รีวิว พาเที่ยวอีสานใต้ จ.สุรินทร์ ศรีสะเกษ พร้อมแจกแพลนทริป 4 วัน 3 คืน ฉบับละเอียด
แทบไม่เชื่อตัวเองว่าโตมา 30 ปี แอดยังไม่เคยไปเที่ยวแถวสุรินทร์ ศรีสะเกษซักครั้ง เคยได้ยินแต่ชื่อ จนได้มีโอกาสไปแล้วรู้สึกว่าเราพลาดอะไรหลาย ๆ อย่าง ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีเสน่ห์ และจุดเด่นของเค๊า และแน่นอนครับว่า ที่ที่แอดไปก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอารามณ์ ศูนย์ทอผ้าไหม ข้าวหอมมะลิ ร้านอาหาร ร้านของฝาก คาเฟ่ ดัง ๆ ก็มีหลากหลายไม่แพ้จังหวัดอื่น ๆ เลยครับ ที่ผมชอบมาก ๆ คือไปช่วงงานเทศกาลดอกลำดวนบาน การแสดงยิ่งใหญ่อลังการมากครับ เกินคาด คือมา 4 วัน 3 คืนก็เที่ยวครบทั้ง 2 จังหวัด เพราะอยู่ติดกัน และค่าครองชีพที่นี่ก็ถูกแสนถูก ยิ่งขับรถไปกันเองกับเพื่อน มีเงินเหลือกลับมาแน่นอนครับ เดินทางสะดวกสามารถตามรอยได้ง่าย ๆ เลยครับ ว่าแล้วตามไปดูกันเลยครับ 🤩
แผนการท่องเที่ยว
แผนของเราเดินทาง 4 วัน 3 คืน โดยนอนค้างที่ จ. สุรินทร์ 1 คืน และ จ. ศรีสะเกษ 2 คืน เดินทางใน ช่วง 13-16 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา และแน่นอนครับ ช่วงโควิดระบาดพอดี เพราะฉะนั้นการเที่ยวของเราจึงต้องระวังเป็นพิเศษ มาดูกันครับว่าแผนเที่ยวของเรามีอะไรบ้าง และจะไปที่ไหนกันบ้างครับ
Day 1 (13/03/2563)
- ออกเดินทางจาก กทม 07:00 น. พักทานอาหารเที่ยง ที่ร้านลักษณาขาหมูนางรองจังหวัดบุรีรัมย์
- เยี่ยมชมวัดบูรพารามเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี (วัดคู่บ้านคู่เมือง จ.สุรินทร์)
- เยี่ยมชมหมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง เป็นศูนย์ทอผ้าชื่อดังของ จ. สุรินทร์
- เข้าที่พัก เราพักกันที่ Slive Hotel Surin (โรงแรมใหม่ ในตัว จ. สุรินทร์)
- แวะคาเฟ่ร้านดัง “Life coffee at home” จังหวัดสุรินทร์ ได้อารมณ์เหมือนอยู่บ้าน
- ทานอาหารเย็นที่ ร้านข้าวต้มศรีเจริญ (ร้านติดกับโรงแรมเลย)
- พักผ่อนตามอัธยาศัย หรือจะท่องราตรียามค่ำคืนก็ได้
Day 2 (14/03/2563)
- ทานอาหารเช้า พร้อม Check out จากโรงแรม
- เดินทางไปเยี่ยมชม กลุ่มทอผ้าไหมมัดหมี่ย้อมศรีธรรมชาติ แม่สมใจ จำปาทอง บ้านจารพัต อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์
- แวะร้านกะละแมสดศีขรภูมิ (ตราปราสาทเดียว)
- เยี่ยมชมปราสาทศีขรภูมิหรือปราสาทระแงง อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ เป็นปราสาทที่มีความสมบูรณ์และงดงามมากที่สุดในจังหวัดสุรินทร์
- ออกเดินทางไปอำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ
- ทานอาหารเที่ยงที่ ร้านกี่ไก่ย่างไก่ย่างไม้มะดันสูตรพิเศษที่มีชื่อเสียงเล่าขานมานานซึ่งเนื้อไก่ย่างมีสีเหลืองกลิ่นหอมมาพร้อมความอร่อย
- เยี่ยมชมวัดป่าศรีมงคลรัตนาราม
- Check in ที่พัก ณ Gallery Design Hotel
- ทานอาหารเย็นที่ร้าน Cafe De Tree
- ชมการแสดงแสงสีเสียงเทศกาลดอกลำดวน ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ จ. ศรีาะเกษ (แอดขอแยกรีวิวในส่วนนี้นะครับ เดี๋ยวแปะลิงค์ให้ครับ)
- กลับเข้าที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย หรือจะท่องราตรียามค่ำคืนก็ได้
Day 3 (15/03/2563)
- ทานอาหารเช้าที่โรงแรม
- ออกเดินทางไปเยี่ยมชม วัดพระธาตุสุพรรณหงส์ จ.ศรีสะเกษ
- เยี่ยมชม วัดพระธาตุเรืองรอง จ.ศรีสะเกษ
- พักทานอาหารเที่ยง ที่ร้านอาหารสีเขียว
- เยี่ยมชม วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว (วัดล้านขวด)
- แวะพักผ่อนที่ คาเฟ่ Cafe’ De’ Nissa
- ชมพระอาทิตย์ตก ที่ผาพญากูปรี
- ทานอาหารเย็นที่ร้าน หน้าหมี ตีหม้อ ชาบูบุฟเฟต์
- กลับที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย
Day4 (16/03/2563)
- รับประทานอาหารเช้า พร้อม Check out
- เดินทางสู่ จ. สุรินทร์ อีกครั้ง เพราะเป็นทางผ่าน
- แวะคาเฟ่อีกร้านใน จ. สุรินทร์ Craft cafe
- แวะซื้อของฝากร้าน กุนเชียง5ดาว
- แวะอีกคาเฟ่ ก่อนเดินทางกลับ กทม
- พักทานอาหารเที่ยง ที่ ร้านจิ้งนำ นางรองขาหมู จ. บุรีรัมย์
- เดินทางกลับ กทม โดยสวัสดิภาพ
พร้อมแล้วเรามาเริ่มออกเดินทางไปพร้อม ๆ กันครับ
Day 1 ออกเดินทางจาก กทม มุ่งสู่ จ. สุรินทร์
เราออกเดินทางกันตั้งแต่ 07:00 เช้า ด้วยรถตู้ส่วนตัวไปกัน 5 คน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง ก็ถึงครับ ถ้าไม่แวะบ่อยฮ่าาา
ระหว่างทางเราก็แวะทานอาหารเที่ยงกันที่ร้าน ลักษณาหมูตุ๋น ต้มยาจีน ที่ อ. นางรอง จ. บุรีรัมย์ ก่อนจะถึง จ. สุรินทร์ ครับ
