค่อยมีอะไรนะ ฮ่าๆ
แต่โดยรวมความสะอาด ที่ตั้ง พนักงาน ถือว่าดีครับ แนะนำ

วันที่ 2 วันนี้เหมารถเที่ยว


The Adalaj Stepwell
บ่อน้ำโบราณ อีกชื่อหนึ่งคือ รูดาบัย สเต็ปเวล ( Rudabai Stepwell) ตั้งอยู่ชานเมืองอาห์เมดาบัด(ประมาณ 10 กิโล) สร้างขึ้นในปี 1498 โดยราชินี รุทไพ เพื่อเป็นเกียรติแก่พระสวามีผู้ล่วงลับ กษัตริย์วเฆละ (เที่ยว อาห์เมดาบัด ahmedabad)
♦️ค่าเข้า คนไทยดีมากที่ได้ราคาเดียวกับคนอินเดีย
-คนอินเดีย และพาสปอร์ตไทย ราคา 25 รูปี
-ต่างชาติราคา 300 รูปี


ระมาณ 120 กิโลเมตร ก็มาแค่ The Adalaj Stepwell ก็ได้ เพราะก็ดูใหญ่และเป็นมุมถ่ายรูปออกมาได้สวยเลยทีเดียว




♦️โดยราคาจะแยกเป็น 2 แบบคือ
-Vegetarian มื้อเที่ยง 620 และมื้อเย็น 670 รูปี
-Non Vegetarian มื้อเที่ยง 670 และมื้อเย็น 820 รูปี
Dada Harir Vav
อีกหนึ่งบ่อน้ำโบราณ ที่มาง่ายตั้งอยู่ในเมืองอาห์เมดาบัดเลย และที่สำคัญเข้าชมฟรี ที่นี่จะเล็กที่สุดในบรรดาบ่อน้ำที่เราไปมาในทริปนี้ แต่ถ่ายรูปออกมาก็สวยมากๆ เลยทีเดียว


และมีเวลาไม่เยอะ ก็มาที่นี่ก็ได้ครับ

Hazrat Harir RA Masjid
มัสยิดเก่าแก่ อายุกว่าพันปี ตั้งอยู่ด้านหลังของบ่อน้ำโบราณ Dada Harir Vav ซึ่งเป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์ ด้วย


เที่ยววันที่ 3 เหมารถเที่ยว
The Queen’s Stepwell(Rani-ki-vav)
บ่อน้ำราชินี ตั้งอยู่ที่เมืองปาทาน รัฐคุชราต(ห่างจากอาห์เมดาบัดประมาณ 120 กิโลเมตร) เป็นวิหารหินใต้ดิน 7 ชั้น ใช้เก็บกักน้ำในหน้าฝนเพื่อใช้ในหน้าร้อน (stepped well) และเป็นที่ประกอบพิธีกรรม สร้างในช่วงปลายศตวรรษที่ 11 โดยราชินีอุทัยมาตี ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1958 หลังจากถูกถับถมอยู่ใต้ดินมานาน ปัจจุบันได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรกดโลก ทำให้ได้รับการดูแลจากยูเนสโก้
♦️ค่าเข้า คนไทยดีมากที่ได้ราคาเดียวกับคนอินเดีย
-คนอินเดีย และพาสปอร์ตไทย ราคา 40 รูปี
-ต่างชาติราคา 600 รูปี




เป็นมุมถ่ายรูปที่ดีมากๆ สำหรับที่นี่ 😀😀

😀😀

Modhera Sun Temple วัดโมเดห์ร่า
หนึ่งในสามเทวาลัยแห่งสุริยเทพของประเทศอินเดีย ว่ากันว่าสมัยก่อนภายในวัดมีเพชรเม็ดโตอยู่บนศรีษะรูปสลักของสุริยเทพ เมื่อแสงแรกยามเช้าส่องเข้ามา จะมากระทบเพชรจนสว่างไสวไปทั่วตัววัด เลยทีเดียว
♦️ค่าเข้า คนไทยดีมากที่ได้ราคาเดียวกับคนอินเดีย
-คนอินเดีย และพาสปอร์ตไทย ราคา 25 รูปี
-ต่างชาติราคา 300 รูปี