อาหารที่นี่ก็อร่อยหลายอย่างเลยครับ ที่เด่น ๆ ก็จะเป็นข้าวขาหมูตุ๋นนั่นเอง ถือเป็นร้านอาหารชื่อดังของที่นี่ ร้านใหญ่เลยทีเดียว รองรับแขกได้หลายคน
นอกจากนี้ที่ร้านยังมีร้านของที่ระลึก และของฝากมากมาย อีกด้วย
ถึงแล้วครับ จ. สุรินทร์ จุดเด่นของที่นี่แน่นอนครับ คือ รูปปั้นช้างตั้งตระหง่าน กลางวงเวียนนั่นเอง พอพูดถึง จ. สุรินทร์ หลาย ๆ คนก็คิดเช่นเดียวกับผมคือ นึกถึงช้างนั่นเอง เอาจริง ๆ ผมนึกออกเพียงอย่างเดียวตอนแรกฮ่าา จนก่อนมาก็ได้หาข้อมูลมาบ้าง ก็ได้รู้ว่าที่ สุรินทร์ มีที่เที่ยวเยอะแยะ ไม่น้อยไปกว่า จ. อื่น ๆ เลยครับ ว่าแล้วตามไปดูที่เที่ยวที่แรกของเรากัน
วัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์
วัดบูรพาราม ตั้งอยู่อำเภอเมืองจังหวัดสุรินทร์ เป็นวัดเก่าแก่สร้างในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์มีอายุประมาณ 200 กว่าปีเท่ากับอายุเมืองสุรินทร์ ถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง และเป็นศูนย์รวมจิตใจของ จังหวัดสุรินทร์เลยครับ วัดนี้สร้างโดยพระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวางเจ้าเมืองสุรินทร์คนแรก ภายในวัดได้ประดิษฐาน พระพุทธรูปหลวงพ่อชีว์ พระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 4 ศอก สร้างในสมัยเดียวกับการสร้างวัดบูรพาราม นอกจากนี้ยังมีภาพปั้นเหมือนหลวงปู่ดุล อตุโล พระวิปัสสนากรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริหัตโต ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของ จ. สุรินทร์
ที่อยู่ : ถ.จิตรบำรุง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ สุรินทร์ 32000
วันเปิดทำการ : ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ : 6.00-19.00น พิกัด: https://goo.gl/maps/xdoLNBWMK1R2nYrF9
อุโบสถ ของที่นี่มีความสวยงาม ประณีต และเก็บรายละเอียดมาก ๆ ครับ
พอเข้ามาด้านในก็สวยงามไม่แพ้กัน มีจิตรกรรมบนฝาผนังรายล้อมมากมายที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา และพระพุทธรูปปางสมาธิ ที่ประดิษฐาน เพื่อให้ชาวสุรินทร์ และนักท่องเที่ยวได้สักการะ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
ถัดมาเป็นอุโบสถด้านหลัง ที่เป็นหลังเก่า ก็จะพบ หลวงพ่อพระชีว์ (หลวงพ่อประจี) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของสุรินทร์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 4 ศอก ซึ่งชาวบ้านที่นี่เคารพนับถืออย่างมาก
หลังจากไว้สักการะขอพรที่วัดบูรพาราม แล้วเราก็เดินทางไปอีกที่ครับ ที่ต่อไปคือจะบอกว่าผมทึ่งมาก ทั้งในความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ และความอดทน ว่าแล้วไปดูกันเลยครับ
หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง จ. สุรินทร์
บ้านท่าสว่าง เป็นหมู่บ้านที่มีฝีมือในการทอผ้าไหมโบราณที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสุรินทร์ ด้วยเทคนิคการทอผ้ายกทองแบบโบราณผสานกับลวดลายที่วิจิตรงดงาม โดยการทอผ้าแต่ละผืนต้องใช้คนทอเป็นจำนวนมาก ถือเป็นเอกลักษณ์มาก ๆผมยังตกใจ และใช้เวลาในการทอนานหลายเดือนเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นเวลาจองคิว คือจองข้ามปีกันเลยครับ ราคาก็สูงสุด ก็หลักแสนเลยทีเดียว แต่อย่าพึ่งตกใจ ต้องไปเห็นวิธีการทอก่อนครับ แล้วจะเข้าใจว่าทำไมถึงราคานี้ครับ
ซึ่งการทอผ้าไหมดังกล่าวได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากสำนักพระราชวังและมูลนิธิในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ รวมถึงได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ทอผ้าไหมยกทองโบราณเพื่อมอบให้กับผู้นำเอเปค เมื่อปี พ.ศ.2546 จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้านหัตกรรมที่สำคัญของจังหวัดสุรินทร์ ไปแล้วครับ
ที่อยู่ : หมู่ 1 ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมืองสุรินทร์ สุรินทร์ 32000
วันเปิดทำการ : ทุกวัน เวลาเปิดทำการ : 07.00 – 17.00 น. พิกัด: https://goo.gl/maps/tr6wBRVvvfQYLoPF6
โซนแรกที่เราเข้ามาเยี่ยมชม ก็จะเป็นโซนผสมสี และย้อมสีครับ เรามาดูเทคนิคการย้อมของที่นี่กันดีกว่า
การทอไหมของที่นี่มีขั้นตอนที่ยากกว่าการทอผ้าไหมแบบอื่น เจ้าหน้าที่บอกว่า เริ่มตั้งแต่สาวไหมเส้นละเอียดมาฟอก ต้มแล้วย้อมสีธรรมชาติ
สีที่ทำจากธรรมชาติ ด้วยแม่สีหลักสามสี คือ สีแดงจากครั่ง สีเหลืองจากแก่นแกแล และสีครามจากเมล็ดคราม หลังจากที่ได้แม่สี เสร็จแล้วก็ต้องมีการผสมสีเพื่อให้ได้สีอื่น ๆ
เมื่อได้เส้นไหมย้อมสีแล้ว ยังต้องทำไหมทอง ปั่นเส้นด้ายควบกับเส้นเงินแท้เพื่อทอเป็นผ้ายกทอง นี่แค่ขึ้นตอนย้อมสีนะครับท่านผู้ชมม
จากนั้นก็เข้าไปเยี่ยมชม โรงทอผ้าไหมจันทร์โสมา โรงทอผ้าไหมตามรูปแบบราชสำนักโบราณ ก่อตั้งโดยอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ผู้ซึ่งถือกำเนิดในตระกูลช่างทอผ้าที่สืบทอดวิชาการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม สาวไหม ย้อมสีธรรมชาติ และทอเป็นผืนผ้ามาหลายชั่วอายุคน และมีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศไทย
ลวดลายซับซ้อนและสวยงามมาก ๆ ด้วยลวดลายที่ซับซ้อน จึงต้องใช้เส้นไหมจำนวนมาก ตั้งแต่ร้อยถึงเป็นพัน ต้องขุดหลุมบริเวณที่ตั้งกี่ลึกลงไป 2-3 เมตร เพื่อรองรับความยาวของตะกอ ต้องใช้คนทอถึง 4 คน และ มีช่างทอคนหนึ่งอยู่ในหลุม คอยสอดตะกอ ผมเห็นทีแรกถึงกับตกใจ เพราะเคยเห็นแต่คนทอ แค่คนเดียว และแต่ละวันทอได้วันละ 4-5 เซนติเมตร ใช้เวลานานกว่าจะออกมาเป็นลวดลาย ช่างที่นี่จึงเป็นช่างที่มีฝีมือ และเก่าแก่มาก ๆ ครับ
คนที่อยู่ข้างล่างคือ ผู้เสียสละมาก ๆ ครับฮ่าาา ผมนับถือจริง ๆ
บริเวณรอบ ๆ ด้านนอกโรงทอ ก็จะเป็นตลาดผ้าไหม มีร้านมากมายให้เลือก ในราคาที่สบายกระเป๋า สำหรับใครที่ชื่นชอบผ้าไทยละก็ เดือนเลือก เดินลองจนฟินครับ แต่ผ้าจะคนละแบบกับในโรงทอนะครับ เพราะในโรงทอ ต้องจองกันข้ามปีเลยทีเดียว และราคาก็…. หลักแสนก็มีครับฮ่าาา
จากนั้นก็เดินทางเข้าเมืองกันครบ ช่วงนั้นก็เย็นพอดี
“Life coffee at home” จังหวัดสุรินทร์
จากนั้นเราก็แวะมาที่ ร้านกาแฟแสนละมุนที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน มีทั้งกาแฟ เค้กและอาหารทานเล่น เจ้าของเดียวกับ Yellow tank การตกแต่งร้าน มีความคลีนและสบายตา สไตล์มินิมอล ซึ่งทั้งร้านก่อด้วยอิฐตันมือ แล้วเปลือยผนังโชว์ให้เห็นพื้นผิวของตัวอิฐ
ที่ตั้ง : ซอยปั้ม ปตท. ใหญ่ทางไปบิ๊กซี
FB : Life coffee at home โทร : 086 866 5503 เวลาเปิดทำการ : 08.00 – 18.00 น. พิกัด: https://goo.gl/maps/38SJquKa98pkRMBr7
บรรยากาศได้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านมาก ๆ ครับ
พอเข้ามาด้านในก็มีมุมตกแต่งมากมาย ให้เลือกนั่งได้ตามสบายจะมาเป็นกลุ่ม หรือเดี่ยว หรือจะมาเป็นคู่ๆ ก็ว่ากันไป แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงโควิด ทางร้านก็จัดร้านให้นั่งแบบห่าง ๆ กัน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
กาแฟของที่นี่ก็หอมละมุนไม่แพ้ที่อื่น ๆ เลย มีหลากหลายรสชาติให้เลือก นอกจากนี้ยังมีเค๊ก เบเกอรี่อร่อย ๆ ให้ทานกันเยอะแยะมากมายเลยครับ บอกตรง ๆ ครับว่า จุก จนลืมข้าวเย็นไปเลยฮ่าา
จากนั้นก็เดินทางเข้าห้องพัก ที่โรงแรม SLIVE HOTEL
SLIVE HOTEL Surin
พิกัด: https://goo.gl/maps/ZcCrUM4xAohxsbUs8 โทร 044 060 322 website: http://www.slivehotel.com/
SLIVE ก็คือ Sleep & Live นั่นเองครับ เป็นโรงแรมทันสมัยทำเลย่าน
ใจกลางเมืองสุรินทร์ เดินทางสะดวกสบาย พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
เหมาะสำหรับการติดต่อธุรกิจ ท่องเที่ยว พักผ่อน มาก ๆ ครับ ฟีลจะให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้าน คอนโด ห้องออกกำลังกายก็มี ด้านล่างก็มีคาฟ่ ร้านอาหาร ที่ดูทันสมัย ว่าแล้วตามมาดูตัวอย่างห้องกันครับ
ห้องพักมีทั้งหมด 37 ห้องพักปลอดบุหรี่ ได้รับการตกแต่งอย่างดี Deluxe Room เตียงคู่ – เตียงเดี่ยว Family Room และ Studio Suite ห้องดูสะอาด ใหม่ และทันสมัยมาก ๆ ครับ
ด้านล่างของโรงแรมก็จะมี โซนอาหาร เครื่องดื่มของหวาน บริการสะดวกและดูทันสมัยมากครับ
อาหารก็อร่อย ๆ น่าทานทั้งนั้นครับ
ทานอาหารเย็นที่ร้านข้าวต้มศรีเจริญ
ร้านข้าวต้มศรีเจริญ
เวลาเปิดร้าน ทุกวัน 17:00 – 23:30
ร้านศรีเจริญโภชนา เป็นร้านอาหารตามสั่งและข้าวต้มกุ๊ย ร้านจะอยู่ข้าง ๆ กันกับโรงแรม Slive Hotel เลยครับ
พิกัด: https://goo.gl/maps/Pd1MNp16r8czf1Mn7
อาหารที่นี่ถือว่าเด็ดใช้ได้เลยทีเดียว มีหลากหลายให้เลือกครับ ทานแล้วหลับสลายเลยคืนนี้พร้อมลุยทริปต่อพรุ่งนี้ละครับ
——————————————————————————————————————–
Day 2 ท่องเที่ยวใน จ. สุรินทร์ และเดินทางต่อ จ. ศรีสะเกษ
อรุณสวัสดิ์ครับ เช้านี้ขอเติมพลัง ด้วยอาหารเช้าที่โรงแรม พร้อม Check out ที่โรงแรมก่อนออกเดินทางท่องเที่ยวกันต่อครับ
.