อยู่ห่างกันประมาณ 30 กิโล และอยู่ระหว่างทางกลับไปอาห์เมดาบัดอีกด้วย

และมีคุณค่าอีกทั้งยังเป็นมุมถ่ายรูปเก๋ๆ อีกด้วย

เที่ยววันที่ 4 เหมารถเที่ยว
Bhadra Fort & Lal Darwaza & Teen Darwaza
ตรงนี้ก็จะเป็นคล้ายๆ ป้อมประตูเมือง สมัยโบราณซึ่งตั้งอยู่กลางเมืองเลย ด้านหน้าจะเป็นตลาด เข้าชมฟรี

สามารถเดินมาจาก Bhadra Fort & Lal Darwaza ได้ ซึ่งตัวตลาดก็จะเชื่อมต่อกันด้วย


Shree Swaminarayan Mandir Kalupur
เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึงของเมือง รายล้อมไปด้วยตลาด วัดนี้คนจะมาเยอะมาก ด้านในตัววัดจะห้ามถ่ายรูปนะครับ ถ่ายได้แค่ข้างนอก



ถ้าใครมาเที่ยว Akshardham Temple ก็มากินที่สาขานี้ได้

อีกทั้งยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ



ช่วงเย็นถ้ามีเวลาว่าง มาเดินเล่นที่นี่ได้ มีกิจกรรมหลายอย่างรอบทะเลสาบ ทั้งให้อาหารปลา เป็นต้น
วันที่ 5 เที่ยวเองวันสุดท้าย
จริงๆ ตอนแรกเราว่าจะซื้อทัวร์ Heritage Walk of Ahmedabad ที่เค้าจะพาเดินทัวร์ในเมืองช่วง 8.30-12.00 น. ราคา ประมาณ 720 รูปี แต่เราดูโปรแกรมแล้วบางที่เราไปมาแล้ว และบางที่ก็อยู่ใกล้ๆ ที่พักเรา เราจึงตัดสินใจเดินเที่ยวเอง

Jama Masjid มัสยิดจามา
มัสยิดใจกลางเมืองอาห์เมดาบัด ถือเป็นสถานที่สำคัญ มีสถาปัตยกรรมที่งดงาม
พอเดินเข้าสู่มัสยิดผ่านหลังคาโค้ง จะพบกับลานหินอ่อน มีสระบรรจุน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ใจกลางลาน และเมื่อเดินผ่านทางเดินหลังคาโค้งไปที่ จะพบกับงานสลักในแบบอาหรับและฮินดู เมื่อมองเข้าไปในหอสวดมนต์หลัก จะเจอกับเสารองรับ 260 ต้นที่ได้รับการตกแต่งโดยไม่เหมือนกันเลยในแต่ละเสา เมื่อแหงนมองจะพบกับหลังคาโดม 15 โดม





ซึ่งภาพนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองอีกด้วย

มาได้สะดวก ร้านใหญ่ บรรยากาศดี


ไม่ค่อยแนะนำครับ



สรุปทริป
สำหรับทริปนี้เราก็เที่ยวอาห์เมดาบัด 5 วัน 5 คืน แต่เที่ยวจริงๆ คือ 4 วันเต็ม ก็ถือว่าเก็บสถานที่ได้ครบ และก็เที่ยวแบบไม่แน่นมาก
เมืองนี้ก็เป็นเมืองที่เที่ยวได้สบายๆ ครับ ที่พัก การเดินทาง อาหาร สะดวก เมืองเจริญและดูเป็นอินเดียสมัยใหม่แล้ว สำหรับที่เที่ยวก็ต้องบอกว่าเกินคาดมาก สวยๆ อลังการหลายที่ ได้รู้สวยๆ กลับมาเยอะเลย
✈แนะนำเลยครับสำหรับเมือง อาห์เมดาบัด และตอนนี้สายการบินไทยสไมล์ก็เปิดบินตรงจาก กรุงเทพ – อาห์เมดาบัดแล้ว
👉 ไปจองตั๋วกันได้เลยที่ www.thaismileair.com

สรุปค่าใช้จ่าย
สำหรับค่าใช้จ่ายทริปนี้ 5 วัน 6 คืน เดินทางกันค่าคน ตกคนละไม่ถึง 5000 บาทครับ รวมทุกอย่างยกเว้นค่าตั๋วเครื่องบิน สำหรับที่พักเราก็จองเผื่อไปเลยอีก 1 คืน ด้วยความที่บินกลับไฟล์ทดึก จะได้อยู่ห้องได้ยาว เพราะที่พักที่เมืองนี้ไม่แพง ส่วนตัวก็คิดว่าอินเดียเที่ยวไม่แพงอยู่แล้วครับ 5000 บาทที่เราใช้ไปคือ กินดีอยู่ดีเลยละครับ