กลุ่มทอผ้าไหมมัดหมี่ย้อมสีธรรมชาติ แม่สมใจ จำปาทอง
มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่แรกของวันที่ 2 กันครับ วันนี้เราก็ได้มีโอกาสแวะมาที่ กลุ่มทอผ้าไหมมัดหมี่ย้อมสีธรรมชาติ แม่สมใจ จำปาทอง บ้านจารพัต อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์มี ซึ่งแน่นอนครับว่า ที่สุรินทร์โดดเด่นและมีชื่อเสียงในเรื่องของผ้าไหม มัดหมี่อยู่แล้ว ซึ่งที่นี่มีกี่ทอ 5 ตัว อยู่บริเวณชั้นล่างของบ้าน คล้ายเป็นโรงทอผ้าขนาดย่อม โดยที่นี่เป็นจุดเด่นการย้อมไหมสีธรรมชาติ ด้วยการนำไม้มงคลเก้าชนิดผสม และอาบโคลนดอกบัว จึงทำให้ผ้าไหมทุกชิ้นมีความสวยงาม ประณีตและทรงคุณค่าทุกชิ้นงาน ซึ่งจังหวัดสุรินทร์ได้ยกให้เป็นศูนย์เรียนรู้การทอผ้าและย้อมไหมสีธรรมชาติ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนเป็นที่รู้จักโด่งดังในระดับประเทศ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ นางสมใจ จำปาทอง เบอร์โทรศัพท์ 086-2572175 ที่ตั้ง บ้านไทร เลขที่ 20 หมู่ 7 ต.จารพัต อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์
และที่นี่เข้ารับการคัดสรรเป็นสินค้าโอท็อปของอำเภอศีขรภูมิ จากฝีมือและความประณีต ตลอดจนมีการพัฒนาลายผ้าไหมประยุกต์และย้อมสีธรรมชาติจากไม้มงคลเก้าชนิด ทำให้ชื่อเสียงของผ้าไหมมัดหมี่สีธรรมชาติของบ้านไทร ต.จารพัต อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปอย่างกว้างขวางในวงการผ้าไหมของประเทศไทย จนมีนักท่องเที่ยว และผู้สนใจเดินทางเข้ามาชมอย่างต่อเนื่องครับ
มาที่นี่ได้มีโอกาสชมผ้าลายสวย ๆ ได้ทดลองแต่งกายถ่ายรูป สวยงามมาก ๆครับ นอกจากนี้หากสนใจก็สามารถซื้อติดไม้ติดมือไปได้นะครับ เป็นของฝากที่ญาติผู้ใหญ่ที่ชื่นชอบผ้าไทยไว้ด้วย
นอกจากนี้ก็ได้แวะชมการทอผ้าของชาวบ้านที่นี่ ซึ่งผมเคยเห็นที่อื่น ๆ ก็จะมีคนทอคนเดียว แต่เมื่อวานที่ไปคือ ต้องใช้คนทอถึง 4 คน คือเยอะมากครับ ยังอึ้งไม่หายฮ่าาา
.
ร้านกะละแมสดศีขรภูมิ (ตราปราสาทเดียว)
ต่อจากนั้นเราก็มาต่อกันที่ อ. ศีขรภูมิ ครับ เป็นระหว่างทางพอดีที่จะต่อไปที่ จ. ศรีสะเกษ ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยว และของฝากเยอะเหมือนกัน และที่ไม่ควรพลาดเลยคือที่นี่ครับ ร้านกะละแมสดศีขรภูมิ (ตราปราสาทเดียว) ทีเด็ดของกะละแมศีขรภูมิ ตราปราสาทเดียว คือทำสดใหม่ทุกวัน ไม่ใช่วัตถุกันเสียใดๆ ใบตองรีดด้วยเตารีดใช้ถ่านแบบดั้งเดิมทำให้มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ มีวิธีกินเก๋ๆ คือแกะออกมาแล้วดมกลิ่นใบตองให้ติดจมูกเสียก่อน จากนั้นค่อยงับกะละแมเข้าปาก หวาน มัน เหนียวนุ่มหนึบกำลังดี ต้องบอกเลยว่าหอม และอร่อยมากครับ
ที่ตั้ง : ถ.เสรีธิปัตย์ ใกล้สถานีรถไฟ อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์
เวลาทำการ : ทุกวัน 6.00-17.00 น. ติดต่อ 044561009 หรือ http://www.facebook.com/kalamaesikhoraphum
พิกัด : https://goo.gl/maps/WFPWAkYWJd8YwQyb8
ปัจจุบันก็ยังใช้เตารีดถ่านสมัยโบราณใช้ในการรีดใบตองเพื่อให้ได้ความหอมมากกว่า
ภายในร้านก็เป็นกระจกเปิด แสดงให้เห็นกรรมวิธีในการผลิต จะบอกว่าใช้มือล้วน ๆ ครับ ไม่มีเครื่องจักรแต่อย่างใด
นี่ครับตัวอย่างวิธีการกินต้องแกะออกและให้เหลือใบตองทิ้งไว้ โดยให้ใบตองแตะจมูกก่อนทานเพื่อให้ได้กลิ่นหอมของใบตอง และให้ได้รสชาติที่นุ่ม หอมละมุน ไม่หวานมากด้วย
นอกจากนี้ในร้านยังมีร้านกาแฟอีกด้วย ซึ่งบาริสต้าก็เป็นลูกชายเจ้าของร้านนั่นเองครับ ส่วนตัวผมขอยกให้ที่นี่เป็นกาแฟที่อร่อยที่สุดในสุรินทร์เพราะไปทานมาหลายร้านมากครับ โดยทุกคนที่ไปด้วยกันลงความเห็นเดียวกัน กาแฟหอมมาก และรสชาติลงตัวที่สุด เอาเป็นมาถ้าแวะมาแถวนี้ไม่ควรพลาดร้านนี้ครับ เพราะได้ทานกะละแมอร่อย ๆ แล้วยังมีกาแฟหอม ๆ ให้ดื่มอีกด้วย
.
ปราสาทศีขรภูมิ
จากนั้นไม่ไกลมาก ก็มาแวะกันที่ ปราสาทศีขรภูมิ จ. สุรินทร์ เป็นปรางค์หมู่ 5 องค์แบบก่ออิฐไม่สอปูน ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน ที่นี่จะมีนางอัปสราลักษณะคล้ายกับนางอัปสราที่ปราสาทนครวัด ประเทศกัมพูชา ที่มีแห่งเดียวในประเทศไทย คืออยู่ที่นี่นั่นเองครับ ป ปราสาทหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีบันไดทางขึ้นและประตูทางเข้าเพียงด้านเดียวคือด้านทิศตะวันออก ปรางค์ทั้งห้าองค์มีลักษณะเหมือนกัน คือ องค์ปรางค์ไม่มีมุขมีประตูทางเข้าด้านเดียว มีชิ้นส่วนประดับทำจากหินทรายสลักเป็นลวดลายต่าง ๆ ทั้งส่วนที่เป็นทับหลัง ปราสาทแห่งนี้คาดว่าสร้างขึ้นในราวกลางพุทธศตวรรษที่ 17 หรือต้นสมัยนครวัด โดยสร้างขึ้นเนื่องในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย และคงถูกดัดแปลงให้เป็นวัดในพุทธศาสนาตามที่มีหลักฐานการบูรณปฏิสังขรณ์ในราวพุทธศตวรรษที่ 22 ในสมัยอยุธยาตอนปลาย
ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่ง Hightlight ที่ไม่ควรพลาด เมื่อมาเที่ยว จ. สุรินทร์ ครับ ว่าแล้วไปชมความงามของปราสาทกันครับ
พิกัด: https://goo.gl/maps/GhXgQyJZnx4jxG8E6
อัตราค่าเข้าชมชาวไทย คนละ 10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท
ทางเข้าของปราสาทก็จะมีจุดจำหน่ายบัตรเข้าชมครับ ราคาตั๋วตามราคาที่ผมได้แจ้งไว้ข้างต้นนั่นเอง
ตรงนี้จะเป็นเศียรปราสาท ที่ชำรุด ก็ได้ถูกยกมาตั้งไว้ข้าง ๆ
ปราสาทด้านในถือว่ายังคงงดงาม และสมบูรณ์ที่สุดใน จ. สุรินทร์
.
แวะทานอาหารเที่ยงที่ ร้านกี่ไก่ย่าง จ.ศรีสะเกษ
เสร็จจากเที่ยวปราสาทแล้วก็ได้เวลามุ่งหน้าเดินทางเที่ยวต่อที่ อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ แต่ขอพักทานข้าวเที่ยงก่อนละกันครับ มื้อนี้ขอทานอาหารอีสานนัว ๆ กันเลย ที่ร้านกี่ไก่ย่าง ไก่ย่างไม้มะดันสูตรพิเศษที่มีชื่อเสียงเล่าขานมานานซึ่งเนื้อไก่ย่างมีสีเหลืองกลิ่นหอมมาพร้อมความอร่อย อร่อยมาก ๆ ครับ นอกจากนั้นก็ยังมีอาหารอื่อน ๆ ลาบ ก้อย แกงอ่อม ส้มตำ ห่อหมก มื้อนี้คือสะใจมากครับ ได้มาทานอาหารอีสานถึงที่
พิกัดร้าน https://goo.gl/maps/gtr4M44DNsdya3tH7
.
เยี่ยมชมวัดป่าศรีมงคลรัตนาราม จ.ศรีสะเกษ
ตอนนี้ก็ได้มาถึงจังหวัดศรีสะเกษเป็นที่เรียบร้อย เดินทางประมาณ 1 ชม จากฝั่ง จ. สุรินทร์ ไม่ไกลมาก เพราะว่าอยู่ติดกัน ก็ได้มีโอกาสเยี่ยมชมวัด แรกของที่นี่กันคือ วัดป่าศรีมงคล หรือวัดถ้ำพญานาค รัตนาราม ตำบลโคกจาน อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งวัดนี้ได้รับบริจาคที่ดินจากบิดา-มารดา ของพระครูวิจิตรวินัยคุณ เจ้าอาวาสวัดป่าศรีมงคลรัตนาราม เพื่อเป็นสถานที่อบรมปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐาน ต่อมาด้วยความเพียรของเจ้าอาวาส และแรงศรัทธาจากญาติโยม จึงจัดตั้งเป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย นามว่าวัดป่าศรีมงคลรัตนาราม
บริเวณรอบ ๆ วัดมีความร่มรื่นมาก ๆเหมาะแก่การทำทำบุญ นั่งสมาธิ พักผ่อนหย่อนใจ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นของที่เลยครับ
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 06.00 – 18.00 น.
พิกัด : https://goo.gl/maps/Ct8TZJeNbtowAozQ7
ภายในถ้ำมีความอลังการด้วยรูปปั้นพญานาคที่อ่อนช้อยงดงาม รวมทั้งการจำลองหินงอกหินย้อย ประดับด้วยหลอดไฟหลากสี ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในถ้ำพญานาคใต้น้ำที่ดูลึกลับและศักดิ์สิทธิ์ บริเวณทางเข้าถ้ำมีพุ่มพานสำหรับนำไปไหว้พระพุทธรูปและพญานาคราช ภายในจำลองให้เป็นถ้ำวังบาดาล
ด้านนอกก็จะมีพานดอกไม้ให้สักการบูชา กราบไหว้ และขอพร
อ้อมมาด้านหลังก็จะเจอ อุโบสถหลังเก่า ที่มีความสวยงาม ศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ ด้านนอนเป็นไม้แกะสลัก ส่วนด้านในตกแต่งด้วยไม้ และพื้นเป็นหินอ่อน พอได้มีโอกาสมากราบไหว้รู้สึกร่มเย็นทั้งภายนอก และภายในครับ
.
Check in ที่พัก ณ Gallery Design Hotel จ.ศรีสะเกษ
หลังจากแวะเที่ยววัดแล้วก็ได้เวลากลับเข้าที่พักแล้ว เพราะเย็นนี้มีนัดไปเที่ยวงานเทศกาลดอกลำดวน ชมงานแสดง แสง สี เสียงนั่นเองครับ
โรงแรมที่เราพัก ถือว่าเป็นโรงแรม ที่ใหญ่ และมีชื่อเสียงของที่นี่ และตั้งอยู่ในตัวเมืองของ จ. ศรีสะเกษเลยก็ว่าได้ครับ ห้องสะอาด และกว้างมาก ๆ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเดี๋ยวพาไปชมบรรยากาศห้องพักกันครับ
พิกัด: https://goo.gl/maps/dxKwyg8Vd7wzsikD8
.
ทานอาหารเย็นที่ร้าน Cafe De Tree
ก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยวงานเทศกาลดอกลำดวน ตอนเย็น ก็ได้เวลาทานข้าวเย็น กันที่ ร้าน Cafe De Tree เป็นคาเฟ่ ที่ใหญ่มาก ๆ ครับ จัดร้านได้สวยมาก ๆ พื้นที่ใหญ่ และที่นี่มีจุดเด่นคือตู้ปลา ใหญ่ และสวยงามมากๆ อาหารก็มีหลากหลายครับ ทั้งไทย และ ตปท กาแฟ เครื่องดื่ม มีครบครับ เดี๋ยวก่อนทานมื้อเย็นผมพาสำรวจภายในร้านกันครับ
พิกัด: https://goo.gl/maps/U69bLGYnT7zuNBep7
บรรยากาศน่านั่งมาก ๆ ครับ จัดตกแต่งร้านได้สวยสะใจมาก
แน่นอนครับ เดินเข้ามาในร้านก็ต้องว้าวให้กับตู้ปลาสุดเก๋ และยิ่งใหญ่ ดูเพลินเลยครับ
ทีนี้ก็ได้เวลาทานข้าวกันแล้วครับ อาหารที่เราเลือกก็มีหลากหลาย พิซซ่าที่นี่อร่อยใช้ได้เลยครับ ของผมสั่งสเต๊กหมู จานใหญ่ และอิ่มมาก ๆ
.
ชมการแสดงแสงสีเสียงเทศกาลดอกลำดวน 2563 ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ จ. ศรีาะเกษ
(แอดขอแยกรีวิวในส่วนนี้นะครับ โปรดคลิกตาม Link ด้านล่าง)
https://www.salaryhumantravel.com/2020/05/28/srisakatefestival2020/
.
Day 3 ได้เวลาเที่ยวศรีสะเกษ
หลังจากที่เมื่อคืนเราได้ไปชมงานแสง สี เสียง ที่งานเทศกาลดอกลำดวนแล้ว วันนี้ก็ได้มีโอกาสได้ท่องเที่ยว จ. ศรีสะเกษได้เต็ม ๆ ทั้งวันกันไปเลยครับ ว่าแล้ว เรามาเริ่มที่แรกกันครับ
วัดพระธาตุสุพรรณหงส์ จ.ศรีสะเกษ
วัดพระธาตุสุพรรณหงส์ หรือวัดบ้านหว้าน เป็นอีกหนึ่งวัดที่สวย และแปลกกว่าวัดอื่น ๆ ที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางไปยังจังหวัดศรีสะเกษ ด้วยความโดดเด่นของพระอุโบสถที่ก่อสร้างบนเรือสุพรรณหงส์จำลอง ลอยอยู่กลางน้ำอย่างสวยงามแปลกตา ตัวพระอุโบสถกว้าง 5 เมตร ยาว 13.60 เมตร หลังคาทรงจัตุรมุข 3 ชั้น มียอดมณฑปกลางอุโบสถ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และด้วยความสวยงามโดดเด่นของวัดแห่งนี้จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมของที่นี่มาก ๆ ครับ ว่าแล้วเราไปดูความสวยงามของวัดนี้กันเลยดีกว่าครับ
พิกัด : https://goo.gl/maps/4UGVcvbJAt784dcn8
ที่อยู่ หมู่บ้านหว้าน ตำบลน้ำคำ อำเภอเมือง ตั้งอยู่ห่างจาก อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 10 กิโลเมตร
เวลาทำการ : 05.00 – 18.00 น.
วัดนี้ถือว่าเป็น Unseen สำหรับผมเลยก็ว่าได้ ปกติก็จะเห็นเป็นทรงทั่ว ๆ ไป ขอบในไอเดียคนออกแบบครับ
พอเข้ามาด้านในก็ได้มีโอกาสไหว้ สักการะ ขอพรกันซักหน่อยครับ
บริเวณวัดก็จะมีตลาดโบราณวัฒนธรรมชุมชน มีอาหารสินค้าพื้นบ้านหลากหลายให้เลือกซื้อด้วยนะครับ
จากนั้นก็ได้เวลาเดินทางต่อละครับ ข้างทางก็จะเห็นวิว และทิวทัศน์ท้องทุ่ง รู้สึกสบายใจทุกครั้งเหมือนได้กลับ้านเกิด เราเดินทางเพื่อไปอีกวัด ใช้เวลาไม่ถึง 30 นาทีก็ถึงครับ เพราะอยู่ใกล้ ๆ กัน เค๊าบอกว่าวัดนี้มีสัตว์ใหญ่หลายตัว ไหนต้องไปดูกัน ครับ
.
วัดพระธาตุเรืองรอง
วัดนี้ผมก็ถือว่าเป็นวัดที่ใหญ่ และค่อนข้างแปลกอีกตามเคย เพราะมีรูปปั้น สัตว์เใหญ่เยอะมาก ตั้งแต่ทางเข้าเลยครับ ไว้เดี๋ยวผมพาเข้าไปดู เดี๋ยวมาดูข้อมูลวัดนี้กันก่อนครับ วัดนี้เรียกว่า วัดพระธาตุเรืองรอง ครับ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2525 โดยหลวงปู่ธัมมา พิทักษา เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ สำหรับให้ชาวพุทธในถิ่นอีสานใต้ได้มาสักการบูชาแทนการเดินทางไปยังจังหวัดที่ห่างไกล
พระธาตุเรืองรอง เป็นอาคารที่มีการผสมผสานศิลปะอีสานใต้ 4 เผ่า ได้แก่ ลาว ส่วย เขมร และเยอ มีความสูงทั้งสิ้น 49 เมตร แบ่งออกเป็น 6 ชั้น แต่ละชั้นก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์ พื้นบ้านแสดงวิถีชีวิตชนเผ่าลาว ส่วย เขมร และเยอ พวกเครื่องปั้นดินเผาต่าง ๆ ไปจนถึงชั้นที่ 6 หรือชั้นสุดท้าย เป็นที่ประดิษฐานพระบรมเกศาธาตุของพระอรหันต์ และยังเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นบ้านเรือน วิถีชีวิตชาวบ้าน และวิวทุ่งนาอีกด้วย ว่าแล้วตามไปดูกันครับ
ที่อยู่ ตั้งอยู่ภายในวัดบ้านสร้างเรือง ในท้องที่บ้านสร้างเรือง ตำบลหญ้าปล้อง อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศเหนือประมาณ 7.5 กิโลเมตร
เวลาทำการ : : 06:00 – 18:00
พิกัด: https://goo.gl/maps/cqhcAtgyDv5wvQL16
ทางเข้าวัดก็ถือว่าแปลกตาดีครับ ต้องเดินลอดใต้ท้องม้า มองรอบ ๆ มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมากครับ
ด้านบนก็คือ พระธาตุเรืองรอง นั่นเองครับ เดี๋ยวขอเดินชมวัดรอบ ๆ ก่อนแล้วเดี๋ยวผมจะพาขึ้นไปดูด้านบนกันครับ
จากนั้นจะเจอโบสถ์วัวเทียมเกวียนที่มีลักษณะเป็นรูปปั้นวัว 2 ตัว ขนาดใหญ่ กำลังลากเกวียนที่ครอบตัวโบสถ์อยู่ ซึ่งก่อนที่จะมาเป็นโบสถ์วัวเทียมเกวียนนั้น ก็เป็นเหมือนโบสถ์ตามวัดทั่วไป ต่อมาหลวงปู่ธัมมา พิทักษา ได้เห็นว่าในปัจจุบันนั้นหาดูเกวียนได้ยากแล้ว จึงได้จัดสร้างขึ้นให้คนรุ่นหลังได้เห็นถึงความสำคัญของการใช้เกวียนในสมัยก่อนครับ
ชั้นแรกก็จะมีรูปปั้นมากมาย ที่แสดงถึงขนบธรรมเนียมประเพณีไทย และของทางภาคอีสาน และให้มีสติในการใช้ชีวิต และยอมรับว่าคนเราต้องมีเกิด แก่ เจ็บ และตาย ในที่สุดนั่นเองครับ
และแล้วก็มาถึงชั้น 6 ครับ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมเกศาธาตุของพระอรหันต์ นั่นเอง
พอถึงชั้นบนก็ขอชมวิวซักหน่อยครับ อากาศดีมาก ๆ ครับ รู้สึกโล่งปอดไปเลย ไม่มีมลพิษเลยครับที่นี่
ได้เห็นชีวิตชาวบ้านที่ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่ต้องวุ่นวาย รู้สึกสงบจัง
.
ร้านอาหารสีเขียว
ทีนี้ก็ได้เวลาพักเที่ยงแล้วครับ เรามาพักทานอาหารเที่ยงกันที่ ร้านสีเขียว ก็สีเขียวสมชื่อครับ ฮ่าาา ร้านก็จะตกแต่งเป็นโทนสีเขียว เป็นห้องแอร์ ดูสะอาด อาหารก็อร่อยครับ มีอาหารพื้นบ้าน หรือจะเป็นอาหารไทย ๆ ก็มี และที่นี่มีของฝากด้วยนะครับ
ร้านอาหาร “สีเขียว” เป็นอีกหนึ่งร้านดังขึ้นชื่อคู่เมืองศรีสะเกษ ที่ไม่ว่าใครได้แวะเวียนมาเที่ยวที่นี่จะต้องมาลองกินสักครั้ง
ที่อยู่ ถ.มหาราช ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-4561-1589 และ 08-1593-9740
พิกัด: https://goo.gl/maps/q7VEAYTxGWdYybQX6
อาหารมีหลากหลายมากครับ แม้แต่ข้าวสวยก็ยังมีทั้งแบบข้าว ไรซ์เบอรรี่ ข้าวขัดสี มีนูที่ผมชอบมากก็คือ แกงขั่วหอยขมครับ แล้วตบท้ายด้วยลอดช่อง ฟินกันไป
.
วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว (วัดล้านขวด)
และแล้วก็มาถึงอีกวัด น่าจะวัดสุดท้ายของทริปแล้วครับ ฮ่าาา ผมว่าที่ จ.ศรีสะเกษนี้ มีวัดที่แปลก ๆ เยอะนะครับ เพราะแต่ละที่ ที่ไปคือแปลก ๆ ทั้งนั้น วัดนี้เรียกว่า วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดล้านขวด ก็เพราะสถานที่ต่างๆ ภายในวัด ไม่ว่าจะเป็นซุ้มประตูทางเข้า ลานจอดรถ โบสถ์ ศาลา หอระฆัง กุฏิ หรือแม้แต่ห้องน้ำ ต่างถูกประดับประดาด้วยขวดแก้วหลากสีหลายแบบรวมกันกว่า 1.5 ล้านใบ ซึ่งความคิดเช่นนี้ไม่ได้เป็นของนักออกแบบหรือศิลปินท่านใด แต่มาจากพระภิกษุรูปหนึ่ง นามว่า “พระครูวิเวกธรรมาจารย์” หรือ “หลวงปู่ลอด” ที่ครั้งหนึ่งได้เข้าไปพักปักกลดในป่าช้าหนองใหญ่ (ที่ตั้งวัดล้านขวดในปัจจุบัน) โดยในระหว่างนั้นมีญาติโยมและชาวบ้านแวะเวียนมาปฏิบัติธรรมอยู่เสมอ ทำให้หลวงปู่เกิดความคิดที่จะสร้างวัดขึ้นบนพื้นที่ป่าช้าแห่งนี้
แต่เนื่องจากบริเวณใกล้เคียงมีขยะจำพวกขวดอยู่มาก ซึ่งท่านเห็นว่าขวดเหล่านั้นมีสีต่างๆ สามารถนำไปตกแต่งอาคารได้อย่างสวยงาม และยังช่วยประหยัดงบประมาณค่าสี ค่ากระเบื้องได้อีก หลวงปู่จึงทำการรวบรวมขวดจากหมู่บ้านในละแวกวัด และจากหมู่บ้านใกล้เคียง นำมาสร้างกุฏิหลังแรก ต่อมาเมื่อวัดล้านขวดเป็นที่รู้จักทั่วไป คนในจังหวัดใกล้เคียงก็ได้หลั่งไหลเข้ามาสู่วัด โดยต่างคนต่างก็นำขวดติดไม้ติดรถมาบริจาคด้วย จากนั้นอาคารต่างๆ ก็ได้ทยอยถูกสร้างขึ้น กระทั่งวัดล้านขวดกลายเป็นวัดที่สมบูรณ์ดังเช่นในปัจจุบัน
พิกัด : https://goo.gl/maps/4pRW3AJjyv6BoUJE9
ที่อยู่ : บ้านดอน ตำบลโนนสูง อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ
วันเวลา เปิด ปิด : ทุกวัน เวลา 06:00 – 18:00 น.
ที่เห็นสีเขียว หรือ สีน้ำตาลนั้นไม่ใช่ปูน หรืออิฐ สีแต่อย่างใด ทั้งหมดคือขวดแก้วครับท่านผู้ชม
ไม่เว้นแต่ด้านในครับ ชอบไอเดียของที่นี่มาก ๆ
ลวดลายสีทอง หรือทองแดงที่เห็นนั่นคือฝาขวดนะครับ ล้ำไปอีกก
ข้าง ๆ ของอุโบสถ ก็จะเป็นศาลาพระนอนที่ทำจากขวดอีกเช่นกันครับ
อีกด้านก็จะเป็นเจดีย์ขวด และศาลาธรรมะ ก็จะใช้ขวดเล็ก ทำลวดลายเป็นจักสาน
ทีนี้ก็ได้เวลามุ่งหน้าไปคาเฟ่กลางสวนกันแล้ว ใกล้ ๆ วัดล้านขวดก็จะเจออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ เรียกว่าอ่างหนองสิ ถือเป็นส่วนหนึ่งของชาวบ้านที่นี่ เป็นที่กักเก็บน้ำไว้เพื่อการเกษตร และเลี้ยงชีพ จับหอย ปูปลา
.
Cafe’ De’ Nissa
ช่วงบ่ายแก่ ๆ เราก็แวะมาผ่อนคลายกันที่คาเฟ่แนวสวน และทุ่งดอกไม้ คาเฟ่สวยๆ ชิวๆ ใช้พื้นที่ของสวน และทุ่งนามาเป็นคาเฟ่เท่ๆ มีทั้งแบบห้องแอร์และฟาร์มสเตย์ชมวิวด้านนอก นั่งจิบกาแฟ ทานอาหาร
ที่อยู่ : บ้านสำโรงใหม่ไทยเจริญ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ
เปิดทุกวัน. 09.00 – 22.00 น. โทร 095 610 6674
พิกัด : https://goo.gl/maps/kFLdA5c7CUNujTPE6
ทางเข้าก็จะเจอทุ่งดอกไม้ สวยๆ กันก่อน ไว้ถ่ายรูปสวย ๆ ก่อนเข้าไปภายในคาเฟ่
คาเฟ่ก็จะมีทั้ง open air กับ indoor มีที่นั่งให้เลือกมากมาย
เครื่องดื่มก็มีหลากหลายไว้ให้นั่งดื่ม ชิว ๆ พร้อมชมสวน และท้องทุ่ง
จะมาจู๋จี๋เป็นคู่ หรือจะมาชิว ๆ กับเพื่อน ๆ ก็ชิวอีกแบบ
.
จุดชมวิว ผาพญากูปรี
มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวแหล่งสุดท้ายของ จ. ศรีสะเกษแล้วครับ เรามาเพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกกันที่นี่ แต่พลาดไปหน่อยเมฆบังหมด ฮ่าาาา ไม่เป็นไรครับ ถือว่าได้มาชมวิวก็ของทั้งฝั่งไทย และกัมพูชาก็ถือว่าคุ้มแล้วครับ ที่นี่เรียกว่าจุดชมวิวผาพญากูปรี ห่างจากจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ประมาณ 4 กม. ซึ่งอยู่ติดกับเทือกเขาพนมดงรักชายแดนไทย – กัมพูชา ที่นี่ก็มีจุดถ่ายรูปสวย ๆ เยอะเลย พร้อมชมวิวความสวยงามตามธรรมชาติ ทั้งหุบเขา และต้นน้ำห้วยสำราญที่กั้นระหว่าง อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ กับ อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ โดยต้นน้ำห้วยสำราญเป็นลำห้วยสำคัญที่ไหลลงไปสู่ตัว จ.ศรีสะเกษ เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคหล่อเลี้ยงประชาชนชาวศรีสะเกษนั่นเองครับ
ที่อยู่ ริมถนนสายบ้านแซรไปร ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ห่างจากจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ประมาณ 4 กม.
พิกัด : https://goo.gl/maps/bLUezzXY1NCfkZW68
นี่คือรูปปั้นของพญากูปรีที่ตั้งเด่นอยู่บริเวณจุดชมวิวนั่นเองครับ
วิวที่เห็นจะเป็นฝั่งชายแดนระหว่าง สุรินทร์ กับศรีสะเกษนะครับ มีแม่น้ำไหลผ่าน แต่ช่วงนี้เป็นหน้าแล้งน้ำเลยแห้ง ถ้าฟ้าเปิดกว่านี้ก็จะเห็นวิวแบบสุดลูกหูลูกตาแน่ ๆ ครับ
ถนนเส้นนี้ก็สวยดีนะครับ เป็นเนินสูง และโล่งไม่ค่อยมีรถวิ่งผ่าน สามารถนอนกลิ้งเล่น ถ่ายรูปได้สบาย แต่ยังไงก็ต้องระวังปลอดภัยไว้ก่อนครับ
.
ร้านชาบูบุฟเฟ่ต์ หน้าหมี ตีหม้อ
มาปิดท้ายมื้อเย็น มื้อหนักที่นี่เลยครับ ร้านชาบูบุฟเฟ่ต์ หน้าหมี ตีหม้อ ถือว่าส่งท้ายก่อนกลับ กทม อิ่มกันจุก ๆ ไปเลย ถ้าใครมาเที่ยวศรีสะเกษอยากลองชาบูแล้วละก็ไม่ควรพลาดที่นี่ครับ แต่เอาจริงๆ ผมว่าก็ไม่ได้แตกต่างจากร้านอื่น ๆ มาก ส่วนตัวผมทานที่ไหนก็ได้ ชาบูที่นี่มีหมาล่าด้วย ร้านสะอาด บริการดี อาหารสดครับ เพียงคนละ 199 บาท ถือว่าใช้ได้ให้ผ่านครับ
วันเวลา เปิด ปิด : ทุกวันเวลา 11:30–21:30 น.
พิกัด : https://g.page/MheeTmor?share
ขออนุญาตจัดแล้วนะครับ หิวแล้ววว
.
Day 4 เดินทางกลับ กรุงเทพฯ
ก่อนจะกลับ กทม ก็ขอแวะเที่ยวคาเฟ่ และซื้อของฝากกันที่ จ. สุรินทร์อีกครั้ง เพราะเป็นทางผ่านอยู่แล้ว ไปดูกันครับคาเฟ่ ที่ผมจะแวะ ก็ถือว่าเด็ดเหมือนกัน ไปดูกันครับ
ชาวบ้านที่นี่น่ารัก และเป็นกันเองมาก ๆ ครับ
.
Craft -Cafe- Surin
มาเที่ยวสุรินทร์เพื่อนแนะนำว่าอยากกินกาแฟต้องร้านนี้เลยครับ อร่อยสุดในสุรินทร์แล้ว มาทั้งที ผมก็ขอจัดซะหน่อย แต่ส่วนตัวผมให้ร้านกะละแมสดศีขรภูมิ (ตราปราสาทเดียว) นั่นคืออร่อยสุดในสุรินทร์แล้ว แต่ก็แล้วแต่คนชอบนะครับ ร้านตกแต่งได้สวย เก๋ดีครับ ดูดีทั้งข้างในและข้างนอก มีโต๊ะให้นั่งแบบ indoor และoutdoor กาแฟดีหอมอร่อยใช้ได้ทีเลยเดียว เค้กก็รสชาติดี ราคาคุ้มค่า ห้องน้ำสะอาด ใครที่มาเที่ยวสุรินทร์ก็ไม่ควรพลาดนะครับ
วันเวลา เปิด ปิด : ทุกวัน เวลา 9:00–16:30 น.
Facebook : https://web.facebook.com/CraftCafeSurin/
ที่อยู่ 139 ถนน สุรินทร์ภักดี ตำบล ในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ สุรินทร์ 32000
พิกัด : https://goo.gl/maps/bxckvy5WLWjLPc6k9
.
แวะซื้อของฝาก ร้านกุนเชียง ห้าดาว
เป็นร้านของฝาก ที่ใหญ่และดังที่สุดในสุรินทร์แล้วครับ ก่อนกลับก็ขอจัดซักหน่อย ของอร่อยเยอะมากครับ ไม่ว่าจะเป็นกุนเชียง ที่มีให้เลือกหลากหลาย แคปหมู หมูแก้ว อันนี้ผมชอบมาก ๆ แหนมเนือง หมูยอ ฯลฯ เอาเป็นว่าเยอะมาก ๆ ครับราคาก็กันเองอีกด้วยครับ
วันเวลา เปิดปิด : ทุกวันเวลา 7:00–20:20 น.
พิกัด : https://goo.gl/maps/cgXWv7C33SrVKyXm7
.
แวะทานอาหารเที่ยง ร้านจิ้งนำ นางรองขาหมู
ก่อนกลับจริงๆ ก็แวะทานอาหารเที่ยง ร้านจิ้งนำ นางรองขาหมู ร้านชื่อดังของ อ. นางรอง จ.บุรีรัมย์ รสชาติอร่อย สะอาด และมีหลากลายมากครับ ทั้งอาหารพื้นบ้าน และอาหารไทย รวมถึงอาหารจีนอีกด้วย ใครผ่านมาแถว อ.นางรองก็ลองแวะทานนะครับ
พิกัด : https://goo.gl/maps/xJTmqZfXBEV2F68f7
วันเวลา เปิดปิด : ทุกวัน เวลา 7:00–20:00 น.
ถือเป็นอีกทริป ที่ประทับใจมากๆ ครับ จริง ๆ ก็ประทับใจทุกทริปนะครับ ที่ จ. สุรินทร์ และ จ.ศรีสะเกษ เปรียบเสมือนพี่น้องกัน มีอะไรคล้าย ๆ กัน จากที่ได้ไปสัมผัส ที่นี่จะมีวัฒนธรรมที่โดดเด่น พาไหม ผ้ามัดหมี่ ข้าวหอมมะลิ หรือ วัดที่สวย ๆ แปลก ๆ หลายที่เลย ผู้คนน่ารักครับ ใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบ เหมือนได้ไปพักผ่อนจริง ๆ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะกลับไปอีกครับ เดินทางก็ไม่ไกลจาก กทม มาก 4 วัน 3 คืน หรือจะ 3 วัน 2 คืนก็สบายมาก จริง ๆ มีที่เที่ยวอีกเยอะครับ แต่ที่แอดไปมา ก็สามารถเป็นแนวทางได้ เพราะเป็น Route ที่ไม่ซับซ้อน ถ้าใครยังไม่มีแพลน อยากเที่ยวแถบอีสานใต้ ลองไปดูนะครับ แล้วจะติดใจ ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้านะครับ สวัสดีครับ